ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1585 ถึงเวลาแล้ว
ตอนที่ 1585 ถึงเวลาแล้ว
……….
“ดูเหมือนว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะใจกล้าเท่านั้น นางยังมีความสามารถด้วย…”
หุบเขาเฟิ่งหวง
ผู้อาวุโสอี้อวี่มองไปทางกลุ่มแสงเจิดจ้าที่อยู่ในระยะไกล จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียง “หึ”
ตั้งแต่ที่นางอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์มาจนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาสิบสามวันแล้ว
การเคลื่อนไหวทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย
ทุกคนแทบจะรำคาญที่จะดูมันแล้ว
ในตอนแรกเขายังเตรียมตัวนับทัณฑ์สวรรค์ด้วยความตื่นเต้นว่าพวกมันมารวมตัวกันกี่สายกันแน่
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ล้มเลิก
เพราะพบว่ามันไม่สามารถนับได้
ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาราวกับเป็นของแจก ผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงสายฟ้าส่องประกายแสบตาเป็นอย่างยิ่ง
ใครมันจะสามารถนับได้?
“นี่ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่มีการเคลื่อนไหวอันใดเลย…”
ผู้อาวุโสอี้อวี่รู้ว่าที่ซั่งกวนเยว่อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์มามากมายขนาดนี้ ไม่ได้เพื่อหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่เพื่อช่วยให้
ถวนจื่อได้ทะลวงด่าน
น่าเสียดายที่รอมาจนถึงป่านนี้ กลับยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ
แต่เวลาก็เหลือไม่มากแล้ว…
ผู้อาวุโสอี้อวี่หรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วหันกลับไปมองทางตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงที่อยู่ห่างไกลอย่างกะทันหัน
พิธีกราบไหว้บรรพบุรุษกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทั่วทั้งเผ่าหงส์ทองคำต่างกำลังเตรียมตัวอย่างวุ่นวาย
และไม่ทราบว่าจะทันกำหนดการหรือไม่…
…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมึนงงสับสนเป็นอย่างมาก
นางนั่งขัดสมาธิอยู่บนศิลาดวงดาว พร้อมเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าถวนจื่อยังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศ ภายในใจก็เกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมา
ตามหลักการแล้ว มันควรจะจบลงได้แล้ว…
เวลาผ่านมาเนิ่นนานขนาดนี้ ถวนจื่อยังคงไม่มีทีท่าว่าจะทะลวงด่านหรือเปิดเส้นชีพจรได้ แต่กลับดูเหมือนว่ายิ่งกินก็ยิ่งหิว
ความเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวก็คือ บนร่างกายของมันนั้นมีประกายสายฟ้าสีเงินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก บางครั้งประกายสายฟ้าเหล่านั้นก็เคลื่อนที่ผ่านขนนก
ทว่าลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายของมัน ในตอนแรกก็เพิ่มขึ้น แต่เมื่อสามวันก่อนหน้านี้ ลมปราณกลับหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อกลืนกินทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงมาไม่กี่สายจนเรียบวุธแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หันหน้ากลับมา แล้วมองไปยังสร้อยข้อมือที่ลอยอยู่กลางอากาศ
อื้ม… เมื่อมีถวนจื่ออยู่ ดูเหมือนว่าการหลอมอาวุธให้สำเร็จนั้น จะกลายเป็นเรื่องยาก…
ฉู่หลิวเยว่นวดหัวคิ้วของตนเอง
ครั้งนั้นตอนที่อยู่ในตาน้ำแห่งเขาหมื่นเมรัย ถวนจื่อก็ได้กลืนกินพลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ไปเป็นจำนวนไม่น้อย
ในตอนนั้นมันทำไปเพียงเพื่อต้องการจะกระตุ้นพลังแห่งสายเลือดที่อยู่ในร่างกาย มันสามารถกลายร่างจากกษายะหางวายุเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลหงส์ทองคำได้ ซึ่งนับว่าก็มีเหตุผล
แต่ตอนนี้นับว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ร่างกายอันเล็กจ้อยของมันแทบจะกลายเป็นหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง
ทัณฑ์สวรรค์ที่ฟาดลงไปนั้นไม่มีทางกลับมา!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็เอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้
“ถวนจื่อ เจ้าวางแผนว่าจะทะลวงด่านเมื่อใดกันหรือ?”
