ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1592 ข้ามาช่วยเจ้า
ตอนที่ 1592 ข้ามาช่วยเจ้า
……….
ตอนนี้บนท้องฟ้าในหุบเขาเฟิ่งหวง เมฆดำหนาแน่นกำลังพริ้วไหวไปตามสายลม
ภายในเมฆดำนั้นคือทัณฑ์สวรรค์ ซึ่งมันทยอยตกลงมาหมดแล้ว ในตอนนี้เมฆดำหมดจด เหลือเพียงความมืดดำเท่านั้น
มีเพียงกลุ่มเพลิงสีทองคำชาดเท่านั้นที่ยังคงลุกโชนอย่างไร้เสียงเช่นเดิม
เมื่อมองไปแล้วก็เห็นเงาร่างที่คลุมเครืออยู่ภายใน
ขนนกทองคำบรรพบุรุษนั้นก็ลอยอยู่ฝั่งตรงข้ามของมัน ราวกับว่ากำลังรออันใดอยู่
นี่มัน…
ยังจะมีต่ออีกหรือ?
ทุกผู้คนที่ยืนอยู่ที่จัตุรัสหน้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงล้วนสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
การเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องก็ช่างเถอะ แต่คาดไม่ถึงว่าจะสามารถทะลวงไปสู่เส้นชีพจรที่สี่ได้ในทันที… แบบนี้มันจะผิดเพี้ยนมากเกินไปแล้วมั้ง?
ผู้อาวุโสอี้กงสูญเสียสติไปอย่างหาได้ยาก เขาเหม่อมองภาพเหตุการณ์นั้นจากระยะไกล ภายในสมองเต็มไปด้วยความสับสน
“นี่…นี่มัน… มันเพิ่งจะทะลวงด่านมาเป็นหงส์ทองคำได้ไม่นานไม่ใช่หรือ?”
ตามหลักการแล้ว หากมันต้องการจะเปิดเส้นชีพจรที่สาม อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาร้อยปีแล้ว
ส่วนการเปิดเส้นชีพจรที่สี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!
แต่ในตอนนี้เรื่องเหล่านี้มารวมกันอยู่ที่นี่ที่เดียว!
แล้วมันก็ยังผูกพันธสัญญากับมนุษย์ที่อยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงอีกด้วย!
มันสามารถทำได้อย่างใดกันแน่!
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้กระทั่งผู้อาวุโสอี้ซังและคนอื่นๆ ในตอนนี้พวกเขาก็ตกใจจนหายใจแทบจะไม่ออกแล้ว
พวกเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่า ถวนจื่อมีพรสวรรค์ที่ไม่เลว น่าจะแข็งแกร่งกว่าคนในเผ่าจำนวนไม่น้อย
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ผลลัพธ์ก็น่าตกใจเช่นนี้!
การเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องว่าน่าหาได้ยากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเปิดเส้นชีพจรจากเส้นที่หนึ่งไปสู่เส้นที่สี่!
พวกเขาแทบจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย!
อี้หรานกัดฟันกรอด ภายในใจแทบจะรู้สึกบ้าคลั่ง!
“… จะทำได้หรือไม่ยังไม่มีใครทราบ! ฝืนบังคับต่อไปไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจจะกลายเป็นเปล่าประโยชน์!”
ก่อนหน้านี้ใช่ว่าจะไม่มีคนที่ฝืนเปิดเส้นชีพจร จุดจบของพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น
การเปิดเส้นชีพจรไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น
ไม่มีการสะสมพลัง ไม่มีการเตรียมตัว นี่เป็นเพียงแค่การกระทำที่หุนหันพลันแล่น…
มันจะสามารถทะลวงได้ง่ายดายที่ไหนกัน?
