ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1582 ถวนจื่อที่กินจุ
ตอนที่ 1582 ถวนจื่อที่กินจุ
……….
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในหุบเขาเฟิ่งหวงต่างหันมามองด้วยสายตาที่แตกต่างกันออกไป
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้…กำลังหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในระดับใดกันแน่ ความเร็วในการกลืนกินทัณฑ์สวรรค์มันสูงเกินไปแล้วล่ะมั้ง?
นางจะสามารถทนมันได้จริงหรือ?
…
“ถวนจื่อ ตอนนี้รู้สึกอย่างใดบ้าง?”
ทัณฑ์สวรรค์ที่สามารถดึงดูดมาได้เหล่านี้นั้น ไม่ได้ตกลงมาที่กำไล แต่ถูกถวนจื่อเอาตัวมาขวางเอาไว้
ร่างเล็กๆ ของมันถูกแสงสว่างบดบัง จนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่จึงทำได้เพียงอาศัยจิตเชื่อมต่อระหว่างสัตว์อสูรในพันธสัญญาเท่านั้น แต่ก็สามารถคาดเดาได้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของมัน
ถวนจื่อไม่พูดไม่จา หลังจากผ่านไปสักพัก ลำแสงสายฟ้าก็จางหายไป เงาร่างของมันค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ในขณะที่มันสกัดกั้นทัณฑ์สวรรค์ มันก็กลืนกินทัณฑ์สวรรค์ลงท้องอย่างไม่ลังเล!
เรียบร้อยแล้ว บนร่างกายของมันเหมือนจะมีแสงสว่างสีเงินหลายสายส่องประกายออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นานแสงเหล่านั้นก็ถูกซ่อนอยู่ในขนนก
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีหยุดชะงักแม้แต่น้อย
“เอิ้ก…”
ถวนจื่อเรอเสร็จ ก็พ่นสายฟ้าออกมาเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่ส่งเสียงจิ๊ออกมาหนึ่งเสียง
“เหตุใดถึงรีบกินขนาดนี้ล่ะ ไม่ว่าอย่างใดของเหล่านี้ก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว”
ถวนจื่อหลุบตาลงต่ำมองหน้านาง มันกะพริบตาปริบๆ ด้วยความลำบากใจ เหมือนกับกำลังกล่าวคำขอโทษ
ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่หลังจากเห็นทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้น มันก็รู้สึกหิวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
และไม่รู้ว่าเหตุใดยิ่งมันกินมันก็ยิ่งหิวมากขึ้น
มันกินอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันระวัง แล้วทำให้เรอออกมา
ในตอนแรกมันยังไม่มีความรู้สึกแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดก็…
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ความจริงแล้ว อารมณ์ของนางนั้นไม่ได้สงบราบเรียบอย่างที่เห็นภายนอก
นางต้องการอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ เพื่อช่วยให้ถวนจื่อทะลวงด่าน ดังนั้นจึงให้ถวนจื่อออกไปขัดขวางทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นกลางทาง
แต่หลังจากเวลาผ่านไป นางก็พบว่าเรื่องราวหลุดออกจากเส้นทางที่นางกำหนดเอาไว้
พลังการอดทนและการกลืนกินของถวนจื่อมีมากกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้เสียอีก
เมื่อเห็นว่าถวนจื่ออาบแสงทัณฑ์สวรรค์ ถวนจื่อไม่เพียงไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับดูมีพละกำลังมากขึ้น ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกวางใจได้ขึ้นอย่างมาก
บางที… ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ที่เขาหมื่นเมรัย ทำให้ถวนจื่อนั้นแตกต่างจากผู้อื่น?
คำตอบนั้นไม่อาจทราบได้
แต่นางรู้ว่าการอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์จะต้องมีส่วนช่วยถวนจื่อในการทะลวงด่านอย่างแน่นอน
ลมปราณบนร่างกายของมันนั้นเพิ่มขึ้นตามจำนวนที่กลืนกินทัณฑ์สวรรค์ และมันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ขอเพียงแค่สามารถยืนหยัดต่อไปได้ ไม่แน่ว่าเวลาที่เหลืออาจจะสามารถช่วยให้ถวนจื่อเปิดชีพจรได้ก็เป็นได้!
หลังจากนั้นไม่นานก็มีทัณฑ์สวรรค์ตกลงมาอีกครั้ง!
ถวนจื่อเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาเปล่งประกาย และเคลื่อนที่ไปมาอย่างรวดเร็ว
…
เวลาในการรอคอยล้วนเป็นเวลาที่ยากลำบากเสมอ
ผู้คนในหุบเขาเฟิ่งหวงต่างรอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ
พวกเขาเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้จะคงอยู่ไปอีกนานเท่าใด
ผู้อาวุโสอี้อวี่หาวออกมาหนึ่งครั้ง แล้วพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
“ไม่ไหวแล้ว ข้าเฝ้าอยู่ที่นี่มาโดยตลอดแทบจะไม่ได้นอนเลย ตอนนี้ข้ายืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะขอรับ”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินจากไปอย่างสบายอกสบายใจ
เขาไม่กังวลเท่าไรนัก!
มีอี้กงและอี้ซังอยู่ที่นี่ เช่นนั้นจะต้องไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแน่นอน!
