ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1569 ใครจะข่มขู่ใคร
ตอนที่ 1569 ใครจะข่มขู่ใคร
…………….
ทันทีที่สิ้นเสียงของฉู่หลิวเยว่ ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงก็เกิดความเงียบเข้ามาปกคลุมในทันที
รวมถึงสายตาของอี้เจาที่มองนางมานั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย
พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ดรุณีน้อยร่างสะโอดสะองอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีจะมีความกล้าเช่นนี้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังพูดอันใดอยู่?”
หลังจากความเงียบปกคลุมอยู่ชั่วครู่ อี้เจาก็หรี่ตามอง แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ
มุมปากเขาของยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“แน่นอน ครั้งนี้ผู้เยาว์มาพร้อมกับความจริงใจ ข้ารู้ว่าเผ่าหงส์ทองคำไม่ทำพันธสัญญากับมนุษย์ แต่ตอนที่ถวนจื่อทำพันธสัญญากับข้านั้น มันยังเป็นเพียงไก่ฟ้าเก้าสีตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฎของเผ่าพันธุ์”
“แต่ในเมื่อตอนนี้มันเป็นหงส์ทองคำแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเคารพกฎของที่นี่”
อี้เจาพูดตัดบทฉู่หลิวเยว่ สีหน้าเย็นชา ในแววตาของเขามีกระแสน้ำวน
“ซั่งกวนเยว่ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นคนฉลาด”
ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ ภายในท้องพระโรง ก็มีแรงกดดันมหาศาล!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกถึงความหนักอึ้งบนบ่า เหมือนมีภูเขาลูกใหญ่มากดทับ
นางยืดเหยียดแผ่นหลัง แล้วเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าไม่ได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย
หรือว่านางอาจจะฟังเข้าใจ เพียงแต่นางไม่อยากสนใจเท่านั้น
“ถวนจื่อกับข้ามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้ง หากต้องยกเลิกพันธสัญญาในตอนนี้ อาจจะส่งผลเสียหายได้…”
“เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องใส่ใจ”
ความอดทนของอี้เจากำลังจะหมดลงในไม่ช้า
การที่ปล่อยให้ซั่งกวนเยว่เข้ามาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแห่งนี้นั้น แล้วยังไว้ชีวิตนาง ถือว่าเขานั้นถอยให้อย่างถึงที่สุดแล้ว
แต่ว่าในตอนนี้คาดไม่ถึงว่านางจะพูดถึงเรื่องคงอยู่ของพันธสัญญาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นฝันที่ลมๆ แล้งๆ อย่างมาก
ถวนจื่อมีพลังแห่งสายเลือดที่หาได้ยาก การยกเลิกพันธสัญญานั้นแทบจะไม่ส่งผลกระทบกับมันอย่างแน่นอน
ผู้ที่มีพรสวรรค์และพละกำลังเช่นนี้ ความจริงแล้วปัญหาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง คำพูดเมื่อครู่นี้ เจ้าเก็บกลับคืนไปให้หมด”
นี่เขาเห็นแก่หน้าถวนจื่อ
หากเป็นคนอื่นแล้วละก็ เขาลงมือไล่อีกฝ่ายไปตั้งนานแล้ว!
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ยังไม่มีความหวาดกลัวและตื่นตระหนกอยู่เลย แต่นางกลับเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว พร้อมสีหน้ายืนหยัดหนักแน่น
“ประมุขอี้เจา จุดประสงค์ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ ข้าได้แจ้งไปอย่างชัดเจนแล้ว ข้ารู้ว่าสำหรับเผ่าหงส์ทองคำทั้งเผ่านั้น เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่พันธสัญญานี้ท้ายที่สุดก็เป็นเรื่องของข้ากับถวนจื่อ ไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของอี้เจาเย็นยะเยือกขึ้น!
เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามนุษย์คนหนึ่งที่อยู่ในระดับเทพขั้นสูงจะกล้าทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขา!
