ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1589 ผู้ที่เปิดเส้นชีพจรต่อเนื่อง
ตอนที่ 1589 ผู้ที่เปิดเส้นชีพจรต่อเนื่อง
……….
“เหตุใด…เหตุใดถึง…”
ผู้อาวุโสอี้กงเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หงส์ทองคำตัวนั้นเพิ่งจะกลายร่างได้ไม่นานไม่ใช่หรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงเปิดเส้นชีพจรได้แล้วล่ะ?
อีกทั้ง… การเคลื่อนไหวก็ยังยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
เมื่อจังหวะนั้นพัดผ่าน ความแข็งแกร่งบนร่างกายของอี้หราน ก็เหมือนถูกดูดออกไปด้วย
สองขาของเขาอ่อนแรง จนเกือบจะล้มลงไปที่พื้น
ผู้อาวุโสอี้กงตกใจอย่างมาก รีบจับร่างเขาเอาไว้
แต่ในแววตาของอี้หรานนั้นดำมืดไร้แสงแล้ว
เขาจ้องไปที่เปลวเพลิงกลุ่มนั้น แล้วอดหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้
เขาเพียรพยายามมาเป็นเวลานานขนาดนี้ กว่าจะสามารถอัญเชิญขนนกอันนั้นมาเพื่อเปิดเส้นชีพจรได้
แต่ใครจะรู้เล่าว่า…
เขาจะถูกสังหารกลางทาง!?
เขารู้ดีว่า หากในวันนี้เขาล้มเหลว หลังจากนี้หากเขาต้องการจะเปิดเส้นชีพจรอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก!
“อาจารย์… ข้าทำให้ท่านผิดหวังแล้ว…”
อี้หรานพูดพึมพำ ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ความโมโหสุมทรวงไม่มีที่ระบาย หน้าอกของเขาแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!
เขามีเรื่องมากมายที่อยากจะพูด แต่กลับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างใด
“ท่าน… ท่านจะต้องช่วยข้า…”
อี้หรานพูดยังไม่ทันจบไปประโยค ดวงตาทั้งสองข้างก็กลอกขึ้น แล้วสลบไสลไป
“อี้หราน!”
เมื่อผู้อาวุโสอี้กงเห็นดังนั้นก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจระคนโกรธแค้น
พลังภายในหุบเขาเฟิ่งหวงยังคงระเบิดขึ้นและแผ่กระจายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง!
เขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว
ผู้อาวุโสอี้กงหันกลับไปมองอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดแล้วจากไป!
…
ผู้อาวุโสอี้กงพาอี้หรานที่สลบอยู่กลับไปที่จัตุรัสด้านหน้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
เมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้ว ทุกคนก็เงียบเสียงโดยพร้อมเพรียง สายตาจดจ้องไปยังร่างของอี้หราน
ใบหน้าของเขาซีดขาว มุมปากและบริเวณหน้าอกเปรอะเปื้อนด้วยคราบเลือดจำนวนไม่น้อย ลมปราณอ่อนแอ
เขาไม่เคยเห็นท่าทางจนตรอกขนาดนี้มาก่อนเลย
คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากันไปมา สีหน้าสับสน
ใครจะคิดเล่าว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้?
“ท่านประมุข! ท่านช่วยให้ความเป็นธรรมกับอี้หรานด้วย!”
เมื่อผู้อาวุโสอี้กงมาถึง เขาก็พูดขึ้นทันทีด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ซั่งกวนเยว่กับหงส์ทองคำตัวนั้นรังแกกันเกินไปแล้ว! พวกนางตั้งใจที่จะปลิดชีพของอี้หราน!”
อี้เจาขมวดคิ้วแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะสำรวจสภาพร่างกายของอี้หราน แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“วางใจเถอะ เขาได้รับพลังสะท้อนกลับเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็ถูกธาตุไฟโจมตีเข้าที่หัวใจ ทำให้เขาสลบไป แต่ก็ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต”
ขณะที่พูดเขาก็ยื่นมือออกไป ฝ่ามือใหญ่แตะเข้าที่หน้าผากของอี้หราน
เหมือนลำแสงสว่างเจิดจ้าไหลออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา ก่อนจะไหลเข้าไปในร่างกายของอี้หรานอย่างรวดเร็ว
เดิมทีใบหน้าที่ซีดเผือดของเขาเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ดึงมือกลับมา
หัวคิ้วของอี้หรานขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติ ในแววตายังมีความสับสนอยู่หลายส่วน
“…อาจารย์?”
