ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1565 ถวนจื่อ
ตอนที่ 1565 ถวนจื่อ
…………….
ตึง!
ลำแสงเย็นๆ กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่สว่างวาบขึ้น กระบี่ชื่อเซียวปักลงไปในพื้นน้ำแข็งอย่างแรง!
รอยแตกร้าวสายหนึ่งกระจายไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว
ถวนจื่อติดตามมาด้วยความเป็นห่วง และต้องการจะเข้าช่วยเหลือนาง
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าเบาๆ และกระชับกระบี่ชื่อเซียวในมือแน่น ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
อีกฝ่ายกำลังทดสอบถวนจื่อ ในขณะเดียวกันก็ทดสอบนางด้วย
หากนางต้องการพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเท่าเทียม นางจำเป็นจะต้องเอาชนะสิ่งเหล่านี้ให้ได้
ไม่เช่นนั้นแม้กระทั่งสายตาอีกฝ่ายก็ยังไม่เหลือบแลมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินหน้าต่อไป
เมืองอู๋เทียนไห่ไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีใครรู้ว่าสะพานน้ำแข็งนี้จะทอดยาวไปถึงที่ใด และต้องใช้เวลาในการเดินทางมากเพียงไหน
ฉู่หลิวเยว่ดึงกระบี่ชื่อเซียวออกมา ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
และใช้กระบี่ชื่อเซียวเป็นไม้เท้า แต่ละย่างก้าวมีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนสะพานน้ำแข็ง
ถวนจื่อเดินตามอยู่ด้านหลังของนางทุกฝีก้าว
หนึ่งคนหนึ่งอสูร ค่อยๆ เดินไปด้านหน้าอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก
…
“นับว่าซั่งกวนเยว่คนนั้นมีความสามารถไม่เบา หากข้าดูไม่ผิดแล้วละก็ เหมือนว่ากระบี่ในมือของนางนั้นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อที่เคยกล่าวขวัญมาก่อนหน้านี้?”
ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง พวกเขามองเหตุการณ์ผ่านลูกบอลแสง เงาร่างเพรียวบางยังคงก้าวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ผู้อาวุโสอี้ซังจึงพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ได้ยินมาว่านางมีสมบัติติดตัวอยู่ไม่น้อย แม้กระทั่งหนึ่งในสิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ นางก็ได้มาอยู่ในครอบครองนานแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง มูลค่าในตัวนางนับว่าไม่ต่ำต้อย”
เผ่าหงส์ทองคำจะไม่ค่อยได้ออกไปโลกภายนอก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้ข้อมูลข่าวสารอันใดเลย
ในทางกลับกันข่าวสารมากมายภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ พวกเขามักจะรู้เป็นกลุ่มแรกเสมอ
ผู้อาวุโสอี้ซังลูบปลายคางของตนเอง
“เหมือนว่านางซ่อนกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงเอาไว้ภายในนั้น จึงไม่เคยถูกพวกตาแก่เหล่านั้นหาพบ?”
ผู้อาวุโสอี้ซังหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“ฮ่าๆ! เรื่องนี้น่าขันเป็นอย่างยิ่ง! ซั่งกวนเยว่ผู้นั้นช่วยอินทรีสามตาสัตว์อสูรในพันธสัญญาของตนเองให้มีกายเนื้อ จึงหยิบปีกทั้งสองข้างจากโครงกระดูกนั้นมาใช้ จนกระทั่งตอนนี้ โครงกระดูกนั้นก็ยังไม่สมบูรณ์สินะ!”
อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลทั้งสองมักจะเผชิญหน้าต่อสู้และแข่งขันกันอยู่เสมอ เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกยินดีอย่างอดไม่ได้
“เหอะ ไม่เพียงแต่จะทำพันธสัญญากับมนุษย์ ยังจะมีนายคนเดียวกันกับอินทรีสามตาอีก ช่างน่าขายหน้าเสียจริง! เรื่องนี้มีอันใดน่าขันกัน!”