เมื่อได้ยินดังนั้นผู้อาวุโสอี้อวี่ก็เหลือบสายตามามองเขา แล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
คนบางคนไปไม่ถึงแม่น้ำฮวงโหไม่ยอมเลิกล้ม ไม่ชนกำแพง ไม่ยอมหันกลับ
ผู้อาวุโสอี้กงหน้าซีดเผือดราวกับเถ้าถ่านแล้ว เพียงแต่อี้หรานที่กอดความหวังสุดท้ายเอาไว้
ไม่ว่าถวนจื่อจะสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้หรือไม่ แต่เขาก็ได้แสดงพรสวรรค์ที่เหนือกว่าคนรุ่นใหม่ทุกคนได้แล้ว
ผู้อาวุโสอี้อวี่ส่ายหน้า
คนที่นิสัยเช่นนี้ไม่สามารถให้ทำการใหญ่ได้จริงๆ
หากอี้หรานได้เป็นนายน้อยของเผ่าหงส์ทองคำ… เกรงว่าเผ่าของเรานั้นจะไม่มีความสุขแล้ว
เขาถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปมองทางหุบเขาเฟิ่งหวงอีกครั้ง
…
เวลาค่อยๆ หมุนผ่าน ราวกับมันเชื่องช้าเป็นอย่างมาก
สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนจดจ้องไปทางตำแหน่งเดียวกัน
พวกเขากำลังรอคอยการเคลื่อนไหวของขนนกทองคำบรรพบุรุษ
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก มันก็ยังคงลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงัน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
อี้หรานหัวเราะเสียงเย็นภายในใจ
เขาก็บอกแล้วว่า การเปิดเส้นชีพจรที่สี่นั้นไม่ได้ง่ายดาย!
หากรอไปอีกสักพักแล้วขนนกทองคำบรรพบุรุษยังไม่ตอบสนอง นั่นก็หมายความว่าการเปิดเส้นชีพจรครั้งนี้ต้องล้มเหลวอย่างไม่มีข้อสงสัย!
หลังจากผ่านไปไม่นานทุกคนก็เห็นว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษนั้นเริ่มสั่นไหวขึ้นมาแล้ว
ถ้าหงส์ทองคำตัวนั้นสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สี่ได้โดยตรงแล้วล่ะก็ พวกเขาก็ต้องขายหน้าแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้พวกเขาดูถูกอีกฝ่ายสารพัดสาระเพ แต่เพียงภายในชั่วพริบตาเดียว อีกฝ่ายกลับสามารถเหยียบพวกเขาขึ้นไปได้ทั้งหมด
ต่อให้มันจะไม่สามารถเปิดเส้นชีพจรเส้นที่สี่ได้ แต่ด้วยอายุแค่นี้ พรสวรรค์ระดับนี้… ก็มีฝีมือห่างไกลกับพวกเขามากแล้ว
อี้เจาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ภายในใจมีความผิดหวังจางๆ ปรากฏขึ้น
เดิมทีเขาไม่ได้วาดหวังเอาไว้ แต่ท่าทางเมื่อครู่นี้ของถวนจื่อ กลับทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก และคิดว่ามันสามารถทะลวงเส้นชีพจรที่สี่ได้อย่างแน่นอน
เพียงแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีความยากลำบากเล็กน้อย
ทุกคนก็เป็นเช่นนี้ เมื่อไม่คาดหวัง ก็จะไม่ผิดหวัง
แต่ว่า ทุกอย่างในตอนนี้ก็เกินความคาดหมายของเขาไปแล้ว หลังจากผ่านช่วงเศร้าสร้อยในระยะสั้นๆ หัวใจของเขาก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
ต่อให้ถวนจื่อจะสามารถเปิดเส้นชีพจรได้แค่เส้นที่สามเท่านั้น งานกราบไหว้บรรพบุรุษในวันนี้ มันก็ยังคงสามารถแข่งขัน…
ตู้ม!
ในตอนนั้นเอง ภายในส่วนลึกของหุบเขาเฟิ่งหวงก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น!
หลังจากนั้นเงาร่างเพียวระหงก็กระโดดออกมาจากภายในภูเขา!
อี้เจาและคนอื่นๆ มีสีหน้าตกใจเป็นอย่างยิ่ง!
“ซั่งกวนเยว่?”
เมื่อครู่นี้เขาสนใจเพียงแต่ถวนจื่อ จึงลืมไปว่าซั่งกวนเยว่ก็อยู่ที่นั่น
ลมบ้าคลั่งรุนแรง ชายเสื้อของนางปลิวไสว ผมสีดำขลับก็ปลิวกระจาย
เงาของนางเคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่านางจะพุ่งตัวไปยังเปลวเพลิงสีทองคำชาด
ซึ่งในตอนนี้ขนนกทองคำบรรพบุรุษอยู่ด้านหน้าของถวนจื่อ และนางก็อยู่ด้านหลังของถวนจื่อ
“นางไปอยู่ที่นั่นได้อย่างใด?”