น้ำเสียงของเขาแหบพร่า แต่ในที่สุดเขาก็ได้สติกลับมา
อี้เจาพูดขึ้น
“โชคดีที่ไม่ได้เป็นอันใดมาก กลับไปรักษาไม่กี่วันก็หายดีแล้ว”
ผู้อาวุโสอี้กงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ชะงักไปเล็กน้อย
เขาคิดไม่ถึงว่าอี้เจาจะช่วยลงมืออย่างเด็ดขาดเช่นนี้ อีกทั้ง… คาดไม่ถึงว่าอี้หรานจะได้สติฟื้นกลับขึ้นมาจริงๆ
“นี่มัน…คือ…”
อี้เจาเหลือบสายตามองเขาแล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ขนนกทองคำบรรพบุรุษเป็นของวิเศษของเผ่าเรา ไม่มีทางที่จะปลิดชีพของคนภายในเผ่าแน่นอน อี้กง ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุด เรื่องเหล่านี้เจ้าควรจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใดยังพูดเช่นเมื่อครู่นี้ออกมาอีก ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกกันไปด้วย”
“ข้า…”
ผู้อาวุโสอี้กงพูดอันใดไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันกรอด
“ท่านประมุข ข้าไม่ได้บอกว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษมีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ซั่งกวนเยว่! อี้หรานกำลังจะทะลวงด่าน ห้ามได้รับการรบกวนอย่างเด็ดขาด แต่พวกเขากลับแย่งขนนกทองคำบรรพบุรุษไปในช่วงเวลานี้! นี่ก็หมายความว่าพวกนางตั้งใจ!”
เขาชี้นิ้วไปทางส่วนลึกของหุบเขาเฟิ่งหวง ที่ตอนนี้กำลังมีกลุ่มเพลิงลุกโชนอยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวว่า
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนางใช้กลอุบายใดๆ พวกนางจะสามารถแย่งขนนกทองคำบรรพบุรุษมาจากอี้หรานที่กำลังจะเปิดเส้นชีพจรได้อย่างใด!”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของอี้หรานในตอนนี้จะไม่ได้สาหัสถึงชีวิต แต่ประเด็นสำคัญเลยก็คือ… เขาล้มเหลวในการเปิดเส้นชีพจร!
ซึ่งวันนี้เป็นงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว!
หากไม่ได้เปิดเส้นชีพจรเส้นที่สี่ เขาจะมีความแตกต่างจากคนอื่นได้อย่างใด เขาจะใช้คุณสมบัติอันใดมาเพื่อแย่งตำแหน่งนายน้อย?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่เขากำลังได้รับบาดเจ็บ!
นี่เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด!
เมื่อผู้อาวุโสอี้กงคิดถึงการเพียรพยายามมาหลายปีนี้ของเขา ก็แทบจะทำให้เขาบ้าคลั่งไป!
“ท่านประมุข! พวกนางมีเจตนาชั่วร้าย สมควรถูกประหาร!”
เพราะความตื่นตระหนกของเขา ทำให้น้ำเสียงของผู้อาวุโสอี้กงหวีดแหลมดังขึ้น
ผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสได้ยินมันอย่างชัดเจน
สีหน้าของเขาเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
ผู้อาวุโสอี้อวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับพูดออกมาเป็นคนแรกว่า
“ผู้อาวุโสสูงสุด ท่านลำเอียงมากเกินไปแล้วหรือไม่? ข้ากลับคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญเสียมากกว่า อี้หรานต้องการเปิดเส้นชีพจร จึงอัญเชิญขนนกทองคำบรรพบุรุษมา แต่ในขณะเดียวกันถวนจื่อก็ต้องการที่จะเปิดเส้นชีพจรเช่นกัน… ดูแล้วว่านี่น่าจะเป็นเรื่องอุบัติเหตุล้วนๆ”
ผู้อาวุโสอี้กงหัวเราะเสียงเย็น
“อุบัติเหตุ? อี้อวี่ เจ้าอยู่ในเผ่ามาก็ตั้งหลายปีแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นคนที่เปิดเส้นชีพจรพร้อมกัน? แต่เจ้าเคยเห็นหรือไม่ว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษจะถูกแย่งไปกลางทางเช่นนี้?”