แล้วอีกอย่างเขาก็รู้สึกเหนื่อยล้ามากจริงๆ
จากสถานการณ์ในตอนนี้ หลังจากผ่านไปอีกสักระยะ ก็คงไม่หยุดอย่างแน่นอน
ถ้าเช่นนั้นเขาไปพักผ่อนสักหน่อยจะดีกว่า
ผู้อาวุโสอี้กงมีสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างมาก
นี่กำลังจะผลักภาระเหล่านี้ให้กับพวกเขาใช่หรือไม่?
แต่เขายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องจัดการนะ!
จะให้มาเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดได้อย่างใด?
ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะต้องรอคอยไปถึงเมื่อใด!
แต่ถ้าจะให้เขาจากไป เขาเองก็รู้สึกไม่ยินยอมเช่นกัน
ผู้อาวุโสอี้ซังยืนนิ่งอยู่ด้านข้างและรอคอยอย่างอดทน
ผู้อาวุโสอี้กงครุ่นคิด จากนั้นก็หันกลับไปมองอี้หราน
“เจ้ากลับไปก่อน กลับไปตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้ดี”
ความจริงแล้วอี้หรานก็ไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ แต่หลังจากกลับไปเขาก็ต้องรู้สึกเป็นกังวล และไม่มีทางสงบใจลงได้ ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“…อาจารย์ ความจริงแล้วการเคลื่อนไหวเหล่านี้มันรุนแรงมาก…”
ผู้อาวุโสอี้กงเป็นอาจารย์ของเขามาหลายปี ดังนั้นจึงสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้อย่างรวดเร็ว เขาอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปตบไหล่เขา
อี้หรานสัมผัสได้ถึงพลังอันอบอุ่นที่ไหลเข้าสู่ภายในร่างกาย!
หัวใจของเขาสั่นไหว
“ขอเพียงแค่เจ้ามีสมาธิจดจ่อเพียงพอ เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่?”
อี้หรานรีบตอบรับ
“ขอบคุณอาจารย์ที่ให้คำชี้แนะ”
“เจ้ากลับไปเถอะ!”
“ขอรับ”
อี้หรานไม่ได้รู้สึกลังเลเท่าเดิมแล้ว หลังจากนั้นเขาก็รีบจากไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของผู้อาวุโสอี้ซังจดจ้องอยู่บนร่างกายของเขาสักพักหนึ่ง ก่อนจะดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น
หลังจากอี้หรานเดินออกไปแล้ว คนจำนวนมากก็ทยอยกันกลับ
แต่เขาจะสามารถเลิกครุ่นคิดเรื่องนี้ได้หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
…
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของผู้อาวุโสอี้กงดำคล้ำราวกับก้นหม้อ
ขมับของเขาเต้นตุบๆ ขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังโกรธจัด
“ซั่งกวนเยว่กำลังวางแผนทำอันใดกันแน่!”
เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่หุบเขาเฟิ่งหวงยังไม่สามารถสงบลงมาได้!
ทัณฑ์สวรรค์รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง และผ่าลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้ที่ผ่าลงไปในม่านแสงนั้นมีจำนวนเท่าใด เขาก็ไม่สามารถนับได้อย่างชัดเจน!
ใบหน้าของผู้อาวุโสอี้ซังมีรอยยิ้มราบเรียบปรากฏอยู่
“เดิมทีการหลอมอาวุธก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากอย่างมาก ได้ยินมาว่าการที่ช่างหลอมอาวุธจะหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์สักอย่างหนึ่ง บางทีจะต้องใช้เวลาหลายเดือนอาจจะถึงขั้นหลายปี แม้ว่าระดับของซั่งกวนเยว่จะไม่ได้สูงขนาดนั้น แต่บรรพบุรุษของนางก็เป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธ ฝีมือและพรสวรรค์ของนางในด้านนี้น่าจะไม่อ่อนด้อยละมั้ง ใช้เวลาเพียงแค่วันสองวัน…เกรงว่าคงจะไม่เพียงพอ”
ผู้อาวุโสอี้กงสำลัก ริมฝีปากกระตุก ในที่สุดเขาก็กลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไป
ผู้อาวุโสอี้ซังเห็นดังนั้น ริมฝีปากจึงยกยิ้มขึ้น
แต่ที่เขาไม่ได้พูดออกไปก็คือ เมื่อเวลามนุษย์เหล่านั้นหลอมอาวุธ โดยทั่วไปแล้วจะไม่อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ออกมาทั้งหมดในคราวเดียว บางทีอาจจะแบ่งระยะเวลา เพื่อให้มีการพักฟื้น
ไม่มีใครทำอย่างซั่งกวนเยว่ ตั้งแต่เริ่มต้นก็อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง
เรื่องราวเช่นนี้มีเพียงช่างหลอมอาวุธเท่านั้นถึงจะรู้ดีที่สุด แต่เขาบังเอิญเคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมีความเข้าใจอยู่เล็กน้อย
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกอี้กง
เขายกมือสองข้างกอดอก จากนั้นก็มองตรงไปด้านหน้า
เขาไม่รู้ว่า ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นสามารถทำถึงขั้นนี้ได้อย่างใด?
……….