ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1564 คุกเข่า
ตอนที่ 1564 คุกเข่า
…………….
อี้เจาเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบว่า
“ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสายเลือดหงส์ทองคำ จะต้องกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษ นี่คือกฎที่บรรพบุรุษตั้งเอาไว้ ใครก็ฝ่าฝืนไม่ได้”
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ด้านหลังต่างมองหน้ากันไปมา
“ยิ่งไปกว่านั้นช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ จำนวนสายเลือดภายในเผ่าก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้แม้ว่าไก่ฟ้าเก้าสีจะทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็มีพลังแห่งสายเลือด ขอเพียงแค่สายเลือดนั้นบริสุทธิ์มากพอ การที่ให้กลับมาก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย”
ภายในท้องพระโรงเกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
“ที่ท่านประมุขพูดมาก็มีเหตุผล”
ผู้อาวุโสอี้เจาพยักหน้าเห็นด้วย
“แม้ว่ามันจะมีต้นกำเนิดไม่สูงส่ง แต่มันก็สามารถทะลวงด่านได้สำเร็จ นับว่าหาได้ยากยิ่ง แต่เมื่อครู่นี้ที่มันแสดงฝีมือออกมา เหมือนว่าพลังแห่งสายเลือดจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ขอเพียงแค่มีคุณสมบัติที่ไม่เลว เรื่องก่อนหน้านี้ก็แล้วกันไปแล้วละกัน”
ผู้อาวุโสอี้กงของเผ่าหงส์ทองคำที่เป็นคนคัดค้านอย่างรุนแรงในตอนแรกจึงอดแค่นหัวเราะออกมาไม่ได้
“ในฐานะที่เผ่าหงส์ทองคำมีสถานะสูงส่งเช่นนั้น แล้วจะทำพันธสัญญากับมนุษย์ได้อย่างใด! ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม สิ่งที่มันทำนั้นเป็นความผิดมหันต์!”
ผู้อาวุโสอี้ซังหัวเราะออกมา แววตาดำมืด
“เจ้าไม่สามารถพูดเช่นนั้น ได้ยินมาว่ามันเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของซั่งกวนเยว่มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่การได้มาอยู่สำนักหลิงเซียวทำให้มันได้บรรจบพบโชคชะตาเช่นนี้ ดังนั้นจึงสามารถทะลวงด่านมาได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่มันทำพันธสัญญากับซั่งกวนเยว่ มันก็ไม่คิดเลยว่าตนเองจะสามารถทะลวงด่านเป็นหงส์ทองคำได้ หากพูดอย่างละเอียดแล้ว ความจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของมันทั้งหมด”
แค่คำพูดเรียบง่ายไม่กี่คำ แต่กลับทำให้พรายเงาง้าว เงากระบี่พวยพุ่งออกมา
ผู้อาวุโสที่เหลืออีกสามคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากันไปมา และมีท่าทางเงียบสงบมากขึ้น
ในเวลาเช่นนี้พวกเขาเงียบปากจะดีที่สุด
คนที่มีตำแหน่งสูงสุดของเผ่าหงส์ทองคำคือผู้อาวุโสอี้้เจา
และมีผู้อาวุโสห้าคนประกอบด้วย “อี้กง อี้ซัง อี้เจี่ยว อี้จื่อ อี้อวี่” ซึ่งพวกเขามีอำนาจแบ่งแยกออกไปในเผ่า
แต่ความจริงแล้ว คนที่มีอำนาจสูงสุดคืออี้กงและอี้ซังสองท่าน
ผู้คนในเผ่าถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างลับๆ พวกเขาต่อสู้ทั้งที่ลับและที่แจ้งมาเป็นเวลานานมากแล้ว
และตอนนี้ก็เริ่มคานอำนาจกันอีกครั้งแล้ว
ความจริงแล้วผู้อาวุโสทั้งสามท่านได้มีฝั่งของตนเองแล้ว แต่ว่าเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าท่านประมุข อย่างใดก็ต้องลดความทะเยอทะยานลงบ้าง
ดังนั้นในสถานการณ์นี้จึงกลายเป็นการโต้เถียงของคนสองคนเท่านั้น
