ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1583 ล่าช้า / ตอนที่ 1584 ใจกล้านักนะ
……….
ตอนที่ 1583 ล่าช้า
หลังจากผ่านมาหลายวัน
ทุกอย่างภายในหุบเขาเฟิ่งหวงก็ยังเป็นเหมือนเช่นเดิม
ไม่ว่าจะเงยหน้าไปมองท้องฟ้ากี่ครั้ง เขาก็พบว่าทัณฑ์สวรรค์ไม่ได้มีจำนวนลดน้อยลงเลย ในที่สุดผู้อาวุโสอี้กงก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป และเดินจากไปด้วยความโมโห
สิ่งที่เขาต้องการเห็นคือซั่งกวนเยว่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น และยังอยากเห็นหงส์ทองคำตัวนั้นได้รับความทุกข์ทรมาน
ทางที่ดีที่สุดคือให้พวกนางหายไปพร้อมกัน!
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น
งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เขาจัดการ
หลังจากที่ผู้อาวุโสอี้กงจากไปได้ไม่นาน ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็เดินเยื้องย่างเข้ามา
เขาส่งยิ้มให้กับผู้อาวุโสอี้ซัง
“ที่แห่งนี้เดี๋ยวข้าเฝ้าต่อเอง เจ้าไปจัดการเรื่องงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษเถอะ!”
ผู้อาวุโสอี้ซังไม่ได้กล่าวปฏิเสธ และพยักหน้าขึ้นลง
“ดูแลให้ดีนะ”
ผู้อาวุโสอี้ซังหัวเราะเสียงดัง
“ข้าทราบแล้ว วางใจเถอะ”
…
นอกจากหุบเขาเฟิ่งหวง สถานที่อื่นๆ ภายในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงต่างครึกครื้นขึ้นมา
แน่นอนว่าภายในความครึกครื้น ยังมีความหนักหน่วง เคร่งขรึม และตึงเครียด
งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษแต่ละครั้ง พวกเขาล้วนจัดเตรียมการอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
คนจำนวนมากกำลังยุ่งวุ่นวาย และทำการตรวจสอบอยู่ซ้ำๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดข้อบกพร่อง
แต่ตอนนี้ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงกลับปกคลุมด้วยความเงียบงัน
…
ภายในตำหนัก อี้เจามองดูรูปจินตกรรมฝาผนังขนาดใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโค้งตัวคำนับรูปภาพนั้น
“ท่านบรรพบุรุษ โปรดคุ้มครองปกป้องเผ่าพันธุ์ของพวกเราด้วย”
เขาค้างอยู่ท่านี้เป็นเวลานาน ในที่สุดก็หมุนตัวแล้วเดินออกจากตำหนักไป
หลังจากเดินออกมาแล้ว บริเวณด้านหน้าตำหนักก็มีจัตุรัสขนาดใหญ่
กระเบื้องหยกขาวปูวางเอาไว้อย่างประณีตงดงาม จนสามารถสะท้อนเงาร่างของคนที่อยู่ด้านบนได้ชัดเจน
ตรงกลางนั้นมีลวดลายของเผ่าหงส์ทองคำสลักเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่
ในตอนนี้ทั่วทั้งจัตุรัสแห่งนี้มีเพียงไม่กี่คนที่เฝ้าอารักขาอยู่
…ที่แห่งนี้คือสถานที่จัดพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษ
เมื่อเห็นว่าอี้เจาออกมา ทุกคนต่างทยอยทำความเคารพ
“คารวะท่านประมุข!”
อี้เจายกมือขึ้น ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบด้าน แล้วถามขึ้นเสียงเรียบ
“อี้กงล่ะ?”
ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา
คนที่อยู่ด้านหน้าหลุบตาลงต่ำ
“เรียนท่านประมุข ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดน่าจะอยู่ที่หุบเขาเฟิ่งหวง”
อี้เจาขมวดคิ้วขึ้น
“เขาไปทำอันใดที่นั่น พิธีการทางด้านตำหนักนี้เขาจัดการเสร็จแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ คนอื่นๆ จึงไม่กล้าพูดอันใดขึ้น
อี้เจาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองไปทางหุบเขาเฟิ่งหวง
หากมองจากตรงนี้ก็สามารถมองเห็นกลุ่มเมฆดำรวมตัว ทัณฑ์สวรรค์เลือนราง
แน่นอนว่าเขารู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้น
“ทางด้านหุบเขาเฟิ่งหวงมีอี้อวี่คอยดูแลอยู่ตลอด เขาเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุด เหตุใดยังถึงไปเข้าร่วมเรื่องราวเหล่านั้นนานขนาดนี้?”