ถวนจื่อชะงักไป แล้วหลุบตาต่ำมองหน้านาง ในตอนที่กำลังจะพูดอันใดบางอย่าง บนท้องฟ้าก็มีเสียงโครมครามดังสนั่นขึ้น!
ทัณฑ์สวรรค์หลายสายผ่าลงมาอีกครั้ง!
ดวงตาของถวนจื่อเปล่งประกายและมันก็ไม่สนใจแล้วว่าฉู่หลิวเยว่กำลังจะพูดอันใด มันรีบพุ่งไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว
เปรี้ยงๆ
ปังๆ
เมื่อเห็นว่าถวนจื่อกลืนกินทัณฑ์สวรรค์ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม หางตาของฉู่หลิวเยว่ก็กระตุกยิกๆ ก่อนจะกลืนคำพูดที่เหลือด้วยความจำนน
เอาเถอะ
คำพูดบางอย่างไม่จำเป็นต้องถามแล้ว
…
ด้านข้างทะเลอันไร้เขตแดน ซั่งกวนจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง แล้วมองตรงไปด้านหน้า สีหน้าเคร่งขรึม
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่เยว่เออร์ก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในจะเป็นอย่างใดบ้าง
ยิ่งรอคอย หัวใจของเขายิ่งไม่เป็นสุข
และในตอนนั้นเอง ลำแสงสีทองชาดสายหนึ่ง พุ่งตรงมาจากทะเลอันเงียบสงบ! ก่อนจะทยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ปัง!
เส้นโค้งเหล่านั้นคือลูกบอลเพลิงที่สว่างไสวเจิดจ้า หลังจากที่มันลอยอยู่กลางอากาศก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง!
ประกายไฟจำนวนนับไม่ถ้วนบานสะพรั่ง!
ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ ท้องฟ้ากระจ่างใส แสงอาทิตย์ร้อนแรง
แต่ประกายไฟเหล่านั้นก็ยังคงส่องสว่าง สุดท้ายคาดไม่ถึงว่ากลางอากาศนั้นจะรวมตัวกลายเป็นสัญลักษณ์หงส์ทองคำสยายปีก!
หัวใจของซั่งกวนจิ้งกระตุกวูบ
นี่มัน…
ทันใดนั้นก็เหมือนว่าเขานึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ ภายในแววตาของเขามีความตกใจฉายประกายออกมา
สถานการณ์เช่นนี้ หรือว่า… งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษของเผ่าหงส์ทองคำกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วหรือ?
เขาไม่เคยไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงมาก่อน
ต่อให้เป็นเมื่อพันปีก่อนที่เขาเดินทางไปยังอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่เขาก็ไม่เคยติดต่อกับเผ่าหงส์ทองคำมาก่อนเลย
ในสายตาของมนุษย์อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองเผ่าพันธุ์นี้มีความลึกลับเป็นอย่างมาก
แต่ว่าสำหรับงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษของพวกเขานั้นกลับมีตำนานกล่าวขานไม่น้อย
ตามตำนานกล่าวว่างานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษของพวกเขานั้นทุกๆ ร้อยปีจะจัดหนึ่งครั้ง ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ และกึกก้องเกรียงไกรเป็นอย่างยิ่ง
ซั่งกวนจิ้งจ้องมองไปอีกครั้ง
เหนือน่านฟ้า ประกายเพลิงที่ก่อร่างเป็นสัญลักษณ์เผ่าหงส์ทองคำยังคงไม่จางหาย ในทางตรงกันข้ามมันเหมือนกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ประกายเพลิงแต่ละส่วนยังคงลุกโชนและร้อนแรง แสงจากเปลวเพลิงเหล่านั้นก็สว่างเจิดจ้า
มันส่องแสงพร่างพราว แสบตาเป็นอย่างยิ่ง
ซั่งกวนจิ้งยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าเดิม
… งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษสำคัญขนาดนั้น และเผ่าหงส์ทองคำเป็นพวกที่เกลียดชังมนุษย์เป็นอย่างยิ่งตามหลักการแล้วพวกมันไม่มีทางปล่อยให้ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นั่นต่อเป็นอันขาด
แต่แล้วเหตุใดตอนนี้นางก็ยังไม่ออกมา?
ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงร้องที่ไพเราะกังวานดังมาจากระยะไกล!
ภายในชั่วพริบตาเดียวมันก็กระจายไปทั่วบริเวณทะเลแห่งนี้!
ซั่งกวนจิ้งรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก จนแทบจะไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง!
จากนั้นเขาก็เห็นว่าบริเวณเหนือแผ่นน้ำ มีชั้นน้ำแข็งแผ่กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
แผ่นน้ำแข็งสีโปร่งใสตรงด้านหน้า ภายในมีเปลวเพลิงสีทองชาดที่สามารถเห็นได้อย่างเลือนราง
ซึ่งเหมือนกับสะพานน้ำแข็งที่ปรากฏขึ้นในวันนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
ไม่ใช่แค่เพียงส่วนนี้เท่านั้น ชั้นน้ำแข็งได้ขยายกลายเป็นสะพานแคบๆ ทอดยาวไปทั้งผืนทะเล!
แต่ว่าใช้เวลาเพียงไม่นานเท่านั้น ผืนน้ำทะเลที่อยู่ตรงหน้าซั่งกวนจิ้งก็กลายเป็นน้ำแข็งไปกว่าครึ่ง
เมื่อหันกลับไปมอง ชั้นน้ำแข็งที่เย็นชาและหนาวเหน็บ แต่ภายใต้ด้านล่างของมันนั้นกลับมีเปลวเพลิงสีทองชาดลุกโชนขึ้นอย่างไร้เสียง
ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ ดำรงอยู่อย่างเงียบงัน
…
จัตุรัสตรงหน้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง เผ่าหงส์ทองคำยืนอยู่ทั้งสองข้างทาง งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษที่ทุกคนต่างกังวลและคาดหวังกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ในตอนนั้นท่านประมุขและผู้อาวุโสทั้งห้ายังอยู่ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
ภายในใจของทุกคนนั้นไม่ได้มีความตึงเครียดขนาดนั้น พวกเขาต่างซุบซิบกันเสียงเบา
“รอกันมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็มาแล้ว! คิกๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เข้าร่วมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษล่ะ!”
“ข้าก็เหมือนกัน! ภายในงานพิธีจะมีการทดสอบระดับพรสวรรค์ ยังไม่รู้ว่าจะสามารถได้คะแนนดีหรือไม่ดี…”
“ความจริงแล้วข้าไม่ได้กังวลเรื่องการทดสอบระดับพรสวรรค์เลย ท้ายที่สุดแล้วพวกเราทุกคนก็รู้ระดับความสามารถของตัวเอง เพียงแต่ว่า… หลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว ก็ยังต้องแข่งขัน เรื่องนี้… หากต้องการชนะอย่างหมดจดงดงาม เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว!”
“คนที่มีความมั่นใจที่สุดน่าจะเป็นอี้หรานละมั้ง? ได้ยินมาว่าครั้งนี้เขามาเพื่อตำแหน่งนายน้อย…”
“เขาคือที่หนึ่งของรุ่นมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? แต่ว่าในเมื่อเขามีความสามารถ เมื่อถึงคราวพวกเรา พวกเราก็คงพูดอันใดไม่ได้”
“เฮ้อ แล้วเหตุใดเขาถึงยังไม่มาอีกล่ะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยก็ต่างหันมองโดยรอบ และก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของอี้หรานเลยจริงๆ
“น่าแปลก งานชุมนุมประเภทนี้ เขากระตือรือร้นมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้ถึงมาสายขนาดนี้เล่า?”
“ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้ว ใกล้จะได้เวลาแล้ว แต่ท่านประมุขก็ยังไม่ออกมาเลย!”
ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง อี้เจาและผู้อาวุโสทั้งห้ากำลังยืนอยู่
ผู้อาวุโสอี้กงเงยหน้าขึ้นมอง
“ท่านประมุข ถึงเวลาแล้ว พวกเรา… ควรออกไปได้แล้ว”
……….