บรรยากาศภายในท้องพระโรงเย็นลงเล็กน้อย
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อี้เจาก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบว่า
“ชีวิตของมนุษย์ผู้นั้นไม่สำคัญ มาดูคุณสมบัติของเด็กคนนั้นเสียก่อน”
ในฐานะที่อี้เจาเป็นประมุขเผ่าหงส์ทองคำ มีตำแหน่งสูงสุด คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักและมีอำนาจอย่างยิ่ง
ในเมื่อเขาพูดอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ดังนั้นคนอื่นจึงไม่พูดอันใดขึ้นมาอีก
พวกเขาทั้งหลายจึงหันมองลูกบอลต่อไป
…
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ด้านนอกตำหนักศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ทุกคนในเผ่าหงส์ทองคำมารวมตัวอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว พวกเขากำลังรอคอยด้วยความสงสัยใคร่รู้
พวกเขาต่างรู้ว่าวันนี้จะมีหงส์ทองคำตัวหนึ่งที่ทำพันธสัญญากับมนุษย์กลับมา
เรื่องราวเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเผ่ามาหลายร้อยปีแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างอดไม่ได้
แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปในตำหนักศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูสถานการณ์โดยละเอียดได้ แต่พวกเขาก็ยังยืนรออยู่ด้านนอก เพื่อสามารถรอรับข่าวให้ได้เร็วที่สุด
ทุกคนรอไปพลาง และซุบซิบเสียงเบาไปพลาง
“เอ๋ พวกเจ้าเคยได้ยินมาหรือไม่ว่า? หงส์ทองคำตัวนั้น เดิมทีมันคือไก่ฟ้าเก้าสีและสามารถทะลวงด่านขึ้นมาได้สำเร็จ!”
“จริงหรือ! นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง…ไก่ฟ้าเก้าสี เหมือนว่าจะเป็นสัตว์อสูรระดับเก้าเท่านั้นไม่ใช่หรือ? แต่มันกลับสามารถทะลวงด่านเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลได้…อู้ย…”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ฝีมือของมันจะอยู่ในระดับใด? หากมีโอกาส ข้าก็อยากจะขอคำชี้แนะกับมันเสียหน่อย ดูสิว่ามันกับพวกเราจะมีอันใดแตกต่างกันบ้าง”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้น
“มันเพียงแค่ได้โชคก้อนใหญ่เท่านั้น แค่โชคดีที่สามารถก้าวข้ามจากชีวิตอันต่ำต้อย มีอันใดน่าสนใจกัน”
ตอนนั้นเองรอบข้างก็เงียบเสียงไป พวกเขาทั้งหมดต่างหันไปมองผู้พูด
คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบแปดยี่สิบเก้า รูปร่างสูงใหญ่ องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าเย็นชาและเคร่งขรึม
หลังจากผ่านไปสักพักก็มีคนหัวเราะขึ้นมา
“อี้หราน ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ค่อยชอบผู้ที่มาใหม่คนนั้นมากเลยนะ?”
อี้หรานขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับคำพูดเหล่านี้
“มันยังไม่เคยกลับมากราบไหว้บรรพบุรุษอย่างเป็นทางการ เหตุใดถึงเรียกว่า ‘ผู้มาใหม่’ ล่ะ? บางทีมันกับมนุษย์ผู้ต่ำต้อยผู้นั้นอาจจะไม่สามารถก้าวผ่านเมืองอู๋เทียนไห่มาได้ด้วยซ้ำ”
หากคิดจะแลกเปลี่ยนวิชากับอีกฝ่ายในตอนนี้ บางทีอาจจะประเมินมันสูงมากเกินไปแล้ว
“ในเวลาเช่นนี้ เจ้ากลับไปฝึกซ้อมและพัฒนาฝีมือของตนเองให้สูงขึ้นจะดีกว่า”
แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น
“แล้วเหตุใดเจ้ายังไม่กลับไปล่ะ? จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่เหตุใด?”