ผู้อาวุโสอี้กงมีสีหน้าเย็นชา แล้วกล่าวตำหนิขึ้น
เสียงหัวเราะของผู้อาวุโสอี้อวี่หยุดชะงักอย่างกะทันหัน พร้อมมีสีหน้าลำบากใจ
“อินทรีสามตาตัวนั้นก็มีฐานะไม่ธรรมดา เหมือนว่าจะเป็นประมุขรุ่นแรกของฝูง จะว่าไปแล้วตำแหน่งก็ไม่ได้ต่ำต้อยนัก ยิ่งไปกว่านั้นบนโลกใบนี้คนที่กล้านำกระดูกไท่ซวีเฟิ่งหลงมาสร้างกายเนื้อของตนเองใหม่ เกรงว่าคงจะมีมันคนเดียวเท่านั้นละมั้ง?”
ผู้อาวุโสอี้ซังกลับมีสีหน้าราบเรียบ ขณะที่พูดเขาก็เหลือบสายตาไปมองผู้อาวุโสอี้อวี่
แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งห้ามีฐานะไม่แตกต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขามีอายุห่างกันเยอะมาก
อี้อวี่คือผู้อาวุโสที่ห้า มีอายุน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสอี้กงที่มีอายุมากที่สุดแล้ว พวกเขาห่างกันถึงเจ็ดร้อยปี
กอปรกับเขาที่มีนิสัยใจร้อน บางครั้งจึงทำให้เขาพูดอย่างขวานผ่าซาก
ผู้อาวุโสอี้อวี่หดคอลง
ที่จริงแล้วสิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง… เขาไม่เชื่อว่าหลังจากที่คนเหล่านี้รู้เรื่องนี้แล้วจะไม่แอบขำ!
แต่เพียงแค่พูดเรื่องนี้ออกมาเรื่องเดียวก็ทำให้คนตกใจได้แล้ว
ท้ายที่สุดแล้วเผ่าหงส์ทองคำอย่างพวกเขาก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย
เมื่อเขามองเข้าไปในลูกบอลแสง ทันใดนั้นสายตาของเขาก็นิ่งค้างไปดวงตาไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจได้
“เหมือนว่านางจะมาที่นี่แล้ว!”
…
ฉู่หลิวเยว่เดินมาทีละก้าวอย่างเชื่องช้า
แต่กลับไม่เคยหยุดชะงักระหว่างทางเลย
ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใด คลื่นรอบกายของนางก็เริ่มสงบลง
อีกทั้งแรงกดดันอันหนักหน่วงเหล่านั้นก็ยังจางหายไปอย่างกะทันหันด้วย
ลำแสงส่องสว่างจากทางด้านหน้าพราวระยับขึ้น
ลำแสงเหล่านั้นแสบตาเล็กน้อย ฉู่หลิวเยว่เบนสายตาไปด้านข้างแล้วยกมือขึ้นมาปิดตา
หลังจากผ่านไปสักพักสายตานางค่อยๆ ปรับแสงได้ ดังนั้นจึงมองตรงไปด้านหน้า
ม่านพลังโปร่งแสงสีทองชาดปรากฏขึ้นจากใต้น้ำขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
ม่านพลังนั้นมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม หากมองเพียงครู่เดียวก็จะรู้สึกว่ามันใหญ่จนครอบคลุมทั้งทะเล
แม้ว่ามันจะโปร่งแสงแต่กลับไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้เลย สามารถเห็นเพียงแค่เงาอันเลือนราง ลักษณะเหมือนกับภูเขาสลับซับซ้อนและทอดยาว
บนม่านพลังตรงหน้านางนั้น มีแสงไฟจำนวนมากสาดส่องประกายก่อตัวเป็นเปลวเพลิงลูกหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง
นั่นคือ… ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงหรือ?
