ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1590 รู้จักหนักเบา
ตอนที่ 1590 รู้จักหนักเบา
……….
บรรยากาศรอบด้านเงียบเสียงลงไปในทันที
ผู้อาวุโสอี้กงอ้าปากค้าง แต่กลับไม่ได้เปล่งเสียง
เปิดเส้นชีพจรต่อเนื่อง
สำหรับคนส่วนใหญ่ในเผ่าหงส์ทองคำนี้ มันเป็นเพียงแค่ตำนานบทหนึ่งเท่านั้น
หลังจากกำเนิดโลกแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายสับสน ได้ก่อกำเนิดอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่สองชนิด
มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายหมื่นปี
อีกทั้งเวลาที่กำลังหมุนผ่าน เผ่าหงส์ทองคำก็มีการกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าจำนวนก็ไม่ได้น้อย
แต่ในที่แห่งนี้คนที่สามารถจะเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้นั้นมีเพียงหยิบมือเท่านั้น
ต้องบอกก่อนว่า การกำเนิดหงส์ทองคำเท่ากับเปิดเส้นชีพจรเส้นที่หนึ่ง
หลังจากนั้นภายในเวลาร้อยปี ก็เปิดเส้นชีพจรที่สอง
อีกร้อยปีต่อมา ถึงจะสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สามได้ และถึงจะมีรูปร่างเป็นมนุษย์
แต่ไม่แน่ว่าจะสามารถทะลวงได้สำเร็จ
คนที่มีพรสวรรค์ค่อนข้างดี ภายในร้อยปีกว่าๆ ก็สามารถผ่านขั้นตอนเหล่านี้อย่างราบรื่น
แต่คนที่มีคุณสมบัติทั่วไป ต่อให้ผ่านไปสองสามร้อยปี ก็ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าประตูเส้นชีพจรที่สาม
หลังจากเปิดเส้นชีพจรที่สามได้แล้ว หากต้องการจะปีนขึ้นไปอีก เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากมาก
โดยพื้นฐานนั้นพวกเขาจะใช้พรสวรรค์ไปกับเรื่องนี้จนหมดแล้ว
แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์จะสามารถผ่านด่านเหล่านี้ไปได้อย่างราบรื่น
ผู้ที่สามารถเปิดเส้นชีพจรที่หกได้จะกลายไปเป็นผู้อาวุโสในทันที
หากสามารถเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดได้ ก็จะสามารถนั่งที่ตำแหน่งประมุขเผ่าได้อย่างมั่นคง
นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องคัดเลือกตำแหน่งนายน้อย และต้องการคัดเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมากที่สุด
… ผู้ที่มีฝีมือถึงจะมีอำนาจในการออกเสียง
ถ้าสามารถควบคุมคนที่อยู่ด้านล่างได้ แล้วจะพูดอันใดได้อีกเล่า?
“เปิดเส้นชีพจร… ต่อเนื่อง”
ท่ามกลางความเงียบงัน คาดไม่ถึงว่าอี้หรานจะเป็นคนแรกที่ได้สติกลับคืนมา
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหุบเขาเฟิ่งหวงอีกครั้งด้วยความตื่นตระหนก
กลุ่มเพลิงเหล่านั้นยังโหมกระหน่ำเช่นเดิม ส่วนเงาร่างที่อยู่ภายในก็ยังคงมองเห็นได้ไม่ชัดเจน
แต่ว่า… ขนนกทองคำบรรพบุรุษยังคงไม่จางหายไป!
มันยังลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ เหมือนกับต้องการรอคอยที่จะวาดเส้นลำแสงที่สอง!
“นี่มัน…จะ…เป็นไปได้อย่างใด…”
อี้หรานพูดพึมพำขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แต่ภายในใจกับดำดิ่งลงไปแล้ว
เมื่อครู่นี้เขากำลังโมโหอย่างมาก จึงไม่มีเวลาคิดทบทวนมากนัก
แต่หลังจากที่เขาใจเย็นลง เขาถึงตระหนักขึ้นได้ว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นอย่างที่อี้เจาและคนอื่นๆ พูดก็เป็นได้!
… หงส์ทองคำตัวนั้นสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้จริงๆ!
