ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1595 ผู้สมัครที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ตอนที่ 1595 ผู้สมัครที่ยอดเยี่ยมที่สุด
……….
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดจริงๆ
ต้องบอกก่อนว่าท่านประมุขของเผ่าหงส์ทองคำผู้นี้ มีนิสัยเย็นชา แข็งกระด้าง และเย่อหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก
ไม่ต้องพูดถึงเผ่ามนุษย์เลย แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสและรุ่นเยาว์ทั้งหลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เขาก็เห็นอีกฝ่ายเป็นแค่นก
กระทาเท่านั้น
ต่อให้เขาจะพูดคุยเจรจากับอีกฝ่าย
แต่ถ้าพูดให้น่าฟังเสียหน่อย เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เย่อหยิ่งจองหองเป็นอย่างมาก
แต่ถ้าพูดให้ไม่น่าฟัง เขาเป็นคนที่หยิ่งยโส และรักศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก
แต่ในตอนนี้คนอย่างเขากลับถูกถวนจื่อบีบบังคับให้พ่ายแพ้ แต่คาดไม่ถึงว่า… เขาจะไม่มีความโกรธเคืองเลย?
ไม่เพียงไม่รู้สึกโกรธ เหมือนกับกำลังคิดว่าจะต้องทำอย่างใดดีถึงจะทำให้ถวนจื่อมีความสุข?
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปทางอี้เจาอย่างไร้เสียง เมื่อเห็นว่าเขากำหมัดแน่นด้วยความประหม่า รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็แข็งค้าง นางจึงเกือบจะหัวเราะออกมาแล้ว
“คือว่า…”
อี้เจาอึกอักอยู่นาน ก่อนจะพูดออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อเขาพูดออกมาได้หนึ่งคำ ถวนจื่อก็พูดออกมาว่า
“ในเมื่อท่านประมุขไม่มีเรื่องอันใดแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ?”
คำพูดที่เหลือของอี้เจาติดอยู่ที่กลางลำคอ
ทุกคนกลั้นลมหายใจ
… ถวนจื่อผู้นี้ กำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว!
คนก่อนหน้านี้ที่กล้าทำตัวไร้มารยาทกับท่านประมุขเช่นนี้ ได้ตายไปอย่างไร้กระดูกตั้งนานแล้ว
และนาง… ต้องโดนลงโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน!
อย่างใดก็ตามทุกคนกำลังรอดูว่าอี้เจาจะลงโทษถวนจื่ออย่างใด แต่ในตอนนั้นกลับได้ยินเสียงเขากะแอมไอ แล้วพูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“เช่นนั้น… เจ้าก็ไปเถอะ …”
“ขอบคุณท่านประมุขมาก!”
ถวนจื่อกล่าวขอบคุณหนึ่งคำ ก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งกลับไปยืนอยู่ข้างกายฉู่หลิวเยว่
ทุกคนนิ่งค้างไป
จะปล่อย… ปล่อยไปเช่นนี้น่ะหรือ?
คาดไม่ถึงว่าท่านประมุขจะไม่คิดจะลงโทษนางเลยแม้แต่น้อย?
ส่วนอี้เจานั้นกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
เมื่อครู่นี้ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับถวนจื่อ ใบหน้ากลมเล็กเย็นชาเป็นอย่างมาก
แต่ทันทีที่นางหมุนตัวกลับไป มุมปากก็คลี่ยิ้มเป็นรอยยิ้มกว้าง
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า รอยยิ้มนี้มีไว้ให้กับซั่งกวนเยว่
เขามองเงาร่างกระโดดโลดเต้น ภายในใจของอี้เจากลับมีความขมฝาด
ตามหลักการแล้วเมื่อถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ อีกทั้งยังสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้ ความรู้สึกที่มีต่อเผ่าพันธุ์ก็ควรจะลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
แต่ว่า…
เมื่อเห็นสายตาของนางเมื่อครู่นี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าถวนจื่อยังคงคิดถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้
ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว… เหมือนว่าท่าทางและการกระทำของเขาที่มีต่อซั่งกวนเยว่และถวนจื่อในตอนแรกนั้นเหมือนว่าจะแข็งกระด้างมากเกินไป…
หากทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันด้วยดีตั้งแต่แรก ถวนจื่อคงจะไม่ต่อต้านพวกเขาอย่างนี้
เขาเพิ่งเข้าใจก็ตอนนี้เอง แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว
…
“อาเยว่!”
