ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1579 พวกเจ้าก็ทำต่อไป
ตอนที่ 1579 พวกเจ้าก็ทำต่อไป
……….
คนอื่นๆ ที่อยู่ภายในหุบเขาเฟิ่งหวงก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงค่อยๆ ทยอยออกมา
“เกิดอันใดขึ้นๆ? เหตุใดพลังแห่งสวรรค์และโลกถึงสั่นสะเทือนเช่นนี้?”
ทุกคนมีใบหน้ามึนงงสับสน สุดท้ายก็หันไปมองทางท้องฟ้าโดยพร้อมเพรียง เมื่อเห็นว่ามีกระแสพลังงานแปลกประหลาดพุ่งพวยขึ้น พวกเขาก็ล้วนตกใจอย่างมาก
แม้ว่าภายในหุบเขาเฟิ่งหวงจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก แต่มันก็อยู่อย่างสงบสุขมาโดยตลอด และไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย
แต่ว่าในตอนนี้…
“ช้าก่อน เหมือนว่าพลังเหล่านั้นกำลังจะเคลื่อนที่ไปทางนั้นนะ!”
ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมาอย่างตกใจ
“หรือว่าทางนั้นจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
“ไม่แน่ใจ พื้นที่ทางนั้นมันห่างไกลมากไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอย่างกะทันหันล่ะ?”
หลังจากมองทิศทางของพลังเหล่านั้นอย่างชัดเจนแล้ว ผู้อาวุโสอี้อวี่กลับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
นั่นมัน… เป็นที่พำนักของซั่งกวนเยว่และถวนจื่อไม่ใช่หรือ?
ด้วยเหตุผลบางประการ เขาจึงตั้งใจจัดที่พักของพวกนางให้อยู่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน
ทางนั้น… นอกจากพวกนางแล้ว ก็แทบจะไม่มีคนอื่นอยู่เลย!
“ทุกคนหยุดยืนอยู่ที่เดิมก่อน! ห้ามไปไหนซี้ซั้ว!”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ออกคำสั่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปตามทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว!
แม้ว่าทุกคนจะรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเขา ทำได้เพียงรอคอยอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง
แผ่นหลังของผู้อาวุโสอี้อวี่หายลับตาไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยซุบซิบกันขึ้นมาอีกครั้ง
แต่การเคลื่อนไหวที่อยู่บนท้องฟ้า ไม่เพียงไม่จางหายไปกลับทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เหมือนว่าพลังแห่งสวรรค์และโลกถูกมือที่มองไม่เห็นควบคุมอยู่อย่างง่ายดาย และพุ่งกระจายออกไปสี่ทิศแปดทาง!
ต่อให้พวกเขาจะยืนอยู่ด้านล่าง แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าตกใจ
แต่ในตอนนั้นเองก็มีคนหนึ่งเดินออกมาจากลูกบอลโปร่งแสง
ใบหน้าของเขาย่ำแย่เป็นอย่างมาก ในแววตาเหมือนจะมีเปลวเพลิงแห่งความโกรธปะทุขึ้น
คนผู้นั้นก็คืออี้หราน
เขาระงับความโกรธที่อยู่ภายในใจเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงเย็นยะเยือก
“นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”
คนที่อยู่รอบข้างเห็นว่าสีหน้าของเขาผิดปกติไป จึงไม่กล้าถามมาก ได้แต่อธิบายว่า
“ยังไม่แน่ใจเลย เหมือนว่าทางนั้นจะเกิดเรื่องขึ้น เมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสอี้อวี่เพิ่งเดินทางไป”
ขณะที่พูดเขาก็ยกมือขึ้น
อี้หรานหันไปมองตามทิศทางของมือ แล้วหัวเราะเสียงเย็น
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินมาว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้ก่อเรื่องเก่งนัก ตอนที่อยู่ในสำนักหลิงเซียวก็ทำท่าทางกำเริบเสิบสานอย่างยิ่ง ก่อเรื่องวุ่นวายไปเป็นจำนวนไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางมาอยู่ที่นี่แล้วก็ยังมีนิสัยเดิมไม่เปลี่ยนแปลง!”