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็มันจะสามารถแย่งขนนกทองคำบรรพบุรุษไปจากเขาอย่างง่ายดายได้อย่างใด?
หลังจากเปิดเส้นชีพจรแล้ว ขนนกทองคำบรรพบุรุษก็จะจางหายไปเองโดยทันที และรอการอัญเชิญรอบต่อไป
แต่ในตอนนี้มันกลับยังรอคอยอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ
ถ้าไม่ใช่การเปิดชีพจรต่อเนื่อง แล้วจะเป็นอันใดได้?
อี้หรานรับเรื่องนี้ไม่ได้ หัวใจของเขาเหมือนถูกอันใดบางอย่างกดทับอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
เหลวไหล!
น่าขันสิ้นดี!
หงส์ทองคำตัวนั้นเพิ่งจะทะลวงด่านมาได้ไม่กี่เดือน และเพิ่งจะกลับเข้าเผ่ามาในตอนนี้ มันจะสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้อย่างใด?
ทันใดนั้นอี้หรานก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์ที่พูดกับเขามาก่อนหน้านี้
ในตอนนั้นอาจารย์พูดว่าหงส์ทองคำตัวนั้นจะกลายมาเป็นภัยคุกคามของเขา
ช่วงเวลานั้นเขาไม่ได้คิดแบบนั้น
แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าท่าทางเคร่งขรึมของอาจารย์นั้นมีสาเหตุมาจากเรื่องใด
ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสอี้ซังก็เชิดคางขึ้นแล้วพูดเสียงเบาว่า
“ดูนั่นสิ ขนนกทองคำบรรพบุรุษเคลื่อนไหวแล้ว!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ก็มองตามไปยังทิศทางนั้นโดยไม่รู้ตัว และพวกเขาก็เห็นว่าขนนกสีทองคำชาด วาดลายเส้นเป็นครั้งที่สองจริงๆ!
ทั้งจัตุรัสเงียบสนิท
ตกใจ ตื่นตระหนก สงสัย ถอนหายใจ อิจฉา…
ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความคิดที่ซับซ้อนอยู่
ความจริงแล้วหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่อยู่ในเผ่า บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้
แต่หงส์ทองคำตัวนี้เพิ่งกลับมาจากภายนอก
แล้วยังได้ยินมาว่ามันเพิ่งทะลวงด่านมาได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
ก่อนหน้านี้มันยังเป็นไก่ฟ้าเก้าสีที่ต่ำต้อยอยู่เลยไม่ใช่หรือ?
และที่สำคัญในตอนนี้… มันยังไม่ได้ยกเลิกพันธสัญญากับมนุษย์คนนั้นด้วยซ้ำ!
พวกเขาดูถูกเผ่ามนุษย์มาโดยตลอด น้อยครั้งมากที่จะมีปฏิสัมพันธ์กัน ยิ่งไปกว่านั้นเขามองว่าการมีพันธสัญญากับมนุษย์นั้นถือเป็นรอยด่างที่ยิ่งใหญ่
แต่ใครจะรู้เล่าว่าหงส์ทองคำที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ซึ่งพวกเขาดูถูกดูแคลนอยู่อย่างลับๆ นั้น จะสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้!
… ต้องบอกก่อนว่าแม้กระทั่งอี้เจาที่เป็นประมุขของเผ่าก็ยังไม่สามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาจะไม่รู้สึกว่าถูกกระตุ้นได้อย่างใด?
…
“ท่านประมุข ดูเหมือนว่าการเดิมพันในครั้งนี้ ท่านจะเป็นฝ่ายแพ้นะขอรับ!”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ยักไหล่ ในแววตามีประกายรอยยิ้ม
“หลายปีที่ผ่านมานี้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านแพ้สินะ?”
