ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1556 ข้าจะไม่หลอกเจ้าอีก
ตอนที่ 1556 ข้าจะไม่หลอกเจ้าอีก
…………….
บนผืนฟ้ากว้าง เกลียวคลื่นสีขาวกำลังสาดซัดแลม้วนตวัดไปมา!
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนี้แล้ว ผู้คนที่กำลังจับตาดูสถานการณ์ภายในสำนักหลิงเซียวต่างเบิกตากว้างอย่างหวาดหวั่น
นั่นมัน…
“เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี่!”
หนานซู่ไหวเป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก่อนจะมองไปยังฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่อีกรอบหนึ่ง
จากมุมนี้ยังคงสามารถเห็นได้แม้นไม่ชัดนักว่านั่นคือสิ่งของที่รูปร่างคล้ายกระสวยอันเล็กจ้อย บนตัวมันมีต้นกล้าอ่อนต้นกระจิ๋วต้นหนึ่งผุดขึ้นมา ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูไม่หยอก
ทว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ดูแล้วน่ารักไร้พิษภัยกลับสามารถรวบรวมพลังแห่งสวรรค์และโลกแล้วแปรสภาพมันกลายเป็นเกลียวคลื่นโถมเข้ามามืดฟ้ามัวดินได้อย่างง่ายดาย!
ซูม!
จากนั้น เกลียวคลื่นขาวใสก็เข้าปกคลุมค่ายกลกระสวยสวรรค์อันมหึมาเสียจนมิด!
ฝีเท้าของฉู่หลิวเยว่ขยับไหวด้วยคิดจะถอยหนีก็พลันเห็นว่าพลังอันน่าหวาดหวั่นที่กำลังเข้าโจมตีนางแบ่งออกเป็นสองสาย
เกลียวคลื่นขาวสะอาดพลันเคลื่อนผ่านข้างกายนางไป
เห็นได้ชัดเลยว่ามันแข็งแกร่งแลโหดเหี้ยม ลมปราณของมันน่าเกรงขามยิ่ง ทว่ากลับเหมือนลมโชยมาบางเบายามพัดผ่านตัวนางไป มิมีเค้าลางของความดุดันแม้เพียงสักเสี้ยว
การเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ
นางปรายมองเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ในมือโดยไม่รู้ตัว
ที่แท้กระแสพลังคลื่นสายนี้สร้างขึ้นมาจากมันจริงๆ!
ชั่วพริบตานั้นเอง ประกายแสงสว่างเจิดจ้าบนค่ายกลกระสวยสวรรค์พลันได้รับถ่ายทอดพลังเข้าไปอย่างต่อเนื่อง!
พลังแห่งสวรรค์และโลกที่ควบรวมกันเป็นเกลียวคลื่นสีขาวแผดเผาสลายไปบนค่ายกลกระสวยสวรรค์จนหมดสิ้น!
จังหวะนั้นเอง ค่ายกลกระสวยสวรรค์ก็ส่องแสงสว่างจ้า!
แกร๊ก!
ยามได้ยินสุ้มเสียงเล็กแผ่ว ค่ายกลกระสวยสวรรค์ก็ค่อยๆ โคจรอย่างเชื่องช้า!
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าปอด
เปิด…เปิดใช้งานอย่างนี้เลยหรือ!
แม้นางจะไม่ได้ยลภาพฉากก่อนหน้านี้ด้วยตาตัวเอง แต่ก็พอจะรู้ว่าสำนักต้องใช้กำลังของผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยจึงจะสามารถเปิดใช้ค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้
ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจจึงจะสามารถอัญเชิญค่ายกลกระสวยสวรรค์ออกมาและเปิดใช้งานมันได้
ทว่าตอนนี้ แค่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์โบกไหวใบของมันน้อยๆ ก็สามารถ…
มิเพียงแต่ฉู่หลิวเยว่เท่านั้น ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ล้วนตะลึงกับฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้าจนพูดไม่ออกกันทั่วถ้วน
มิใช่ว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มาก่อน
ในฐานะขุมทรัพย์ชั้นยอดในตำนาน เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นลึกลับยิ่ง ผู้ที่เคยเห็นมันเองก็น้อยเสียยิ่งกว่าอะไร
คนทั่วไปส่วนใหญ่เองก็เคยได้ยินข่าวลือที่เกี่ยวข้องกันมาอยู่บ้าง แต่กลับรู้เรื่องราวจริงของมันน้อยนัก
ให้ตายอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าตอนนี้พวกเขามิเพียงแต่ได้เห็น แต่ยัง…ได้ยลพลังอันมหาศาลของมันด้วยตาของตัวเองอีกด้วย!
