ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1568 ตัดสินใจ
ตอนที่ 1568 ตัดสินใจ
…………….
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่มองอี้เจา นางก็เห็นว่าอี้เจากำลังมองนางอยู่เช่นกัน
สายตาของเขานั้นราบเรียบเป็นอย่างมาก เหมือนสามารถมองทะลุทะลวงมาได้
ด้วยสายตาที่กวาดมองมาที่ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง!
แต่ว่าสายตาของอี้เจาไม่ได้หยุดมองนางนานนัก
หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เป็นสายตาหันกลับไปมองถวนจื่อที่อยู่ด้านข้าง
ในตอนนั้นเองระลอกคลื่นจางๆ ก็แผ่กระจายมาจากก้นบึ้งในแววตาของเขา
ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง นางไม่มีอันใดให้เขาต้องใส่ใจ
สำหรับพวกเขาแล้วหงส์ทองคำตัวนี้สิถึงจะสำคัญที่สุด!
“เจ้ายังไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้หรือ?”
เขาพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เสียงของเขาเหมือนระฆังที่ดังขึ้นในระยะไกล
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้าน
สมแล้วที่เป็นประมุขของเผ่าหงส์ทองคำ แรงกดดันเช่นนี้…นางเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกของชีวิต!
แม้กระทั่งโหมวเหยาที่นางเคยเจอมาก่อนหน้านี้ก็ยังไม่สามารถเทียบได้เลย!
ถวนจื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถามตนเองอยู่ แต่มันไม่อยากตอบ
… ท่าทางเมื่อครู่นี้ที่มองเจ้านายของมันเหมือนกับกำลังมองสิ่งของอันใดสักอย่าง จึงทำให้มันรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
ถวนจื่อไม่ได้สนใจเขา แต่กลับก้มหน้าถูไถศีรษะกับใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ ท่าทางเหมือนไม่อยากจะคุยด้วย
บรรยากาศเย็นยะเยือกไปในทันที
“ท่านประมุขกำลังพูดกับเจ้าอยู่ เจ้าไร้มารยาทหรืออย่างใดกัน?”
ผู้อาวุโสอี้กงโมโหขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นยะเยือก
ถวนจื่อเหลือบสายตามองเขา ก่อนจะถอนสายตาออกมา ท่าทางยังไม่ให้ความร่วมมือเช่นเดิม
ความจริงแล้วหลังจากที่มันทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำก็มีความทรงจำเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วนโดยทันที
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา มันก็รู้ว่ามันควรจะกลับมาที่นี่สักรอบ
ในตอนนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากมาย มันจึงไม่สามารถหาเวลาออกมาได้
แต่ภายในใจของมันไม่เคยลืมเลือนเรื่องนี้เลย
ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ภายในใจเต็มไปด้วยการรอคอยและสงสัย
แต่น่าเสียดายที่การกระทำของอีกฝ่ายในระยะเวลาที่ผ่านมานี้ ทำให้มันหมดความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อเผ่าหงส์ทองคำไปทั้งหมด
… ทุกอย่างที่ทำให้เจ้านายของมันลำบากใจ ไม่นับว่าเป็นเรื่องดีอันใด!
สถานที่เช่นนี้ ไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร!
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของถวนจื่อเบาๆ ปลอบมันให้อารมณ์เย็นลง จากนั้นก็เดินขึ้นไปครึ่งก้าวพร้อมทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งหลาย
“ซั่งกวนเยว่คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน”
เรื่องที่อีกฝ่ายไม่เห็นนางอยู่ในสายตานั้นไม่สำคัญ
ที่นางมาในครั้งนี้ เพราะต้องการจะแก้ไขปัญหาของถวนจื่อ ดังนั้นจึงต้องแสดงความจริงใจอย่างยิ่ง
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางถูกคนมองอย่างดูแคลน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอันใด
“ถวนจื่อเพิ่งทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง ดังนั้นจึงไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้”
ในเรื่องนี้ฉู่หลิวเยว่เคยถามถวนจื่อโดยเฉพาะมาก่อน
มันจำเป็นจะต้องมีความแข็งแกร่งและอายุถึงที่กำหนดถึงจะสามารถแปลงกายได้
ทว่าในตอนนี้มันสามารถอยู่ในรูปลักษณ์ที่แท้จริงได้เท่านั้น
อี้กงขมวดคิ้วแล้วมองหน้าฉู่หลิวเยว่ สายตาคมกริบราวกับมีด
“ข้าถามเจ้าหรือ? ที่แห่งนี้คือตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะสอดปากได้!”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้น ราวกับไม่ได้ใส่ใจคำพูดของอีกฝ่าย ดวงตาสีดำขลับกระจ่างใสมีเพียงความยืนหยัดและหนักแน่นเท่านั้น
“ถวนจื่อเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของข้า พวกเราสามารถสื่อสารทางจิตได้ ในเมื่อมันไม่อยากพูด ข้าก็จะพูดแทนมัน เหตุใดถึงจะไม่ได้เล่า?”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่โอ้อวด กำเริบเสิบสาน!
สัตว์อสูรในพันธสัญญา!
นางคู่ควรอย่างนั้นหรือ?
