ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1625 กำลังจะตื่นแล้ว
ตอนที่ 1625 กำลังจะตื่นแล้ว
……….
ซั่งกวนจิ้งเบิกตากว้าง
“ชุด…ชุดเกราะ? นั่นต้องใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬจำนวนเท่าไรกัน?”
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น หากสามารถทำให้เสร็จก่อนไปถึงสุสานสังหารเทพได้ ก็เป็นเรื่องดีอย่างยิ่ง”
ซั่งกวนจิ้งตกใจจนพูดอันใดไม่ออกแล้ว
เรื่อง นี้ ไม่ ใช่ ปัญหา ?
หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬชิ้นเล็กๆ ก็นับว่าเป็นของวิเศษที่หาได้ยากยิ่งแล้ว!
เดิมทีเขาคิดว่าหรงซิวจะหลอมมีดสั้นหรือว่าอาวุธอย่างอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะหลอมชุดเกราะแล้วมอบให้กับเยว่เออร์!
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ผจญอันตรายที่เขาหมื่นเมรัย เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงที่อยู่บนร่างกายของนางก็ถูกทำลายจนเป็นเสี่ยงๆ แล้ว
ซั่งกวนจิ้งเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีโอกาส
ตอนที่เขารออยู่ด้านนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ภายในใจเต็มไปด้วยความกังวล เดิมทีก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้วหลอมอาวุธได้
คิดไม่ถึงเลยว่าหรงซิวจะแย่งโอกาสนี้ไป
อีกทั้ง… เขายังใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก
ซั่งกวนจิ้งจึงรู้สึกว่าของที่เขามีอยู่ในมือ ไม่ควรค่าแก่การนำออกมาแสดง
เมื่อเปรียบเทียบกับหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬที่อยู่ในมือของหรงซิวแล้ว มันก็ด้อยกว่าจริงๆ
ซั่งกวนจิ้งสงบจิตใจของตัวเองลง
อย่างใดก็ตามเมื่อมอบให้กับนังหนูเยว่เออร์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี! เรื่องดีอย่างยิ่ง!
“เจ้าใส่ใจนางมากเลยทีเดียว”
ซั่งกวนจิ้งกระแอมไอหนึ่งเสียง
“แต่ในตอนนี้มันจะยังทันหรือ?”
เดิมทีการเดินทางของพวกเขาก็กระชั้นชิดมากพออยู่แล้ว เวลาที่หรงซิวหลอมอาวุธนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย
และถ้าต้องการใช้หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬหลอมเป็นชุดเกราะที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นมันควรจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชา
เมื่อถึงเวลาจะต้องมีปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน
หากต้องการทำเสร็จก่อนที่จะไปถึงสุสานสังหารเทพ… ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
ริมฝีปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้น
“ข้าจะพยายามให้เต็มที่”
ซั่งกวนจิ้งอ้าปากค้าง ก่อนจะกวาดสายตามองลำแสงสีทองที่เปล่งประกายออกจากหินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬ สุดท้ายก็พยักหน้าออกมา
เดิมทีเขาคิดจะช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นว่าหรงซิวขัดหินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในตอนนั้นเขาจึงไม่ได้ยื่นมือเข้าไปอีก แต่มันก็ไม่เหมาะสมอยู่เล็กน้อย ถ้าจะเข้าไปแทรกแซงในเวลานี้
จึงทำได้เพียงหวังว่าหรงซิวจะสามารถหลอมอาวุธได้อย่างราบรื่น
หรงซิวก้มหน้าจัดการงานในมือของตนเองต่อไป
เขามีสมาธิจดจ่อเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าเขาถือมีดแกะสลักและค่อยๆ แกะสลักไปทีละส่วนโดยไม่ส่งเสียงใดๆ หินจิตวิญญาณสุวรรณกาฬก้อนนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างไป
ซั่งกวนจิ้งที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้าง ก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองอย่างกะทันหัน
… ท่าทางของหรงซิวในตอนนี้ เหตุใดถึงคุ้นตาเขายิ่งนัก
เหมือนกับว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน…
แต่ความคิดนี้ก็อยู่ภายในสมองของซั่งกวนจิ้งเพียงครู่หนึ่งเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกเขาสลัดออกไปอย่างรวดเร็ว
บางทีอาจจะเป็นเขาที่คิดมากไป
…
ราตรีผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่แสงแรกส่องลงมา หรงซิวก็หยุดการกระทำในมือ
เขาเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็หันมองทางฉู่หลิวเยว่ พร้อมเก็บของที่อยู่ในมือลงไปแล้ว
ในที่สุดตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะถอนหายใจออกมา
หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน พลังกายและพลังจิตของนางก็ฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว
ความเหนื่อยล้าถูกกำจัดออกไปจนหมดสิ้น แม้กระทั่งดวงตายังสว่างกระจ่างใส
นางบิดตัวขึ้น จากนั้นก็มีเสียงลั่นออกมาจากร่างกายของนาง
ถวนจื่อที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านข้าง ก็ลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตา จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่ในทันที
“อาเยว่…”
นางพูดพึมพำเหมือนกับกำลังสะลึมสะลือ นางกางแขนขึ้นแล้วโอบรอบคอของฉู่หลิวเยว่
แต่อย่างใดก็ตามขณะที่นางกำลังโถมตัวเข้าสู่อ้อมกอดของฉู่หลิวเยว่ ในตอนนั้นเองนางก็รู้สึกเสียววาบที่หลังคอ
ร่างกายของถวนจื่อแข็งทื่อไป จากนั้นก็รีบหันคอไปมองด้านข้างทันที
ทางนั้นคือโอรสสวรรค์ที่กำลังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนดุจวสันต์ฤดู
ถวนจื่อรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาในทันที!