หลังจากได้รับคำเตือนของเขา ทุกคนก็นึกขึ้นมาได้ว่า ที่แห่งนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นที่พำนักของซั่งกวนเยว่และถวนจื่อที่มาอาศัยอยู่ที่นี่เมื่อสองสามวันที่แล้ว
“หากเป็นฝีมือของพวกนางแล้วละก็ เช่นนั้นหงส์ทองคำตัวนั้น ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงบทลงโทษ!”
ในใจของอี้หรานมีไฟสุมทรวง
เดิมทีเขากำลังบำเพ็ญเพียรอย่างสงบสุข หลังจากที่ได้รับคำชี้แนะจากอาจารย์ เขาก็สามารถสัมผัสธรณีประตูที่จะผ่านด่านไปได้แล้ว
แต่ว่าตอนนี้ภายในหุบเขาเฟิ่งหวงเกิดเรื่องวุ่นวายขัดขวางการบำเพ็ญเพียรของเขา
แล้วเขาจะไม่อารมณ์เสียได้อย่างใด?
อีกไม่นานจะถึงพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว เขาจะต้องพยายามทะลวงด่านให้ได้เร็วที่สุด!
แต่วันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ ความพยายามก่อนหน้านี้ที่เขาทำมาก็กลายเป็นสูญเปล่าไป!
เมื่อเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดี จึงทำได้เพียงตอบรับคล้อยตามอยู่สองสามคำ ไม่กล้าถามอันใดมาก
…
ผู้อาวุโสอี้อวี่มาถึงที่ด้านหน้าของลูกบอลแสงของฉู่หลิวเยว่และถวนจื่อแล้ว
เขาเพิ่งมาถึง แต่กลับสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าตกใจแล้ว!
รูม่านตาของเขาหดเล็กลง
ซั่งกวนเยว่เพิ่งจะทะลวงผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงมาได้ไม่ใช่หรือ? ถ้าตามหลักการแล้วความแข็งแกร่งระดับนาง ไม่มีทางสร้างแรงกระเพื่อมอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้เลย
ขณะที่เขากำลังจะยกมือขึ้น ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มืดลง!
การกระทำของผู้อาวุโสอี้อวี่หยุดชะงักไปในทันที จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมอง
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินที่ส่องสว่างกำลังเลื้อยผ่านอยู่ในหมู่เมฆราวกับอสรพิษยักษ์!
ทัณฑ์สวรรค์?
เหมือนว่าผู้อาวุโสอี้อวี่จะนึกอันใดขึ้นได้บางอย่าง จากนั้นเขาก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงอย่างมาก เขาก็วางมือบนลูกบอลแสงแล้วสาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างไม่ลังเล!
…
ทันทีที่เขาเดินเข้าไป ผู้อาวุโสอี้อวี่ก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมที่บ้าคลั่ง
เขารักษาการยืนให้มั่นคง จากนั้นก็เดินหน้าขึ้นไปอย่างรีบร้อน
ตอนนั้นเองเขาก็เห็นว่าซั่งกวนเยว่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา
ถวนจื่อที่ตัวเล็กยิ่งก็นั่งอยู่ข้างกายของนาง
ในตอนนั้นกระแสพลังงานหมุนวนอยู่เหนือศีรษะของพวกนางซึ่งกำลังเชื่อมต่อกับม่านพลังสีทองสว่างของลูกบอลแสงนั้น!
… ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นด้านนอกเป็นเพราะฝีมือของพวกนางจริงๆ ด้วย!
“ซั่งกวน…”
ผู้อาวุโสอี้อวี่เรียกนางในทันที แต่หลังจากเห็นสร้อยข้อมือที่อยู่ตรงหน้านางก็เงียบเสียงลงไปอย่างกะทันหัน
นี่นางกำลัง… หลอมอาวุธ?