มุมปากของอี้หรานกระตุกขึ้น ในน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความเย่อหยิ่งสูงส่งสายหนึ่ง
“ที่ข้าอยู่ที่นี่เพราะข้ารอผู้อาวุโสใหญ่อยู่”
ในครั้งนี้ไม่มีใครพูดอันใดขึ้นมาอีก
มีใครไม่รู้บ้างว่าอี้หรานคือศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจของผู้อาวุโสอี้กง โดยปกติแล้วอีกฝ่ายจะชอบทำตัวกำเริบเสิบสานอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉพาะหลังจากนี้อีกไม่นานจะมีงานกราบไหว้บรรพบุรุษที่จะจัดขึ้นร้อยปีครั้งหนึ่ง
งานพิธีกราบไหว้บรรพบุรุษครั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือการคัดเลือกนายน้อย
อี้หรานเป็นคนที่ได้รับความนิยมที่สุดในรุ่นนี้ ซึ่งเขาจะต้องเป็นผู้ที่ถูกเลือกอย่างแน่นอน
และได้ยินแบบว่าในช่วงนี้อี้กงก็ได้ฝึกฝนเขาเป็นพิเศษ อีกทั้งฝีมือของเขาก็พัฒนาสูงขึ้นเช่นกัน เพราะเขามุ่งมั่นที่จะคว้าตำแหน่งนายน้อยมาให้ได้
อี้หรานที่เป็นเช่นนี้ เขามักจะไม่เห็นคนอื่นหรือเรื่องอื่นๆ อยู่ในสายตา
คนเหล่านี้ลอบส่งสายตากันไปมา สีหน้าแตกต่างกันออกไป
… เขายังไม่ทันได้เป็นนายน้อยเลยด้วยซ้ำ ก็วางท่าขนาดนี้แล้ว ในอนาคตเกรงว่าจะต้องเลวร้ายกว่านี้แน่นอน
… ใครใช้ให้เขามีพรสวรรค์และฝีมือโดดเด่นขนาดนี้ นอกจากนี้เขายังได้รับการฝึกฝนจากผู้อาวุโสโดยเฉพาะด้วย จึงได้แต่อิจฉาอย่างอดไม่ได้!
… เหอะ ไม่แน่ว่าตอนท้ายที่สุดเขาอาจจะไม่สามารถคว้าตำแหน่งนายน้อยไปก็ได้ มาดูกันสิว่าตอนที่เขาหน้าแตก เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างใด
… เหอะ แม้ว่าข้าจะไม่ชอบหน้าเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนรุ่นเดียวกับเขานั้นแทบจะไม่มีใครที่สามารถเป็นคู่แข่งเขาได้เลย ได้ยินมาว่าช่วงนี้อี้เสวียนเพิ่งจะติดตามผู้อาวุโสรอง แต่เขายังเด็กมากนัก เวลาบำเพ็ญเพียรก็ไม่เท่ากับอี้หราน เกรงว่าจะไม่สามารถสู้ได้
… ปล่อยให้เขาลอยติดลมบนไปเถอะ สักวันจะต้องมีคนจัดการเอง เขาจะได้รู้ว่าอันใดคือความแข็งแกร่ง! แล้วอีกอย่าง อีกสักพักกว่าจะมีงานกราบไหว้บรรพบุรุษ ตอนนี้ข้ายังสนใจผู้ที่มาใหม่มากกว่าเสียอีก เฮ้อ ไม่รู้ว่าเจ้านายของมันผู้นั้นจะเป็นคนอย่างใดกันแน่ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้มันติดตามเช่นนี้ได้
ต่อให้ก่อนหน้านี้มันไม่ใช่หงส์ทองคำ มันก็ยังเลือกติดตามเจ้านายคนนี้
แต่หลังจากที่ทะลวงด่านได้แล้ว มันไม่มีทางไม่เข้าใจกฎข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่นี้ มันไม่เพียงจะไม่แตกคอกับเจ้านาย แต่กลับปกป้องนางด้วย… นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนสงสัยอย่างมาก
…
เมืองอู๋เทียนไห่
สะพานน้ำแข็งทอดยาวไปด้านหน้า เหมือนกับไม่มีที่สิ้นสุด
ฉู่หลิวเยว่เดินขึ้นไปทีละก้าว พลังภายในร่างกายถูกใช้อย่างบ้าคลั่ง
เพราะว่าจะได้การช่วยเหลือจากถวนจื่อ นางจึงสามารถทนต่อไฟที่ลุกไหม้ใต้ชั้นน้ำแข็งได้!
แต่ยิ่งเดินหน้าไปมากเท่าไร แรงกดดันอันไร้รูปร่างก็ยิ่งเข้มข้นมากเท่านั้น
รอบกายของนางต้องแบกรับแรงกดดันที่น่ากลัวเหล่านี้ เส้นเอ็น กระดูก กล้ามเนื้อ เลือด อวัยวะทุกส่วนในร่างกาย เหมือนกับถูกสิ่งของที่มีน้ำหนักกดทับอย่างแรง
เมื่อเวลาผ่านไป ขาทั้งสองข้างของนางก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย การก้าวเดินแต่ละก้าวนั้นยากลำบากอย่างยิ่ง!
คลื่นทะเลรอบข้างสาดซัด ฟองคลื่นสีขาวกระทบกัน
ในขณะนั้นเองในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ขาอ่อนยวบไป และคุกเข่าลงกับพื้นน้ำแข็ง!
…………….