แล้วยังแพ้ให้กับมนุษย์ผู้หนึ่ง
อี้เจาไพล่มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง สายตาของเขาทอดมองออกไประยะไกล และดูเหมือนว่ามีระลอกคลื่นที่พวยพุ่ง
เขาไม่ได้พูดอันใดออกมา แต่ในแววตาก็ไม่ได้มีความกรุ่นโกรธ เหมือนกับว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย
เขาดูเหมือนจะไม่แยแสสนใจ แต่ความเป็นจริงแล้วภายในใจเขากลับรู้สึกตกใจมาก
ในตอนแรกที่เขาสร้างเงื่อนไขนั้นออกมา ความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้คิดอันใดมาก
เขาเพียงแค่คิดว่าภายในหนึ่งเดือนการที่ซั่งกวนเยว่จะสามารถทำให้ถวนจื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ได้นั้น แต่แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
ตราบใดที่นางพ่ายแพ้แล้ว นางก็จะต้องยกเลิกพันธสัญญา
ด้วยวิธีการนี้ทั้งสองฝ่ายก็จะได้ไม่ต้องพัวพันยืดเยื้อกันอีกต่อไป
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะถวนจื่อมีสายเลือดบริสุทธิ์ ดังนั้นภายในใจลึกๆ ของเขาจึงมีความหวังขึ้นมา
แต่เขาก็คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะสามารถเกิดขึ้นจริงได้
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษกำลังวาดลวดลายขึ้นอีกครั้ง เขาถึงได้เชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ!
“ถวนจื่อยังอายุน้อยนัก สามารถเปิดเส้นชีพจรได้ถึงเส้นที่สามได้โดยตรง ถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายดาย ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ซั่งกวนเยว่ได้อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ ก็น่าจะเพื่อเรื่องนี้สินะ?”
ผู้อาวุโสอี้ซังพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจนางผิดไปแล้ว แต่ว่ายังดีที่ช่วงนี้มีอี้อวี่คอยเฝ้าระวังให้ไม่ให้มีใครรบกวน หากถวนจื่อไม่สามารถเปิดเส้นชีพจรได้เพราะเรื่องนี้ ก็ถือว่าพวกเราได้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่แล้ว”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ถวนจื่อก็เป็นสายเลือดเผ่าหงส์ทองคำของพวกเรา
เมื่อมันสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่อง สามารถทะลวงด่านได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีของพวกเราทั้งเผ่าพันธุ์
ผู้อาวุโสอี้กงมีใบหน้าซีดขาวมากยิ่งขึ้น
เขาสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าคำพูดนี้กำลังประชดประชันเขาอยู่
หลังจากที่เขาอดกลั้นอยู่สักพัก เขาก็ไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ตรงหน้าของอี้เจา
อี้เจาเห็นว่าเขามีสีหน้ากรุ่นโกรธ จึงหรี่สายตามองเล็กน้อย
“อี้กง นี่เจ้าต้องการจะทำอันใด?”
ผู้อาวุโสอี้กงกัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านประมุข ข้าไม่ต้องการจะทำอันใด ข้าเพียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมแทนอี้หรานเท่านั้น!”
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปทางหุบเขาเฟิ่งหวง
“ข้ารู้! มันสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้ ซึ่งนั่นก็เป็นความสามารถของมัน! แต่ว่าท่านไม่สามารถลำเอียงกับมันเช่นนี้ได้!”
“ในตอนนี้มันสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สามได้ แต่อี้หรานล่ะ? เดิมทีเขาสามารถเปิดเส้นชีพจรที่มันได้! ท่านไม่มีทางไม่รู้ว่า เพื่อวันนี้เขาต้องใช้ความพยายามไปมากเพียงใด! หรือว่าตอนนี้เพียงเพราะหงส์ทองคำตัวนั้นสามารถเปิดเส้นชีพจรต่อเนื่องได้ ท่านก็สามารถละเลยทุกอย่าง แม้กระทั่งมันจะทำร้ายคนอื่นก็ตาม?”
“แล้วอีกอย่างแม้ว่าวันนี้มันจะสามารถเปิดเส้นชีพจรที่สามได้ แต่การช่วยต้นกล้าให้เติบโตเช่นนี้ เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี ยังไม่มีใครทราบ! ใครจะสามารถรับประกันได้ว่า หลังจากนี้มันจะสามารถเปิดเส้นชีพจรได้อีกหรือไม่! แต่อี้หราน… สูญเสียโอกาสในการเปิดเส้นชีพจรที่สี่ไปแล้ว! ท่านประมุข ท่านรู้จักหนักเบา ท่าน… ก็รู้แก่ใจดีไม่ใช่หรือ?”
……….