เปรี้ยง!
ในแววตาของเขามีความลึกล้ำและผันผวน ทันใดนั้นเองก็มีเปลวเพลิงสีทองชาดลุกโชนขึ้น!
ก่อนจะขังฉู่หลิวเยว่ไว้ในพื้นที่นั้นทันที อีกทั้งอากาศก็เริ่มบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่ง!
หน้าอกของนางสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเองกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นก็คละคลุ้งเต็มซอกฟันของนาง!
ในตอนนั้นเองเหมือนกับมีเชือกจำนวนนับไม่ถ้วนมาพันธนาการร่างกายของนางโดยแน่นหนา!
เลือดเนื้อทุกส่วนเหมือนจะถูกฉีกออกจากกัน!
นางกำหมัดแน่นและพยายามดิ้นรน แต่กลับพบว่าร่างกายของนางนั้นไม่สามารถขยับตัวได้เลย
ในตอนนี้นางก็เหมือนปลาที่อยู่บนเขียงรอให้ผู้อื่นสังหาร!
อี้เจาเป็นประมุขเผ่าหงส์ทองคำ แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์ก็ไม่อยู่ในสายตาของเขา หากต้องการจะสังหารฉู่หลิวเยว่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
เดิมทีเขาไม่จำเป็นจะต้องลงมือด้วยซ้ำ
เพียงแค่สายตาที่มองมาก็สามารถเอาชีวิตของฉู่หลิวเยว่ได้แล้ว!
ใบหน้าของนางซีดขาวอย่างรวดเร็ว มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา
พลังอันน่าหวาดกลัวบีบบังคับให้นางคุกเข่าลงอย่างต่อเนื่อง
ขาทั้งสองข้างของนางสั่นระริก แม้แต่ร่างกายของนางก็ยังสั่นสะท้านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ทันใดนั้นถวนจื่อก็พุ่งตรงเข้ามาพร้อมสยายปีกขึ้น!
เปลวเพลิงสีทองชาดแหวกผ่านอากาศ!
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเหมือนเสียงอันใดบางอย่างแตกสลาย วินาทีถัดมาพลังรอบกายนางก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
นางเงยหน้าขึ้นไปมอง ถวนจื่อยืนอยู่ตรงหน้าของนางพอดิบพอดี เปลวเพลิงลุกท่วมทั่วร่างกาย สายตาที่มองไปทางอี้เจาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
แววตาอันกระจ่างใสและไร้เดียงสาถูกย้อมจนเป็นสีแดงก่ำ!
อี้เจาตกใจเป็นอย่างยิ่ง
… คาดไม่ถึงว่าถวนจื่อจะสามารถทำลายการโจมตีของเขาได้เช่นนี้?
แม้ว่าจะไม่ได้ขวางเอาไว้ได้ทั้งหมด แต่มันสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าในตอนนี้มันเพิ่งกลายร่างเป็นหงส์ทองคำได้แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น…
ผู้อาวุโสทั้งหลายที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขานั้นล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะมั่นใจแล้วว่าถวนจื่อมีสายเลือดอันบริสุทธิ์ แต่ทุกครั้งที่มันแสดงความสามารถและพรสวรรค์ล้วนทำให้พวกมันรู้สึกตกตะลึง
ในเผ่าไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์ปรากฏมานานมากแล้ว ความจริงแล้วแม้กระทั่งพวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นด้วยตาตนเองเลยสักครั้ง เพียงแต่ว่าในประวัติศาสตร์ของเผ่านั้นมีปรากฏขึ้นแค่หนึ่งถึงสองครั้งเท่านั้น
และในตอนนี้เกรงว่าสายเลือดบริสุทธิ์จะน่าตกใจกว่าที่พวกมันคาดการณ์เอาไว้เสียอีก…
และในตอนนั้นเองในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้น
“ถวนจื่อ กลับมา”
ถวนจื่อไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย
“หื้อ?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
เมื่อสังเกตได้ถึงปฏิกิริยาการตอบรับของนาง ถวนจื่อก็หมุนตัวกลับมาอย่างไม่ยินยอม
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเองจิตสังหารอันเข้มข้นในแววตาของมันก็จางหายไปในทันที แปรเปลี่ยนเป็นความคับข้องใจ
พวกเขารังแกนางนะ!