ฉู่หลิวเยว่จับมือเล็กและนุ่มนิ่มนั้น แต่สายตาก็ยังคงมองไปทางอี้เจา นางพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มว่า
“ท่านประมุขอี้เจา การพนันของข้านั้น… นับว่าข้าชนะแล้วใช่หรือไม่?”
อี้เจาดึงสติกลับมา ก่อนจะมองนางด้วยสายตาสับสน
ต่อให้เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นความจริง
แม่นางคนนี้สามารถช่วยให้ถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ภายในเวลาหนึ่งเดือนได้จริงๆ
อีกทั้งนางยังสามารถช่วยให้ถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้
ทุกคนได้เห็นทุกเหตุการณ์เหล่านั้นกับตนเองแล้ว
นางสามารถทำเช่นนี้ได้ ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องยอมรับ
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อพึ่งพาแอบอิงอยู่ข้างกายนาง อี้เจาก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างอดไม่ได้
“เจ้าชนะแล้ว ข้า… ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องยกเลิกพันธะสัญญากับถวนจื่อ หลังจากนี้หากมันต้องการจะติดตามเจ้า เช่นนั้นก็… ตามใจเถอะ”
อี้เจาพูดออกมาอย่างเชื่องช้า น้ำเสียงของเขาทุ้มลึกกว่าปกติเล็กน้อย
อีกทั้งคำพูดนี้ ยังดังก้องในโสตปราสาทของทุกคนราวกับเสียงฟ้าผ่า
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทุกคนก็เบิกตากว้างออกมาด้วยความตกใจ และหันไปมองทางอี้เจาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นอกจากอี้เจาและผู้อาวุโสทั้งห้าแล้ว ผู้คนที่เหลือล้วนไม่รู้เกี่ยวกับการพนันขันต่อในครั้งนี้
ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ใหญ่มาก
ท่านประมุขรังเกียจเผ่าพันธุ์มนุษย์มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?
คาดไม่ถึงว่าจะยอมตอบตกลงให้ถวนจื่อติดตามซั่งกวนเยว่ต่อไป อีกทั้งยังไม่ต้องยกเลิกพันธสัญญาอีก?
นี่มัน…
มีเพียงผู้อาวุโสอี้กงเท่านั้น ที่เหมือนอยากจะพูดอันใดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แววตาของเขาเปล่งประกาย
“ท่านประมุข…”
ผู้อาวุโสอี้ซังได้ยินดังนั้น ในที่สุดก็พูดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมีท่าทางลังเล
เรื่องนี้จะตัดสินแบบนี้ได้อย่างใด?
ถวนจื่อเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ อีกทั้งตอนนี้ยังสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้โดยตรง!
ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ นางก็เป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดของการคัดเลือกนายน้อย!
ถ้านางยังทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่ดังเดิม เช่นนั้นตำแหน่งนายน้อยนี้ นางจะสามารถครอบครองได้อย่างใด?
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาพนันขันต่อ ด้านหนึ่งพวกเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าสายเลือดบริสุทธิ์จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ส่วนอีกด้านพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าซั่งกวนเยว่จะสามารถทำได้จริงๆ!
แต่ว่าในตอนนี้
ถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์สำเร็จแล้ว อีกทั้งยังสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้ สามารถพูดได้ว่าในบรรดากลุ่มคนรุ่นเยาว์นี้ ไม่มีใครสามารถเทียบเทียมนางได้แล้ว
แต่นางกลับต้องการจะติดตามซั่งกวนเยว่ต่อไป!
สำหรับพวกเขาแล้วนี่เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่!