ค่ายกลกระสวยสวรรค์หมุนโคจร ประกายแสงเจิดจ้าบนค่ายกลยิ่งทวีความเรืองรองมากขึ้นกว่าเก่า!
อูอู!
เสียงร้องโหยหวนเสียดแหลมดังแว่วขึ้นมาจากฝ่ามือสีดำ!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองไป นัยน์ตาหดลงเล็กน้อย
เส้นเลือดสีโลหิตก่ำบนมือข้างนั้นปูดโปนขึ้น ดูแล้วน่าหวาดผวาแลดุร้ายยิ่ง
ราวกับว่า…ต้องการจะหนีออกไปจากที่นี่ก็มิปาน!
ทันใดนั้น!
พลังกดดันอันมหาศาลครานี้น่าเกรงกลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มากนัก!
“นางหนู! หลบ!”
พี่เป่าแผดเสียงตะโกนออกไปทันควัน!
ฉู่หลิวเยว่เตรียมตัวไว้อยู่ก่อนแล้ว นางสะกิดปลายเท้าหลบไปด้านหลังอย่างว่องไว!
เล็บอันแหลมคมบนนิ้วมือสีดำตวัดผ่านหน้านางไปอย่างฉิวเฉียด!
ความเจ็บแปลบแล่นปราดเข้ามา บนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่พลันปรากฏรอยแผลสายหนึ่งขึ้น!
ทว่านางยังมิมีเวลามาสนใจแผล นางรีบถอยหลังไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ในชีวิต!
เปรี๊ยะเปรี๊ยะ!
ยินเพียงเสียงแตกลั่นอันใสกังวาน ความว่างเปล่าเหนือค่ายกลกระสวยสวรรค์พลันทยอยถล่มลงมา!
กระทั่งค่ายกลพลังมหาศาลไร้รูปร่างที่คอยปกป้องฉู่หลิวเยว่เองก็พังทลายเช่นกัน!
จากนั้น ฝ่ามือสีดำก็ร่วงลงบนค่ายกลกระสวยสวรรค์อย่างแรง!
กระแสพลังจากสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างบ้าคลั่งจนสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วผืนดิน!
หลังจากความเงียบงันผ่านไปพักหนึ่ง พลังอันรุนแรงก็แผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ!
ฉู่หลิวเยว่เป็นคนแรกที่ได้รับแรงโจมตีของมัน!
หน้าอกของนางร้อนลวก ร่างของนางรู้สึกราวกับถูกอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างแรง ก่อนจะปลิวออกไปอย่างคุมทิศทางไม่ได้!
ทันใดนั้น กระแสพลังอันอ่อนโยนสายหนึ่งพลันโอบรัดเอวของนางเอาไว้
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในบัดดล ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองตกลงสู่อ้อมแขนที่คุ้นเคย
กลิ่นหอมเย็นอันคุ้นจมูกลอยแว่วเข้ามา ช่วยปลอบประโลมหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างรุนแรงได้ในฉับพลัน
สีหน้าของหนานซู่ไหวดุดันนัก
“ทุกคนฟังคำสั่ง! กางค่ายกล!”
สิ้นเสียงคำพูด ร่างของเขาพลันขยับพุ่งตัวออกไปเป็นคนแรก!
ในขณะเดียวกัน พลังปราณดั้งเดิมอันเปี่ยมล้นด้วยพลังถูกปล่อยออกจากมือของเขาอย่างรวดเร็ว!
บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายตอบสนองโดยพลัน รีบลงมือต่อจากกันทันท่วงที!
พลังปราณดั้งเดิมแต่ละสายเข้าประสานพันกัน ชั่วพริบตา มันก็กลายสภาพเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ลอยเหนืออยู่บนผืนฟ้า!
ตูมตูมตูม!
กระแสพลังสองสายเข้าปะทะโรมรันกันอย่างรุนแรง ผลกระทบแผ่กระจายเป็นวงกว้าง ก่อนจะกระแทกค่ายกลที่อยู่ทั่สทุกสารทิศ!
ค่ายกลเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที ถึงขั้นที่ว่ายอดเขาหลายลูกที่อยู่ใกล้เองก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนไปด้วย ชั่วพริบตาฐานภูเขาก็สั่นเคลื่อน ก้อนหินขนาดใหญ่พลันกลิ้งหลุนๆ ลงมา!
ซั่งกวนจิ้งและเมิ้งเหล่าเองก็ลงมือตามมาติดๆ!
พลังที่แฝงอยู่ภายในยังคงออกอะลาวาดมิหยุดหย่อน กลืนกินกันและกันอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็มีตามมาเรื่อยๆ!