ในสถานการณ์ปกติ เรื่องเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการมาก่อนได้ก่อน
ตอนนี้พวกเขาแย่งเอาไปได้แล้ว และยังจะต้องมากล้ำกลืนความโกรธอีกหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
“เรื่องนี้… ผู้อาวุโสสูงสุดหมายความว่าซั่งกวนเยว่และถวนจื่ออยู่ในจุดที่สามารถควบคุมขนนกทองคำบรรพบุรุษได้ตามใจชอบแล้วหรือ?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่กะพริบตาปริบๆ
ผู้อาวุโสอี้กงสำลักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบตอบอย่างร้อนใจว่า
“เจ้า เจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออันใด! ข้าเคยพูดคำเหล่านั้นที่ไหนกัน!”
ขนนกทองคำบรรพบุรุษนับว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเผ่าของเขา เขาจะกล้าพูดจาไร้มารยาทเช่นนั้นได้อย่างใด
“แต่คำพูดของท่านเมื่อครู่นี้… ก็หมายความเช่นนี้ไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่เชิดคางขึ้น
“หึ เมื่อครู่ทุกคนก็เห็นว่าขนนกทองคำบรรพบุรุษลอยไปฝั่งของถวนจื่อแล้ว อีกทั้งมันยังเปิดเส้นชีพจรของถวนจื่อได้อีกด้วย”
เหมือนว่าเปลวเพลิงที่กำลังสุมอยู่ในหน้าอกของผู้อาวุโสอี้กงนั้นกำลังพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง จนแทบจะทำให้เขาบ้าแล้ว!
“ต่อให้มันต้องการจะเปิดเส้นชีพจร ก็ต้องรอให้อี้หรานเปิดให้สำเร็จเรียบร้อยก่อน! ในตอนนี้อี้หรานจะทำอย่างใดต่อไปได้อีก!”
กระจ่างแจ้งชัดเจน!
นี่มันจะกำเริบเสิบสานมากเกินไป!
“ความจริงแล้วเรื่องนี้ ค่อนข้างที่จะพูดยาก… โดยในสถานการณ์ปกติทั่วไปแล้วลำดับการเปิดเส้นชีพจรนั้นก็มีอยู่ แต่…เหมือนว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะลืมอันใดไปบางอย่าง จึงจำเป็นต้องย้ำเตือนอีกสักครั้งว่า ผู้ที่แข็งแกร่งคือเจ้า”
“ในการเปิดเส้นชีพจรก็เหมือนกัน แน่นอนว่าใครมีระดับสูงกว่าผู้นั้นจะได้เปรียบ”
เมื่อผู้อาวุโสอี้กงได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกมึนงงไปชั่วครู่
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็ได้สติกลับคืนมาจนเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโมโหแล้ว
“อี้อวี่ คำพูดนี้ของเจ้ามันช่างน่าขันเสียจริง เจ้าต้องรู้นะว่า อี้หรานกำลังจะเปิดเส้นชีพจรที่สี่! แต่หงส์ทองคำตัวนั้น เปิดเพียงเส้นชีพจรที่สองเท่านั้น! ใครสูงใครต่ำ แค่มองก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ! เจ้าบอกว่ามันสามารถแย่งโอกาสการเปิดเส้นชีพจรของอี้หรานได้…จะไม่ให้ข้าขำได้อย่างใด!”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ลูบปลายคางของตนเอง เหมือนกับไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเขามากนัก อีกฝ่ายหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า
“ใช่แล้ว ท่านว่ามันคือเหตุผลอันใดกันแน่นะ ที่จะสามารถทำให้ผู้ที่เปิดเส้นชีพจรเส้นที่สองเอาชนะผู้ที่เปิดเส้นชีพจรเส้นที่สี่ได้?”
ท่าทางของผู้อาวุโสอี้กงแข็งค้างไปในทันที
อี้เจาพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ผู้ที่เปิดเส้นชีพจรต่อเนื่อง สามารถแย่งชิงขนนกทองคำบรรพบุรุษได้ก่อน!”