“คารวะท่านประมุข!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงรีบร้อนดังขึ้นมา
นั่นคืออี้กงที่รีบร้อนกลับมาพอดี
ตอนที่เห็นว่าอี้เจายืนอยู่ตรงนั้น เขาก็รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดี แต่ในเวลานี้ทำได้เพียงกัดฟันแล้วเดินเข้าไปเท่านั้น
สายตาของอี้เจาคมกริบดุจคมมีดกวาดไปทั่วร่างกายของเขาอย่างเชื่องช้า ราวกับต้องการจะถลกหนังของเขาหนึ่งชั้น!
ผู้อาวุโสอี้กงเหงื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่สุดท้ายแล้วอี้เจาก็ไม่ได้ตำหนิเขา แต่กลับพูดขึ้นเพียงว่า
“ช่างเถิด เรื่องอื่นค่อยว่ากัน มาเตรียมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษก่อน”
ผู้อาวุโสอี้กงถอนหายใจออกมา
“ขอรับๆ!”
เมื่ออี้เจาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
“เหมือนว่าเจ้ายังมีอีกหลายเรื่องที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย หากภายในเวลาที่เหลือไม่สามารถจัดการได้ทัน…”
ผู้อาวุโสอี้กงกำลังพูดโต้แย้งขึ้น แต่ต่อมาเขาก็ได้ยินอี้เจาพูดต่อว่า
“เช่นนั้นก็เลื่อนงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษออกไปก่อน”
หัวใจของผู้อาวุโสอี้กงเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง!
“ท่านประมุข?”
ตอนที่ 1584 ใจกล้านักนะ
งานพิธีที่กราบไหว้บรรพบุรุษร้อยปีจะมีสักครั้ง ดังนั้นพิธีการนี้ซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีการที่สำคัญที่สุดของเผ่าหงส์ทองคำ
เขาจะกล้าใช้เหตุผลของตนเองมันเลื่อนงานกราบไหว้พิธีบรรพบุรุษได้อย่างใด?
“ท่านประมุขโปรดวางใจ ก่อนหน้านี้ข้าได้เตรียมการไปพอประมาณแล้ว ไม่มีทางทำให้งานพิธีล่าช้าอย่างเด็ดขาด…”
ขณะที่ผู้อาวุโสอี้กงพูดนั้น น้ำเสียงของเขายังสั่นเครือเล็กน้อย
แม้ว่าในเผ่านั้นเขามีฐานะไม่ต่ำต้อย และมีอำนาจอยู่ในมือ แต่เรื่องบางอย่างก็มีขอบเขต ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าทำอันใดตามอำเภอใจเด็ดขาด
อี้เจามองเขาด้วยสายตาราบเรียบ
“เจ้าก็รู้ว่างานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษนี้ไม่สามารถมีข้อผิดพลาดได้ ทุกขั้นตอนล้วนต้องระมัดระวัง แต่หลายวันที่ผ่านมานี้เหมือนว่าเจ้าจะอยู่ในหุบเขาเฟิ่งหวงมาตลอดสินะ? เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดความคิดบางอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
“เลื่อนเวลาออกไป ก็ยังดีกว่าพบข้อผิดพลาดในช่วงนั้น”
สายตาของคนรอบข้างจำนวนไม่น้อยมองมาที่เขา
ผู้อาวุโสอี้กงมีใบหน้าเขียวสลับขาว ดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
คำพูดของอี้เจานี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ อีกฝ่ายไม่ไว้หน้าเขาเลยจริงๆ
แล้วอีกอย่างเขาอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสสูงสุดมานานหลายปีแล้ว พิธีกราบไหว้บรรพบุรุษเช่นนี้เขาไม่ได้เพิ่งจัดเตรียมมาเป็นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ในครั้งนี้เหตุใดเขาถึงไปอยู่ที่หุบเขาเฟิ่งหวงถึงสองวันล่ะ?
หัวใจของเขาเต้นระส่ำ เมื่อมองอี้เจาเขาก็รู้สึกสงสัยอันใดบางอย่างขึ้น
… เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่าท่านประมุขต้องการจะเลื่อนพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษออกไปจริงๆ?
ผู้อาวุโสอี้กงถอนสายตาออกมา และสงบสติอารมณ์ของตนเองลง ก่อนจะพูดออกมาอย่างเชื่องช้าว่า
“ท่านประมุข ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ช่วงเวลาหลังจากนี้ข้าจะตรวจสอบด้วยตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอันใดผิดพลาด หากมันเกิดข้อผิดพลาดจริงๆ แล้วละก็ ข้ายินดีรับผิดชอบทั้งหมด”
นี่ก็เหมือนกับคำสั่งทางทหาร
อี้เจาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้… ข้าก็จะเชื่อเจ้าสักครั้ง”
ผู้อาวุโสอี้กงชะงักเล็กน้อย
เหตุใดถึง… ไม่พูดเรื่องเลื่อนเวลาออกไปอีกเล่า แต่กลับตอบรับโดยตรงเยี่ยงนี้หรือ?
เขารีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมองออกเลยว่าอี้เจามีความรู้สึกอย่างใด
เขาจึงทำได้เพียงสะกดกั้นความสงสัยในใจลง
“เอาล่ะ เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ”
อี้เจาโบกมือขึ้น
ผู้อาวุโสอี้กงหลุบตาต่ำตอบรับหนึ่งเสียง
“ขอรับ”
…
พระราชวังเมฆาสวรรค์
ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความเงียบงัน
คำถามของหรงซิวทำให้ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งร้อนรนอยู่ไม่สุข
หลังจากนั้นไม่นาน แผ่นหลังของเขาก็เปียกโชก เสื้อผ้าแนบชิดกับร่างกาย จนทำให้หนาวสั่นและดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“ขอรับ…เป็นเพราะว่า…”
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งชะงักไป เพราะไม่สามารถให้เหตุผลได้
เขารู้สึกว่าสายตาของหรงซิวที่จ้องมองมาที่เขานั้นเหมือนกับคมมีดน้ำแข็งที่ทั้งแหลมคมและเย็นยะเยือก!
ในเวลาเดียวกันนั้นเองเสียงที่ทุ้มต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น!
“ตอนที่ท่านประมุขเกิดเรื่อง อวี๋จิ้งเป็นคนที่เข้าไปพบเป็นคนแรก บนร่างกายของท่านประมุขมีลมปราณของเขาอยู่ก็เป็นเรื่องปกติแล้วไม่ใช่หรือ?”
ผู้พูดคนนั้นคือผู้อาวุโสถงชวน
เมื่อได้ยินดังนั้นความคิดของผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็สว่างขึ้น
เขายืดหลังตรงอย่างกะทันหัน
“ใช่แล้ว! ถูกต้อง! ในตอนนั้นข้ามีเรื่องปรึกษากับท่านประมุขเล็กน้อย แต่หลังจากที่เคาะประตูอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลย ในใจของเขาจึงรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ข้ารู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ดังนั้นจึงรีบพังประตูเข้าไป หลังจากที่เข้าไปแล้วเห็นว่าท่านประมุขสลบไสล ดังนั้นจึงรีบจับชีพจรก่อน อีกทั้งยังใส่พลังปราณดั้งเดิมเพื่อช่วยเหลือท่านประมุข… เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละ”
เขาพูดโดยไม่ละสายตา
“เมื่อครู่นี้ เมื่อครู่ข้าลืมว่ามีเรื่องเช่นนี้อยู่ด้วย…”
เขาจะลืมจริงหรือไม่ไม่มีใครทราบ
และจะเชื่อหรือไม่นั้น ความจริงแล้วทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับหรงซิว
“งั้นหรือ?”
เขานั่งอยู่ที่ด้านบน มือข้างหนึ่งเคาะกับที่เท้ามือเบาๆ สายตาล้วนคาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าใครก็มองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่
ผู้อาวุโสถงชวนเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า
“อวี๋จิ้งมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านประมุขมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าท่านประมุขเกิดเรื่อง เขาจึงต้องรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก แล้วเขาจะไปทำเรื่องอย่างอื่นได้อย่างใด? ความจริงแล้วสาเหตุที่ท่านประมุขสลบไสลไป ผู้เฒ่าอย่างข้ามีความคิดอยู่ข้อหนึ่ง”
หรงซิวลืมตามอง
ใบหน้าของผู้อาวุโสถงชวนมีความลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ความจริงแล้ว… ผู้เฒ่าอย่างข้าคิดว่าครั้งนี้ท่านประมุขได้รับการโจมตีจากเมืองฝางโจว รู้สึกหดหู่ตรอมใจ หลังจากที่เขากลับมาแล้ว เขาก็เอาแต่ขังตนเองอยู่ในห้อง ไม่ออกมาพบผู้ใด”
“ในเมื่อฝ่าบาทก็ตรวจร่างกายของท่านประมุขแล้ว ดังนั้นควรจะทราบว่า ร่างกายของท่านประมุขไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกก็ล้วนไม่มีบาดแผล แต่ครั้งนี้กลับสลบไปอย่างกะทันหัน บางที… อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับด้านของจิตใจ”
ความเงียบก็ปกคลุมทันที
เหตุการณ์วันนั้นที่เมืองฝางโจวได้แพร่กระจายออกมาแล้ว ตอนนี้คนแทบจะทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ต่างรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้ว
ไป๋หลีฉุนประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์มีเจียงจื่อหยวนอยู่ข้างกายตั้งแต่นางยังเล็ก คอยดูแลประคบประหงม เอาใจใส่ทุกย่างก้าว
แต่ใครจะรู้เล่าว่านี่ไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของเขา
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าขันของทุกคน ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงไป๋หลีฉุนที่รักเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเองเป็นอย่างมาก?