แม้ว่าเขาจะเป็นหงส์ทองคำ แต่เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เขาก็ยังมีความรู้อยู่ไม่น้อย
ตอนที่กำลังจะหลอมอาวุธ สภาพแวดล้อมรอบข้างมีความสำคัญอย่างมาก อีกทั้งยังไม่สามารถเข้าไปรบกวนได้
แต่ในตอนนั้นเองแม่นางคนนั้นกลับเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วมองมาทางนี้
เมื่อเห็นว่าเป็นผู้อาวุโสอี้อวี่ ใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มสดใสประดับขึ้น
“ผู้อาวุโสอี้อวี่!”
ผู้อาวุโสอี้อวี่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
“เจ้า… เจ้าไม่ได้กำลังจะหลอมอาวุธอยู่หรือ?”
“กำลังทำอยู่เจ้าค่ะ! แต่ว่าตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมตัวเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
“น่าจะใช้เวลาอีกสักพักเจ้าค่ะ”
แม้ว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถโคจรพลังแห่งสวรรค์และโลก แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดทัณฑ์สวรรค์ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องรออีกสักระยะ
ขณะที่พูดนางก็มองผู้อาวุโสอี้อวี่แล้วยิ้มออกมา
“ท่านมาได้อย่างใดหรือ?”
“…”
หางตาของผู้อาวุโสอี้อวี่กระตุกขึ้นอย่างแรง
เขามาที่นี่ได้อย่างใด… คาดไม่ถึงว่านางยังจะถามเขาว่าเขามาที่นี่ได้อย่างใด?
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นด้วยความจริงใจ ระลอกคลื่นภายในใจของผู้อาวุโสอี้อวี่ก็เริ่มสงบขึ้น
“เจ้า… เจ้าก่อเรื่องเสียใหญ่โตขนาดนี้ พลังแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่ด้านนอก เริ่มระเบิดกันแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า “ข้าทราบ!”
นางพยายามอย่างยากลำบากเช่นนี้ ก็เพื่อเรื่องนี้นี่นา!
ในตอนนั้นผู้อาวุโสอี้อวี่ไม่รู้ว่าจะตอบรับอย่างใดดี จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างยาวนาน
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ จากนั้นถึงค่อยเข้าใจว่าเขามาที่นี่เหตุใด
“เรื่องนี้… หรือว่ามันส่งผลกระทบต่อทุกคนหรือ? ข้าเพียงแค่ต้องการดึงดูดทัณฑ์สวรรค์เท่านั้น น่าจะ… ไม่กระทบกระเทือนต่อคนอื่นใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสอี้อวี่พูดไม่ออกมากกว่าเดิม
แม้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่เขาก็คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่มีทางส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน
อย่างมากที่สุดก็ทำให้คนอื่นตกใจเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่จะทำร้ายใครหรือขัดขวางใครนั้น… เหมือนว่าจะไม่มี
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเขาก็ไม่สามารถตำหนินางได้
“… แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็ไม่ได้เล็กน้อย…” ผู้อาวุโสอี้อวี่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างลังเล “ถ้าไม่ได้มีเรื่องอันใดเร่งด่วนแล้วละก็…”
“ข้าขอพูดตามตรง ความจริงแล้วที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้เพื่อหลอมอาวุธ แต่ทำเพื่อช่วยถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่และยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านก็รู้ว่า ข้ามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน”
ผู้อาวุโสอี้อวี่เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที จากนั้นก็หันไปมองถวนจื่อที่นั่งอยู่ด้านข้างของนาง
เป็นอย่างนี้นี่เองที่นางเรียกทัณฑ์สวรรค์มา ก็เพื่อทดลองให้ถวนจื่อทะลวงด่าน?
นี่ก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่…
หากเป็นคนอื่นแล้วละก็ เขาจะคิดว่านี่เป็นเรื่องเพ้อเจ้ออย่างแน่นอน
แต่ถวนจื่อเป็นสายเลือดบริสุทธ์ ไม่แน่ว่า…
ผู้อาวุโสอี้อวี่อ้าปากค้าง
“เช่นนั้น…พวกเจ้าก็ทำต่อไป…”
……….