อี้เจาขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แววตาดำมืด
“ข้าจำเป็นต้องรักษาสัญญา สิ่งที่ข้าพูดไปแล้ว ไม่สามารถคืนคำได้”
“ท่านประมุขพูดได้ถูกต้อง”
ผู้อาวุโสอี้กงที่เงียบไปเป็นเวลานานก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“การพนันในครั้งนี้ท่านประมุขเป็นคนยื่นเงื่อนไข ตอนนี้อีกฝ่ายได้ชนะการพนันแล้ว แล้วพวกเราได้ทำลายสัญญานั้น แบบนี้มันคงน่าอับอายเกินไป… อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ใบหน้าของพวกเราชาวเผ่าหงส์ทองคำจะเอาไปวางไว้ที่ไหนกัน?”
ผู้อาวุโสอี้ซังมองมาด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อมองเห็นความหวังก็เลยจะกระโดดขึ้นมาอีกรอบหรือ?
เขาช่างไม่ยอมปล่อยวางความคิดนี้จริงๆ!
ผู้อาวุโสอี้กงกลับไม่สนใจสายตาดูถูกของเขา
ในตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีอย่างมาก!
เดิมทีเมื่อเขาเห็นว่าถวนจื่อสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้สำเร็จ เขาก็รู้แล้วว่าตำแหน่งนายน้อยนั้นจะต้องเป็นของนางอย่างแน่นอน
แต่เมื่อซั่งกวนเยว่พูดถึงเรื่องการพนันขึ้น เขาถึงได้นึกออกว่า ความสำเร็จของถวนจื่อนั้น นางไม่มีคุณสมบัติที่จะได้ขึ้นครองตำแหน่ง!
ความสิ้นหวังและกังวลใจเมื่อก่อนหน้านี้กลายเป็นความรู้สึกที่เปล่าประโยชน์!
เผ่าหงส์ทองคำนั้นไม่มีทางยอมรับหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์มาเป็นนายน้อยของตนเองอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้สายตาของอี้กงก็หรี่ลงมาเล็กน้อย แล้วหันไปมองทางอี้หราน ในแววตาของเขามีประกายความผิดหวังและดูแคลนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
โคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง*
เขาใช้เวลาหลายปีในการอบรมดูแลอีกฝ่าย แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถได้อันใดมาเลย
จนถึงตอนนี้อี้หรานเหมือนกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว
เขาจำเป็นจะต้องหาเพชรเม็ดงามเม็ดต่อไป…
แต่ว่าในสถานการณ์ที่รีบร้อนเช่นนี้ เรื่องการคัดเลือกตำแหน่งนายน้อยควรจะเลื่อนเวลาออกไปเสียดีกว่า
“ท่านประมุข ในวันนี้เกิดเรื่องมากมาย ข้าว่าตำแหน่งนายน้อยนี้… อย่าเพิ่งคัดเลือกเลย รอให้ผ่านไปสักระยะหนึ่ง เมื่อสภาพจิตใจของทุกคนกลับมาเป็นปกติ และหลังจากเตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยกลับมาคัดเลือกกันอีกครั้งจะดีหรือไม่? หรือว่าจะเป็นการกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งต่อไป ค่อย…”
ผู้อาวุโสอี้ซังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“งานกราบไหว้บรรพบุรุษร้อยปีจัดหนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ทุกคนต่างเตรียมตัวเพื่อมาคัดเลือกตำแหน่งนายน้อย ทุกคนในเผ่าใช้ความพยายามกันไปไม่น้อย เหตุใดพูดว่าจะเลื่อนก็สามารถเลื่อนได้อย่างง่ายดายเล่า?”
ผู้อาวุโสอี้กงยิ้มออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เช่นนั้นจะทำอย่างใดเล่า? ในสถานการณ์แบบนี้ อี้ซัง เจ้าคิดว่าจะสามารถจัดต่อไปได้หรือ?”
“เจ้า…”
“ไม่ต้องจัดต่อไปแล้ว”
อี้เจาพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขัดจังหวะการโต้เถียงของทั้งสองคน
มุมปากของผู้อาวุโสอี้กงยกยิ้มขึ้น “ท่านประมุขปราดเปรื่องยิ่งนัก”
แต่คำพูดประโยคถัดไปของอี้เจา กลับทำให้ใบหน้าภาคภูมิใจของเขานั้นแข็งทื่อไปในทันที
“เพราะว่าข้ามีผู้สมัครที่ดีที่สุดแล้ว”
*โคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง หมายถึง คนไร้ความสามารถ
……….