ผู้อาวุโสถงชวนเงยหน้าขึ้นมองหรงซิว
“ฝ่าบาท เรื่องภายในครอบครัวไม่ควรเปิดเผยต่อที่สาธารณะ วันนั้นท่านหุนหันพลันแล่นเกินไปจริงๆ”
ความวุ่นวายที่เมืองฝางโจว แทบจะทำให้เขาต้องเสียหน้าเป็นอย่างมาก หลังจากนี้เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนของอาณาจักรเสิ่นซวี่
หากเขากลับไปพูดเรื่องนี้โดยส่วนตัว บางทีท่านประมุขอาจจะไม่เป็นเช่นนี้
หรงซิวหัวเราะขึ้นมา ใบหน้าเกียจคร้าน
“ผู้อาวุโสถงชวนหมายความว่า… ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ผู้เฒ่าอย่างข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
ผู้อาวุโสถงชวนพูดขึ้น
“ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องในวันนั้น ควรจะมีการจัดการที่ดีกว่านี้…”
“ท่านประมุขรู้ทั้งรู้ว่าสำนักหลิงเซียวกำลังประสบปัญหามากมาย แต่กลับยังพาเจียงจื่อหยวนไปที่นั่น เรื่องราววีรกรรมของเจียงจื่อหยวนถูกเปิดเผยออกมา แต่ก็ยังเป็นการเอนเอียงเข้าข้างนางอยู่ ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจของท่านประมุขก็มีเพียงเจียงจื่อหยวน ไม่ว่าข้าจะโน้มน้าวอย่างใดก็ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายเรื่องจึงไปถึงขั้นนั้น นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจะเห็น”
หรงซิวพูดแทรกคำพูดของเขา ก่อนจะมองเขาด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่ในแววตากลับมีความเย็นยะเยือก
“หรือผู้อาวุโสถงชวนคิดว่าข้านั้นต้องการทำให้เขาต้องขายหน้าต่อหน้าผู้แข็งแกร่งทุกท่านของอาณาจักรเสิ่นซวี่?”
ผู้อาวุโสถงชวนสำลักไปในทันที
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถยอมรับคำพูดนี้ได้
แต่…
ถ้าเขาไม่ได้วางแผนมาก่อน หรงซิวจะจัดเตรียมคนได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างใด เขาเลือกคนมาแทนที่เจียงเห่อเทียน จากนั้นก็ให้ตระกูลเจียงกลับมาอยู่ภายใต้อำนาจของเขา
เห็นได้ว่าเขาวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว!
ผู้อาวุโสถงชวนยังรู้สึกอีกว่า แม้กระทั่งเรื่องของไป๋หลีฉุนและเจียงจื่อหยวน หรงซิวก็รู้มาตั้งนานแล้ว
ส่วนเรื่องความอัปยศนั้น…
ใบหน้าของหรงซิวดูหมองคล้ำ แต่คนที่เสียหน้าจริงๆ นั้นคือไป๋หลีฉุน!
หรงซิวกวาดสายตามองไปโดยรอบ
“ที่ทุกท่านมาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพราะมีความคิดเช่นเดียวกันหรือ?”
เสียงของเขาราบเรียบและเบาบางเป็นอย่างมาก แต่กลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับหินผา ทำให้กดทับหัวใจของทุกคน
ผู้อาวุโสถงชวนรีบอธิบายขึ้นมาว่า
“ฝ่าบาทเข้าใจผิดแล้ว… ผู้เฒ่าอย่างข้าเพียงคิดว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมันรุนแรงมากเกินไป มันจึงทำให้… และแน่นอนว่ามันก็ยังมีความเป็นไปได้อื่นๆ …”
“แน่นอนว่าต้องมีความเป็นไปได้อื่นๆ”
หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ท่านประมุขเพิ่งจะทะลวงด่านออกมา ฝีมือเพิ่มสูงขึ้น ต่อให้เขารู้สึกตรอมใจ ก็ไม่น่าจะเป็นถึงขั้นนี้ พวกเจ้ายังไม่รีบไปตรวจสอบ แต่กลับมารั้งรออยู่ที่นี่ รอเพื่อสอบถามข้า…”
ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“ความใจกล้าของพวกเจ้านั้น นับว่ามีเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย”
……….