ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1576 ใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมนาง
ตอนที่ 1576 ใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมนาง
……….
อี้เจาพยักหน้า
“เมื่อเจ้าเป็นคนจัดการ ข้าย่อมวางใจ”
อี้อวี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ความจริงแล้ววันนี้ ข้าคิดว่าท่านจะมอบหมายให้ข้าดูแลพวกนาง คิดไม่ถึงเลยว่า ท่านจะเรียกอี้หรานก่อน”
อี้เจาพูดเสียงเรียบ
“ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ไม่มีทางไปทำหรอก จากนั้นข้าค่อยมอบหมายหน้าที่ให้กับเจ้า แบบนั้นถึงจะไม่น่าสงสัย”
อี้กงมักจะมีคำถามอยู่เสมอ หากทำอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้น ก็ยากที่จะทำให้ใจของเขาไม่เกิดข้อกังขา
ครั้งนี้เขากับอี้หรานปฏิเสธด้วยตนเอง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่พอเหมาะพอเจาะ
“อี้หรานเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่ฉลาดเกินไปจนทำให้เสียรู้”
รอยยิ้มของผู้อาวุโสอี้อวี่จางลงไปเล็กน้อย เขาส่ายหน้าเบาๆ
ในตอนนี้เขาจะหุนหันพลันแล่นอย่างเช่นปกติได้อย่างใด?
เห็นได้ชัดว่าจิ้งจอกเฒ่าได้วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว!
“อาจารย์เป็นแบบใด ลูกศิษย์ก็ย่อมเป็นเช่นนั้น”
อี้เจารู้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาเป็นอย่างใด ดังนั้นจึงรู้ว่าควรใช้วิธีใดต่อกรกับพวกเขาถึงจะได้ผลมากที่สุด
ผู้อาวุโสอี้อวี่หลุบสายตาลงต่ำ
“ท่านวางแผนอยู่ในค่ายมาโดยตลอด เรื่องราวในวันนี้ ความจริงแล้วมันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน”
อี้เจายกมือขึ้น
“ไม่ ซั่งกวนเยว่ผู้นั้น ในตอนแรกข้าไม่ได้อยากจะให้นางอยู่ที่นี่”
นั่นเป็นเพราะเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กคนนั้นจะเล่นลูกไม้เช่นนี้!
“นอกจากนี้ สายเลือดของถวนจื่อ… ก็เป็นสิ่งที่ห้ามคาดไม่ถึงอย่างมาก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ในที่สุดสีหน้าของอี้เจาก็มีความพึงพอใจปรากฏขึ้น
“ถือว่าไม่ได้เปลืองแรงไปโดยเปล่าประโยชน์”
ในตอนแรกที่เขารู้ว่ามีหงส์ทองคำตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในสำนักหลิงเซียว เขายังไม่ได้ใส่ใจมันมากเท่าไร
เพียงแต่รู้ว่ามันทำพันธสัญญากับมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นจึงคิดจะเรียกมันกลับมาที่นี่โดยเร็วที่สุด
แต่หลังจากได้รู้เรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าหงส์ทองคำตัวนี้มีอันใดแตกต่างไป
เมื่อได้พบในวันนี้ ก็เห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผู้อาวุโสอี้อวี่หัวเราะขึ้นมา
“อย่างน้อยสายเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้นภายในเผ่าของพวกเรามาเป็นเวลานานมากแล้ว สำหรับพวกเราแล้ว ถือว่ามันมาได้ทันเวลาพอดีจริงๆ …”
“น่าเสียดาย ที่อายุยังน้อยเกินไปนัก”
อี้เจาส่ายหน้า
“หากมันไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ มันก็ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษได้”
ผู้อาวุโสอี้อวี่ตกตะลึงไป แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง
“ท่านคิดจะให้มันเข้าร่วมงานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษในครั้งนี้หรือ?”
ถวนจื่ออายุเพียงเท่านี้ เขายังคิดว่าท่านประมุขจะรองานครั้งต่อไป…
ทันใดนั้นเองในสมองของเขาก็มีบางอย่างสว่างวาบขึ้นมา
“ท่าน นี่คือเงื่อนไขที่ท่านตกลงกับซั่งกวนเยว่ไม่ใช่หรือ?”
อี้เจาหันหลังกลับไปมองภาพวาดฝาผนังแผ่นนั้น
“แม้ว่านางจะใจกล้ารับการพนันในครั้งนี้ แต่ข้าก็ต้องดูว่านางมีความสามารถนั้นหรือไม่!”
…
พระราชวังเมฆาสวรรค์
หรงซิวเดินทางกลับทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หยุดหย่อน รีบกลับมาจากสำนักหลิงเซียว
เมื่อครู่นี้เพิ่งเหยียบย่างก้าวเข้ามาในม่านพลัง จากนั้นเขาก็เห็นว่าเยี่ยนชิงกำลังรออยู่แล้ว
เมื่อเห็นหรงซิว เยี่ยนชิงก็รีบนำคนเข้ามาคารวะ
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
หรงซิวยกมือขึ้นให้พวกเขาลุกขึ้นยืน
เขารีบเร่งเดินทางไปยังยอดเขาซู่หมิง พร้อมถามขึ้นว่า
“ช่วงนี้สถานการณ์ของพระราชวังเมฆาสวรรค์เป็นอย่างใดบ้าง?”
