ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1604 ชี้แจ้ง
ตอนที่ 1604 ชี้แจ้ง
……….
“ผู้อาวุโสทั้งหลายเข้ามาพร้อมกันเถอะ”
หรงซิวกล่าวขึ้น พร้อมสะบัดแขนเสื้อ ประตูเปิดออกเพื่อเป็นการต้อนรับ
เขาเดินไปที่หน้าประตู แล้วชะงักฝีเท้าอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมามองด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“หากผู้อาวุโสท่านใดมีข้อสงสัย ก็สามารถเข้ามาพร้อมกันได้”
ทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันไปมา บรรยากาศอึดอัดเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ขณะที่อยู่ที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับการโต้เถียงและการซักไซ้ไล่เลียงของหรงซิว ทุกคนกลับไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้เลย
แต่หลังจากนั้นหรงซิวก็ยังเสนอตัวว่าจะมาตรวจสอบที่นี่ด้วยตนเอง
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ หากเขาพูดอันใดออกไป อีกฝ่ายจะต้องพุ่งเป้ามาที่พวกเขาอย่างแน่นอน
มีข้อสงสัย?
นี่ไม่ใช่การชี้แจง แต่เป็นการเสียดสีพวกเขา ที่พวกเขามีคำถามและข้อสงสัยมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกเป็นคนเดินติดตามไปคนแรก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ทุกคนเข้าไปดูพร้อมกันก็ดี มีคนเยอะก็ยิ่งมีกำลังเยอะ! ไม่แน่ว่าก่อนหน้านี้พวกเราอาจจะพลาดจุดใดไป เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากทุกคนจะต้องสืบเสาะเบาะแสมาได้อย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสถงชวนใบหน้ามืดดำ และรีบติดตามมาทันที
หลังจากนั้นก็ติดตามมาด้วยผู้อาวุโสอวี๋จิ้งและคนอื่นๆ
ทุกคนลังเลอยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าเงาร่างของหรงซิวและคนอื่นๆ หายลับจากครรลองสายตาไปแล้ว ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา จนสุดท้ายก็กัดฟันกรอด และทั้งหมดก็เดินตามเข้าไปด้านใน
…
ไป๋หลีฉุนคือประมุข
แน่นอนว่าที่พำนักของเขาจะต้องหรูหราและมีเกียรติ
หรงซิวเดินเข้าไป และมุ่งตรงไปที่ห้องนอนของไป๋หลีฉุนทันที
ความจริงแล้วด้วยระดับฝีมือของไป๋หลีฉุน ต่อให้เขาไม่ได้นอนหนึ่งเดือน ก็ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อเขาแน่นอน
ดังนั้นแม้ว่าที่แห่งนี้จะเรียกว่าห้องนอน แต่ความจริงแล้วส่วนใหญ่เขาจะฝึกซ้อมอยู่ที่นี่เกือบจะตลอดเวลา
หรงซิวเดินเข้าไปในห้องพัก ก่อนจะยืนอยู่ที่เดิมแล้วกวาดสายตามองโดยรอบ
ภายนอกดูหรูหราแล้ว แต่ภายในกลับดูหรูหรายิ่งกว่า
หลังจากที่ผู้นำตระกูลหลายคนเดินเข้ามาแล้ว พวกเขาก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอดไม่ได้
โดยปกติแล้วนอกจากไป๋หลีฉุน ไม่ว่าใครก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาที่แห่งนี้
เมื่อพวกเขาเห็นสถานที่แห่งนี้ จึงรู้สึกตกใจมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผู้อาวุโสถงชวนหันกลับไปมองคนเหล่านั้นด้วยสายตาไม่พอใจ จนทำให้คนเหล่านั้นเงียบเสียงไปในทันที และไม่กล้าส่งเสียงอันใดออกมาอีก
แต่อย่างใดก็ตามในขณะเดียวกันนั้นเอง หรงซิวก็หัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน
“ห้องของท่านประมุขนั้นใหญ่อย่างมาก ด้านข้างยังมีตำหนักข้างเคียงอีกสองตำหนัก ทุกคนแยกกันค้นหาเถอะ อย่าลืมว่าจะต้องค้นหาให้ละเอียด ไม่จำเป็นจะต้องยั้งมือเพราะที่นี่เป็นสถานที่ของท่านประมุข พวกเราจำเป็นต้องหาเบาะแสและความจริงให้พบ ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับท่านประมุข”
ทุกคนไม่กล้าตอบรับ ได้แต่พยักหน้าโดยพร้อมเพรียง
“รับด้วยเกล้า”
ริมฝีปากของผู้อาวุโสถงชวนกระตุกขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา เขาทำได้เพียงมองหน้าของหรงซิวเท่านั้น
หรงซิวยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าเดินขึ้นไปด้านหน้า
ตอนที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังเริ่มสืบหาเบาะแส แต่ทันใดนั้นเขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง
ทุกคนชะงักไปเล็กน้อย
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
“พวกเจ้าทำงานของพวกเจ้าไปสิ”
ทุกคนก็ไม่กล้าพูดจา จึงรีบค้นหาเบาะแสต่อไป
หรงซิวนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนราวกับภูเขา แววตาของเขายังมีความผ่อนคลายอยู่หลายส่วน
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสถงชวนและผู้อาวุโสอวี๋จิ้ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“เหตุใดผู้อาวุโสทั้งสองท่านไม่ออกไปหาเบาะแสเล่า?”
คำพูดนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองสะอึกไป
น้ำเสียงนี้ดูสูงส่งเหนือใคร เหมือนว่าเห็นพวกเขาเป็นทาสก็มิปาน! จึงทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก!