ถ้ามันลงมือตอบโต้แล้วจะเหตุใด?
ในแง่ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่ออกไปจากที่นี่!
ถวนจื่อน้อยอกน้อยใจและโทษตนเอง
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน นางก็ไม่ต้องมารับความอัปยศอดสูเช่นนี้หรอก!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้น แล้วลูบไหล่ของมันเบาๆ
ครั้งนี้นางพาถวนจื่อกลับมา เพราะต้องการให้ถวนจื่อกราบไหว้บรรพบุรุษ ไม่ใช่เพราะให้มันแตกหักกับเผ่า
นางสามารถมองออกว่า แม้อีกฝ่ายจะไม่เกรงใจนาง แต่พวกเขาก็ให้ความสำคัญกับถวนจื่อเป็นอย่างมาก
ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ตำหนักแห่งนี้นางไม่มีทางเข้ามาได้อย่างแน่นอน
นางไม่สนใจว่าพวกมันจะมองนางอย่างใด นางเพียงแค่ไม่ต้องการให้ถวนจื่ออยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยว
นางรู้ว่ามันมีสายเลือดของเผ่าหงส์ทองคำ ภายในใจลึกๆ ก็ยังอยากกลับมา
“เป็นเด็กดีนะ” ฉู่หลิวเยว่พูดปลอบหนึ่งคำ
ถวนจื่อลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นก็หดร่างลงสู่ขนาดเล็ก ก่อนจะบินไปเกาะที่ไหล่ของนาง และซุกอยู่ที่ซอกคอ
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของมันอย่างอ่อนโยน และหันกลับไปมองอี้เจาอีกครั้ง
สีหน้าของทุกคนที่แสดงออกมายอดเยี่ยมอย่างที่คาด
“ถวนจื่อถูกข้าเลี้ยงอย่างเอาใจตั้งแต่เด็ก จึงมีนิสัยย่ำแย่อย่างมาก ผู้อาวุโสทุกท่านได้โปรดอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเหล่านี้เลย”
ฉู่หลิวเยว่พูดเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่อย่างใดก็ตามหัวใจของอี้เจาและผู้อาวุโสคนอื่นก็ดำดิ่ง
เห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นเผ่าหงส์ทองคำเหมือนกัน แต่เมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้ ดูเหมือนพวกมันกลายเป็นคนนอก และซั่งกวนเยว่กลายเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อมากที่สุดแทน?
และแน่นอนว่าเมื่อพิจารณาจากท่าทางของถวนจื่อเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…
“ความจริงแล้วที่ข้ามาในครั้งนี้ ไม่ได้มีความคิดแฝงอย่างอื่นเลย แต่น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสทั้งหลายเหมือนจะไม่เชื่อใจข้า”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ฉายประกายความเสียใจออกมา
“ประมุขอี้เจา ข้าเชื่อว่าท่านก็สามารถมองออก ข้ากับถวนจื่ออยู่ด้วยกันมานานหลายปี ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ หากท่านยืนยันจะยกเลิกพันธสัญญาจริงๆ เช่นนั้น…ท่านก็ฆ่าข้าเสียเลยดีกว่า”
นางยิ้มออกมาแล้วสาวเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว
“จะฆ่าจะแกงก็ตามใจท่าน”
อี้เจาตำหนิขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “นี่เจ้าข่มขู่ข้าหรือ?”
หากฆ่านางแล้ว อสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาอย่างถวนจื่อก็ไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้า ระหว่างคิ้วมีประกายดูถูกเล็กน้อย
“ใช่แล้ว”
…………….