“เจ้าเดินตรงเข้ามาได้เลย”
ในที่สุดเสียงอันแหบพร่าที่ดังมาจากระยะไกลก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ เสียงนั้นเหมือนจะใกล้ขึ้นมาก ราวกับมันดังอยู่ข้างหู
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
เห็นได้ชัดว่าม่านพลังนี้ไม่สามารถเข้าไปได้โดยง่าย
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายพูดมาเช่นนี้ นางก็ทำได้เพียงทำตามเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่มองม่านพลังนี้ตาเขม็ง
เพียงแค่การมองในครู่แรก นางไม่รู้สึกว่ามีอันใดพิเศษ เพียงแค่แรงกดดันจางหายไปอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
เหมือนกับว่า… นางสามารถเดินเข้าไปได้ง่ายๆ
แต่อย่างใดก็ตามตอนที่นางสาวเท้าไปด้านหน้า ทันใดนั้นถวนจื่อก็พุ่งตรงเข้ามา
มันมาขวางที่ด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่เอาไว้ และจ้องมองม่านพลังนั้นด้วยความระมัดระวัง
เหมือนกับบนนั้นมีอันใดบางอย่างที่เป็นปรปักษ์และน่าหวาดกลัว
หัวคิ้วของฉู่หลิวเยว่ขยับขึ้นเล็กน้อย
มีเพียงแค่ตอนประสบภยันอันตรายเท่านั้นที่ถวนจื่อจะแสดงท่าทีเช่นนี้
“ถวนจื่อ?”
ฉู่หลิวเยว่เรียกมันหนึ่งเสียง
ถวนจื่อหันกลับไปมองแล้วส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่อยากให้นางเข้าไปเสี่ยงอันตราย
นางหัวเราะออกมา แล้วลูบที่ปีกของถวนจื่อเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราเข้าไปด้วยกันดีหรือไม่?”
มาก็มาถึงแล้ว จะให้หันหลังกลับก็คงไม่ได้
ถวนจื่อลังเลอยู่สักพักในที่สุดก็ก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองม่านพลังนั้นอีกครั้ง
ในตอนนั้นสีหน้าของนางก็แข็งค้างเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปด้านหน้า
ทันทีที่ปลายนิ้วของฉู่หลิวเยว่สัมผัสกับม่านพลังนั้น ข้างหูของนางนั้นก็มีเสียงคำรามดังกึกก้อง!
หลังจากนั้นเหมือนมีปลายมีดแหลมคมกรีดผ่านที่ปลายนิ้วของนาง!
หัวใจของนางเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง! จนแทบจะดึงมือกลับมาในทันที!
แต่ทันทีที่นางขยับข้อมือ นางก็นึกถึงถวนจื่อที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาได้
นางจำเป็นจะต้องเข้าไป!
ฉู่หลิวเยว่รวบรวมสมาธิให้แน่วแน่ ก่อนจะกัดฟันแล้วเดินหน้าต่อ!
ความเจ็บปวดอันรุนแรงแผ่กระจายมาสู่ฝ่ามืออย่างรวดเร็ว!
หากดูจากภายนอก เหมือนว่านางกำลังวางฝ่ามือบนม่านพลังสีทองชาดเท่านั้น อีกทั้งทุกอย่างยังไร้ระลอกคลื่นผันผวน
แต่ในความเป็นจริงแล้วนางกลับต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้!
มือของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้านอย่างไม่สามารถควบคุมได้
นางสงสัยว่า หลังจากที่ตัวนางผ่านม่านพลังนี้ไปแล้ว ร่างกายของนางคงแหลกละเอียดไปทั้งหมดเลยใช่หรือไม่!
ในตอนนั้นเองถวนจื่อก็เข้าไปครึ่งตัวแล้ว
และมันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของฉู่หลิวเยว่ มันจึงหันกลับมามอง ก่อนจะเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังอดกลั้นความเจ็บปวดทรมาน
ในใจของมันทั้งตกใจระคนโมโห มันกระพรือปีกบนม่านพลังโดยตรง!
วินาทีต่อมาม่านพลังนั้นก็กระเพื่อมขึ้นเหมือนสายน้ำ และค่อยๆ เปิดออก
ถวนจื่อฉวยโอกาสกัดแขนเสื้อของฉู่หลิวเยว่แล้วลากนางเข้ามาด้านใน!
ในขณะเดียวกันนั้นเองคนที่อยู่ภายในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงก็หน้าเปลี่ยนสีไป
“มันเปิดม่านพลังได้?”
…………….