ผู้อาวุโสถงชวนชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามกลับว่า
“แล้วฝ่าบาทไม่สืบหาเบาะแสด้วยตัวเองหรือ?”
หรงซิวตอบรับว่า “อ่า” หนึ่งเสียง พร้อมกดรอยยิ้มที่ลึกขึ้นเล็กน้อย
“ช่วงนี้ข้าจัดการงานมาไม่น้อย รู้สึกค่อนข้างเหนื่อย ข้าจึงตั้งใจจะพักเสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังมีผู้อาวุโสและหัวหน้าตระกูลอยู่ ข้าจึงรู้สึกวางใจเป็นอย่างยิ่ง”
ผู้อาวุโสถงชวนสัมผัสได้ถึงเลือดลมที่พุ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
หรงซิวกำลังทำให้พวกเขาคลั่งแล้ว!
เขากัดฟันกรอด แล้วรีบตอบรับทันที จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปอีกทาง
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็ไม่กล้าพูดมาก จากนั้นก็เดินไปทางอื่น
ในตอนที่หรงซิวนั่งพักผ่อน ส่วนคนอื่นก็ออกแรงค้นหาต่อไป
ตอนนี้เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว ทุกคนจึงทยอยหยุดมือ
“ฝ่าบาทหาอันใดไม่พบเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาททางพวกเราก็ไม่มีเช่นกัน”
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งผิดปกติ…”
คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ล้วนเป็นคนที่มีสถานะสูงส่งของพระราชวังเมฆาสวรรค์ หลังจากพวกเขาพยายามค้นหาเบาะแสร่วมกันแล้ว ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติเช่นเดิม เหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่สามารถแก้ไขได้
หรงซิวหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อย ไม่พูดไม่จา เหมือนกับกำลังครุ่นคิดอยู่
ผู้อาวุโสถงชวนเดินเข้ามา ก่อนจะประสานมือทำความเคารพแล้วพูดว่า
“ฝ่าบาท ข้าพยายามสืบหาอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่พบสิ่งใดเลย”
น้ำเสียงของเขานั้นเฉยเมินและเย็นชาเช่นเดิม
มีเพียงความเยาะเย้ยในแววตาที่หาได้ยากเท่านั้น
สืบหา?
แน่นอนว่าที่แห่งนี้ไม่สามารถหาอันใดพบได้อยู่แล้ว
หรงซิวพาคนมามากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การสร้างสถานการณ์เท่านั้น
คิดว่าตนเองเป็นโอรสสวรรค์แล้วจะสามารถทำได้ทุกอย่างอย่างราบรื่นเช่นนั้นหรือ?
การก่อความวุ่นวายเช่นนี้ ก็รังแต่จะทำให้คนเบื้องล่างเกิดความไม่พอใจเท่านั้น
เมื่อดูจากภายนอกแล้วเหมือนหรงซิวได้กุมกำลังทั้งหมดของพระราชวังเมฆาสวรรค์เอาไว้แล้ว แต่ในเป็นจริง สิ่งที่เขาสามารถควบคุมได้ คือนายทหารที่เขานำออกมาเองเท่านั้น
หากมองอย่างผิวเผินแล้ว เหมือนว่าผู้นำตระกูลทุกตระกูลจะให้ความเคารพเขา แต่ในความเป็นจริงแล้ว…
ขณะที่หรงซิวก้าวขึ้นสู่อำนาจ อายุของเขายังไม่ถึงเกณฑ์ แต่เมื่อรอจนอายุถึงเกณฑ์แล้ว เขาก็ออกจากพระราชวังแห่งนี้ไปหลายปี
ในช่วงเวลาเหล่านี้ สมุดพับของพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็อยู่ในการดูแลของผู้อาวุโสถงชวนมาโดยตลอด
หรงซิวกลับมาแย่งอำนาจนี้คืนได้ไม่ถึงหนึ่งปีเลย
ตอนนี้ในมือของเขาจะมีอำนาจสักกี่ส่วนกัน… เกรงว่าเรื่องนี้ยังคงเป็นคำถามอยู่!
หรงซิวยังคงไม่พูดไม่จา
ผู้อาวุโสถงชวนขมวดคิ้วขึ้นอย่างหมดความอดทน
“ฝ่าบาท?”
โฮก…
เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้นจากระยะไกล!
จากนั้นเงาร่างขาวโพลนดุจหิมะก็กระโจนเข้ามาจากทางหน้าต่าง!
มันคือเสวี่ยเสวี่ยนั่นเอง!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ตอนที่พวกเขาเห็นรูปร่างของเสวี่ยเสวี่ยอย่างชัดเจนกลับรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
บนร่างกายของเสวี่ยเสวี่ยเต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าเหมือนถูกอันใดบางอย่างข่วน เลือดทะลักออกมา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง!
พวกเขาล้วนรู้ว่า สัตว์อสูรในพันธสัญญาของหรงซิวตัวนี้แข็งแกร่งขนาดไหน น้อยครั้งมากที่จะพ่ายแพ้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงท่าทางจนตรอกเช่นนี้!
นี่ไม่รู้ว่ามันเจออันใดมา…
อีกทั้งเหมือนว่าในปากของมันกำลังคาบอันใดบางอย่างอยู่
หรงซิวลุกขึ้นยืน แล้วลูบหัวของเสวี่ยเสวี่ย
“ลำบากเจ้าแล้วนะ”
เสวี่ยเสวี่ยส่ายหน้า ก่อนจะคายของที่อยู่ในปากออก
“ตึง”
ป้ายไม้แผ่นหนึ่งหล่นลงพื้น
ผู้อาวุโสถงชวนหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที
……….