นางชะงักตัวอย่างกะทันหันแล้วหดแขนของตนเองลงอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังรอจะกอดนางอยู่นั้น ก็เห็นว่าถวนจื่อชะงักตัวไป จากนั้นก็ยังหดแขนตัวเองลง
“ถวนจื่อ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เหมือนว่าเด็กคนนี้จะมีอันใดผิดปกติไป…
“อาเยว่วันนี้ถวนจื่อเหนื่อยมาก ข้าสามารถกลับลงไปได้หรือไม่?”
ถวนจื่อพูดตะโกนออกมาเป็นชุดราวกับประทัด
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย
“ได้แน่นอน! เจ้า…”
นางไม่ทันพูดจบ เงาร่างก็วูบไหว และหายตัวไปจากตำแหน่งเดิม!
วินาทีต่อมาก็กลับเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่แล้ว
“เฮ้อ…”
ถวนจื่อถอนหายใจออกมายาวๆ
อันตรายมาก!
ฉู่หลิวเยว่ “…”
เหตุใดถึงรีบร้อนขนาดนี้ หรือว่าเมื่อวานรู้สึกว่าเหนื่อยมาก?
“รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
หรงซิวสาวเท้าก้าวขึ้นมา และถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีหรงซิวและองค์ปฐมกษัตริย์อยู่ที่นี่หรือเปล่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมานางจึงรู้สึกปลอดภัยเป็นอย่างมาก และสามารถพักผ่อนได้เต็มที่
“งั้นก็ดีแล้ว”
คิ้วกระบี่ของหรงซิวเลิกขึ้นเล็กน้อย
“เยว่เออร์ พวกเราเดินทางกันต่อเถอะ!”
ซั่งกวนจิ้งฝังกลบกองเพลิงเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็พูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
คนกลุ่มนี้เดินทางมุ่งหน้าไปยังสุสานสังหารเทพกันต่อไป
…
ทะเลทรายจันทราสีชาด
ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าแผดเผาลอยอยู่กลางอากาศ คลื่นความร้อนแผ่กระจายออกมา
แค่มองไปก็เห็นว่าอากาศดูบิดเบี้ยวเพราะคลื่นความร้อนเหล่านี้
มีเพียงทะเลสาบที่อยู่ใจกลางทะเลทรายเท่านั้นที่ยังมีความร่มเย็นร่มรื่น
ลมพัดเบาๆ โชยมา ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นเป็นวงกว้าง
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของทะเลสาบ
ผมสีม่วง นัยน์ตาสีม่วง สวมชุดยาวพลิ้ว
ซึ่งคนผู้นั้นคือ ตู๋กูโม่เป่า
เขายืนอยู่ด้านข้างทะเลสาบ ก่อนจะเหลือบสายตามองท้องฟ้า หลังจากเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง เขาจึงถอนสายตากลับมา
เขามองไปทางทะเลสาบที่สงบราบเรียบ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะโบกชายเสื้อไปมา
น้ำในทะเลสาบแยกออกเป็นสองฝั่งในทันที
เงาร่างของตู๋กูโม่เป่าวูบไหว จากนั้นก็หายลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปสักพัก ผิวน้ำของทะเลสาบก็กลับมาเป็นปกติ ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น
…
ตู๋กูโม่เป่าเดินไปยังคุกใต้ดินที่อยู่ในทะเลสาบ
ภายในคุกเป็นพื้นที่คับแคบ กลิ่นคาวเลือดและเหม็นอับยังคงอยู่เจือจาง
โซ่สีดำหลายสายกำลังพันธนาการร่างสองร่างเอาไว้
ซึ่งคนผู้นั้นคือผู้อาวุโสลำดับห้าและหลานเซียว
ทั้งสองคนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เห็นว่าตู๋กูโม่เป่าปรากฏตัวขึ้น
ผู้อาวุโสลำดับห้าหัวเราะขึ้นเสียงดังแล้วพูดว่า
“พี่เป่า เจ้ากลับมาแล้ว!”
หลังจากนั้นไม่นาน รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างไป
“เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่ามีสีหน้าราบเรียบ
“บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
หลานเซียวจ้องเขาตาเขม็ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา
“หึ พี่เป่า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า แค่เจ้ามีร่างศักดิ์สิทธิ์ร่างใหม่ ก็สามารถปกปิดบางอย่างกับพวกเราได้แล้ว?”
ตู๋กูโม่เป่ากำลังจะพูดขึ้น แต่มุมปากของเขาก็มีคราบเลือดไหลออกมา จากนั้นร่างกายก็ผงะถอยหลังลงไป!
ตุ้บ!
เขาล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“พี่เป่า!”
ผู้อาวุโสลำดับห้าอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ หลานเซียวก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
เสียงโซ่ดังลั่นเพราะถูกคนสองคนขืนตัวไปมา
ยังดีที่ตู๋กูโม่เป่ายังไม่สลบไป จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมา
“ข้า…ข้าไม่เป็นไร…”
“แบบนี้ยังเรียกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ?”
ปกติผู้อาวุโสลำดับห้าจะมีเสียงที่อ่อนโยน แต่ในขณะนี้น้ำเสียงของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา
ตู๋กูโม่เป่าเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก ใบหน้าซีดขาวกว่าเดิมไม่น้อย
เขาหลับตาลง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“คนผู้นั้น…กำลังจะตื่นแล้ว”
ทันใดนั้นรอบข้างมีความเงียบงันเข้าปกคลุม
……….