ผู้อาวุโสอี้กงเหมือนต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าอี้เจายกมือขึ้น เขาจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ
เพียงแต่สายตาที่มองมายังฉู่หลิวเยว่ ยังดูไม่เป็นมิตรเช่นเคย
อี้เจามีสีหน้าราบเรียบ น้ำเสียงนิ่งสงบ แต่ยังคงแฝงไปด้วยกลิ่นอายอันสูงส่งจนผู้คนไม่กล้าขัดขืน
“คำพูดเหล่านี้ข้าไม่อยากได้ยินเป็นครั้งที่สอง”
“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงเป็นถิ่นของเผ่าข้า ข้าไม่เคยอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าออกที่นี่ตามอำเภอใจ แต่ในครั้งนี้กลับยอมปล่อยเจ้าเข้ามา หนึ่งก็เพื่อได้ยินคำขอโทษจากปากเจ้า สองเพื่อให้เจ้ายกเลิกพันธสัญญากับมัน”
อี้เจาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“เดิมทีครึ่งชีวิตที่เหลือของเจ้าต้องทิ้งเอาไว้ที่นี่ แต่ว่า… เห็นแก่ว่ามันติดตามเจ้ามานานหลายปี ดังนั้นโทษในครั้งนี้ข้าจะไม่สืบสาวราวเรื่อง ขอเพียงเจ้าทำสองเรื่องนี้ให้สำเร็จ เจ้าก็จะสามารถออกจากที่นี่อย่างไร้รอยขีดข่วน”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น
แต่ถวนจื่อที่อยู่ด้านข้างกลับตื่นตระหนก แล้วมองไปทางอี้เจาด้วยความโกรธแค้น
มันจะไม่ยกเลิกพันธสัญญา!
ไม่อย่างแน่นอน!
มันแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก สามารถติดตามปกป้องอยู่ข้างกายนางได้ แล้วจะให้มันจากไปในตอนนี้ได้อย่างใด?
ในที่สุดอี้เจาก็มีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมา แล้วมองถวนจื่อด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
“อย่าลืมเสียล่ะ เจ้าคือหงส์ทองคำ! หรือเจ้าจะต่อต้านเผ่าพันธุ์เพื่อนางเพียงคนเดียว?”
การติดตามประจบประแจงเอาใจมนุษย์ผู้หนึ่ง มันใช้ได้ที่ไหนกัน!
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นร่างของถวนจื่อก็มีเปลวเพลิงสีทองชาดลุกท่วม!
หงส์ทองคำแล้วอย่างใด?
เรื่องราวของเผ่าพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
พวกเขามีสิทธิ์อันใดมาให้มันยกเลิกพันธสัญญากับเจ้านาย?
ตอนที่มันได้รับบาดเจ็บ คนที่ช่วยรักษาให้ก็คือฉู่หลิวเยว่
ตอนที่มันเจียนตาย คนที่ช่วยขวางทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ก็คือฉู่หลิวเยว่
ชีวิตของมันมอบให้นาง จะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับนาง! ไม่มีทางทรยศเด็ดขาด!
“ต่อต้านแล้ว! มันต่อต้านแล้วจริงๆ!”
ผู้อาวุโสอี้กงหัวเราะเสียงเย็น แล้วชี้นิ้วไปทางถวนจื่อ
“ท่านประมุข ท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ ในตอนนี้มันจะต่อสู้กับพวกเราทั้งเผ่าพันธุ์เพื่อมนุษย์เพียงคนเดียว! สายเลือดกบฏเช่นนี้เอาไว้ไม่ได้!”
ถ้ายังเก็บมันไว้ เท่ากับว่ามันเป็นระเบิดเวลาของตนเองไม่ใช่หรือ?
“ถวนจื่อ”
ฉู่หลิวเยว่ลูบที่ปีกของมันเบาๆ
“นั่นคือประมุขและผู้อาวุโสของเจ้า เจ้าจะไร้มารยาทเช่นนี้ไม่ได้”
ถวนจื่อเบิกตากว้างมองนาง
หรือว่านางก็ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขาด้วย?
นางไม่ต้องการมันแล้วหรือ?
นางสามารถสัมผัสได้ถึงความคิดของถวนจื่อ ฉู่หลิวเยว่จึงหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
น้ำเสียงของนางอ่อนโยน แต่ก็หนักแน่นอย่างมาก
“วางใจเถอะ ข้าพาเจ้ามา ก็จะต้องพาเจ้ากลับไปด้วย”
ขณะที่พูดนางก็เงยหน้ามองอี้เจา แล้วพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ ว่า
“ที่ข้ามาในครั้งนี้ ความจริงแล้วก็มีสองสิ่งที่จะต้องทำ”
“หนึ่ง ข้ามาที่นี่เพื่อมาขอขมาพวกท่านถึงหน้าประตู ก่อนหน้านี้ตอนที่มันติดตามข้า มันได้รับความลำบากไม่น้อย ในใจของข้าเองก็รู้สึกผิดอย่างมาก ดังนั้นจึงคิดว่าควรจะเข้ามาขอโทษพวกท่านสักครั้ง”
“สอง ข้าให้ถวนจื่อกลับเผ่า เป็นเพราะเขาควรมีฐานะของตนเอง และหลังจากนี้… มันจะติดตามข้ากลับไป”
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ข้าจะไม่มีทางยกเลิกพันธสัญญา แม้ว่าท่านจะเข้ามาขัดขวางด้วยตนเอง ข้า ซั่งกวนเยว่ก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ!”
…………….