ผู้อาวุโสอี้ซังมีสีหน้าตึงเครียด
ตอนที่ถวนจื่อกำลังจะเปิดเส้นชีพจร ห้ามเกิดความผิดพลาดใดๆ เด็ดขาด
แต่การที่นางปรากฏกายที่นั่น ยากที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อถวนจื่อ…
“หรือว่าจะพานางมาที่นี่?”
ผู้อาวุโสอี้ซังเหลือบสายตาหันไปมองอี้เจา
ในฐานะประมุข อี้เจามีอำนาจและความสามารถ ไม่มีใครที่แข็งแกร่งไปกว่าเขาแน่นอน
ถ้าเขาเป็นคนลงมือ เขาจะต้องสามารถนำตัวซั่งกวนเยว่กลับมาได้โดยไม่ส่งผลต่อถวนจื่อแน่นอน
อี้เจาได้ยินดังนั้นก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะส่ายหน้า
“รอดูไปก่อน”
ผู้อาวุโสอี้ซังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นี่ท่านประมุข… เหมือนว่าวางใจต่อการมีอยู่ของซั่งกวนเยว่เป็นอย่างมาก?
ผู้อาวุโสอี้อวี่ใช้ข้อศอกกระทุ้งตัวเขาแล้วพูดเสียงเบาว่า
“โอ๊ย ข้าต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ถวนจื่อเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของซั่งกวนเยว่อยู่ นางจะทำเรื่องที่ทำร้ายต่อถวน
จื่อได้อย่างใด! เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก!”
ผู้อาวุโสอี้ซังได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างลังเล
ก่อนหน้านี้เหมือนว่าเรื่องของถวนจื่อและซั่งกวนเยว่ก็ไม่มีเรื่องอันใดที่ต้องพูดคุยกันแล้ว
เพียงแต่ว่า…
หรือท่านประมุขจะคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย?
เขา… เชื่อมั่นซั่งกวนเยว่ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
…
“ถวนจื่อ!”
รอบข้างมีลมพายุบ้าคลั่ง พลังระเบิดขึ้นจากทั่วทุกหนทุกแห่ง
ฉู่หลิวเยว่แทบจะไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง นางมองไปที่กลุ่มเพลิงลุกโชนตรงด้านหน้า สายตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“ถวนจื่อ ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
ก่อนหน้านี้นางยืนมองอยู่ด้านล่างตลอด
เมื่อนางเห็นว่าถวนจื่อสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สามได้สำเร็จแล้ว ภายในใจของนางก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีนางคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะจบลงแล้ว แต่ใครจะคิดเล่าว่า ถวนจื่อต้องการจะทดลองเปิดเส้นชีพจรที่สี่!
ก่อนหน้านี้มันไม่เคยคุยกับนางเรื่องนี้มาก่อนเลย!
แต่ว่าในเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้แล้ว
เมื่อนางรู้สึกว่าถวนจื่อรับพลังเหล่านั้นไม่ไหวแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงพุ่งตัวออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
ถวนจื่อกลับไม่ได้ตอบสนอง
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแล้วหลับตาลง
ตู้ม!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนาง!
นางกับถวนจื่อมีพันธสัญญากัน โดยปกติแล้วนางสามารถเปลี่ยนพลังดั้งเดิมภายในร่างกายให้กลายเป็นเปลวเพลิงของเผ่าหงส์ทองคำได้
จากนั้นนางก็ยกมือขึ้น เปลวเพลิงเหล่านั้นก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและหลอมรวมเข้ากับกลุ่มเปลวเหล่านั้น!
พลังภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ถูกดูดออกไปอย่างบ้าคลั่ง
ขนนกสีทองคำชาดอันนั้นที่สั่นระริกอยู่ตลอดแต่กลับไม่สามารถวาดลายเส้นออกมาได้ ในที่สุดตอนนี้มันก็ขยับเคลื่อนไหวแล้ว
มันลากลวดลายเป็นครั้งที่สามอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง!
……….