เยี่ยนชิงมีสีหน้าตึงเครียดและเดินติดตามมาด้านหลังอย่างใกล้ชิด
“ทูลฝ่าบาท ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งหมด รวมถึงหัวหน้าสิบสามเผ่าจากยี่สิบแปดล้วนมารวมตัวกันที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์แล้ว ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกำลังดูแลสถานการณ์โดยรวมอยู่ แต่ว่า… สถานการณ์นั้นไม่ได้ดีอย่างที่คิด”
ดวงตาหงส์ของหรงซิวหรี่ลงเล็กน้อย ริมฝีปากบางแดงแผ่กระจายความเย็นชา
เหมือนว่ากำลังยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้ส่งไปถึงดวงตา
“พวกเขามาถึงเร็วมาก ครั้งนี้พระราชวังเมฆาสวรรค์ครึกครื้นกว่าวันที่ข้าขึ้นครองราชย์เสียอีก”
นั่นเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน
แต่ในครั้งนี้ ไป๋หลีฉุนสลบไสลไม่ยอมตื่น คนเหล่านี้จึงนั่งก้นไม่ติดเก้าอี้
เขาที่อยู่ในสำนักหลิงเซียว เพิ่งได้รับข่าว ก็รีบเดินทางมาที่นี่ทันที
แต่ทว่าคนเหล่านี้กลับเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า
“ตอนนี้ท่านประมุขอยู่ที่ใด?” หรงซิวถาม
เยี่ยนชิงมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ตำหนักสักการะเทพ”
หลังจากที่เกิดเรื่อง เขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นจึงรีบสั่งการให้คนพาตัวเขาไปที่ตำหนักสักการะเทพ อีกทั้งยังวางกำลังเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา
เขาเป็นห่วงว่าระหว่างนี้จะมีคนมาพยายามยื่นมือเข้ามายุ่ง
หรงซิวพยักหน้าเล็กน้อย
“ทำได้ไม่เลว”
ขอเพียงแค่ยังอยู่ในมือของพวกเขา เรื่องนี้ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายดายยิ่งกว่าเดิม
หลังจากพูดจบ ร่างของหรงซิวก็วูบไหว และมุ่งหน้าไปทางยอดเขาซู่หมิงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น!
…
บรรยากาศภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์ตึงเครียดและเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสพระราชวังเมฆาสวรรค์นั่งอยู่สองฟากฝั่งของท้องพระโรง
ส่วนหัวหน้าเผ่าทั้งยี่สิบแปดก็นั่งในตำแหน่งลดหลั่นลงมา
คนหลายสิบคนนี้ถือว่ามีตำแหน่งสูงสุดในพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว
ครั้งนี้พวกเขาแทบจะมารวมตัวอยู่ที่นี่ทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าพวกเขามาเพราะเรื่องของไป๋หลีฉุน
ท่ามกลางความเงียบงัน ในที่สุดผู้อาวุโสอวี๋จิ้งก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงทำลายความเงียบขึ้น
“เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ฝ่าบาทก็ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดอันใดขึ้นที่ทำให้ล่าช้า?”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยกชาขึ้นมาจิบ แล้วพูดเสียงเรียบ
“เดิมทีสำนักหลิงเซียวกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็อยู่ห่างกันมากอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่เหมือนพวกท่านที่ทราบข่าวก็สามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในชั่วพริบตา”
สีหน้าของบางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผู้อาวุโสอวี๋จิ้งกลับหัวเราะออกมา
“ที่ท่านพูดมาก็ถูกต้อง การเดินทางกลับมาจากฝั่งนั้น ระยะทางก็นับว่ายาวไกลมาก และยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้สำนักหลิงเซียวก็เกิดเรื่องวุ่นวายเป็นจำนวนมาก ฝ่าบาทล่าช้าไปสักเล็กน้อย ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว โดยเฉพาะ… พระชายาองค์ใหม่ของพวกเราก็อยู่ที่นั่นด้วย!”
คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนไม่มีอันใดผิดปกติ แต่คนที่นั่งอยู่บริเวณนี้ล้วนเป็นคนฉลาดปราดเปรื่อง จะฟังคำพูดพี่แฝงความประชดประชันไม่ออกเชียวหรือ?
“เมื่อพูดถึงพระชายาพระองค์นั้น นางก็เก่งกาจจริงๆ พวกเราล้วนคิดว่าช่วงเวลานี้นางอยู่ที่ตำหนักสักการะเทพตลอดเวลา แต่ใครจะรู้เล่าว่านางปลอมตัวเปลี่ยนชื่อแอบไปเข้าเรียนที่สำนักหลิงเซียวตั้งนานแล้ว! และช่วงนี้ชื่อเสียงของนางก็ยิ่งโด่งดัง!”
“เดิมทีพระชายาก็มีความสามารถอยู่แล้ว มิน่าล่ะฝ่าบาทถึงได้ถูกใจนาง”
ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งที่เย็นชาและแผ่วเบาดังมาจากด้านนอกท้องพระโรง
“พระชายาของข้า แน่นอนว่าใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเทียมนาง”
……….