เพียงแต่พอได้พวกเขาเข้าช่วยเหลือ ค่ายกลที่เดิมทีใกล้พังทลายลงมาอยู่รอมร่อก็ยังคงยืนหยัดได้อย่างยากลำบาก
ในตอนนั้นเอง ความเร็วในการโคจรของค่ายกลกระสวยสวรรค์พลันเร็วขึ้นยิ่งกว่าเก่า!
ประกายแสงจำนวนนับไม่ถ้วนทะยานขึ้นสู่ฟ้า จัดการพันธนาการฝ่ามือสีดำนั่นเอาไว้อย่างแน่นหนา!
จากนั้น…ก็บีบรัดมันอย่างโหดเหี้ยม!
มือข้างนั้นเองก็เริ่มดิ้นรนอย่างรุนแรงเช่นกัน ทว่ากลับไร้หนทางให้หลบหนีออกมาได้
รอยพันธนาการหลายต่อหลายรอยทยอยปรากฏบนมือข้างนั้น
เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลรินออกมาจากฝ่ามือเช่นเดียวกัน
เสียงร้องโหยหวนแหลมเสียดหูแล่นปราดเข้าแก้วหูของฝูงชน!
ครานี้ แม้จะเป็นศิษย์จำนวนมากที่คอยจับตามองอยู่ไกลๆ เองก็ล้วนได้ยินเสียงอันแปลกประหลาดสายนี้เช่นกัน
สีหน้าของฝูงชนต่างแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ของสิ่งนี้…ช่างดูอึมครึมชวนหดหู่ยิ่งนัก!
ทว่าโชคยังดีที่ครานี้ค่ายกลกระสวยสวรรค์แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนขึ้นมาก
มันมิเพียงแต่ไม่ถูกทำลายเสียหาย กลับกันมันค่อยๆ ชิงความได้เปรียบและเริ่มสู้กลับ!
ทุกเสี้ยววิต่อจากนี้ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นความทรมานอย่างหาที่สุดมิได้
มิรู้ว่าผ่านไปไหนเท่าใดแล้ว
ทว่าเสียงที่ได้ยินดัง “พลั่ก” ลั่นแว่วเข้ามาเพียงเท่านั้น!
ฝ่ามือสีดำถูกบดขยี้จนละเอียดในท้ายที่สุด!
แสงสว่างเรืองรองสีม่วงแลสีเงินบนค่ายกลกระสวยสวรรค์เข้าปกคลุมมัน
จากนั้น บรรดาฝูงชนก็พบว่าฝ่ามือสีดำอันมหึมานั้นถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ในพริบตาเดียว!
ที่แปลกก็คือ มิมีเลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาแม้แต่น้อย
เศษชิ้นส่วนเนื้อสีดำเหล่านั้นเผาไหม้สลายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกควันดำ แล้วถูกปัดเป่าหายไปในพริบตา!
หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นคาวหวานอันเข้มข้นที่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะจางหายไป
ฉู่หลิวเยว่เอนกายหันครึ่งไปมองหรงซิว
ในตอนนี้ ทั่วทั้งร่างของนางสภาพดูไม่จืดเอาเสียเลย ดวงหน้าเองก็ถูกปาดจนมีรอยแผล ดูแล้วซีดเซียวนัก
ทว่านัยน์ตาของนางยังคงดำเข้มดั่งหยก สว่างจ้าดั่งดาราไสว
“หรงซิว”
ริมฝีปากซีดขาวของนางเผยอขึ้นน้อยๆ หยักยกเป็นเส้นโค้งบางๆ
ในใจหรงซิวพลันสั่นระรัว ก่อนจะมองไปที่นางด้วยสายตาลึกล้ำ
“ครานี้ข้ามิได้หลอกเจ้า ข้ากลับมาอย่างปลอดภัยเลยล่ะ”
มือของหรงซิวพลันกำเข้าหากันแน่น ทว่ายังคงยั้งแรงเอาไว้ด้วยเกรงว่าจะไปแตะถูกบาดแผลของนางเข้า
นางยื่นมือออกไปกอดรอบเอวบางของเขา ก่อนจะเอนพิงกับอกของเขา
ข้างหูของนางยังคงได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างชัดเจน
ระหว่างคนทั้งสองห่างกันเพียงเสื้อคลุมบางๆ กั้นไม่กี่ชั้นเท่านั้น
ไม่ช้าอุณหภูมิร้อนผ่าวบนร่างของเขาเผื่อแผ่มาให้ร่างของนางด้วย
ร่างกายเย็นเฉียบดูจะอบอุ่นขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สุ้มเสียงทุ้มต่ำพลันดังแว่วจากเหนือศีรษะ
“เยว่เออร์ เด็กดี ต่อไปนี้…อยู่ข้างกายข้าตลอดไปเถิดนะ”
นางหลับตาลงเบาๆ มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ
“ได้สิ”
…………….