ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1551 ซ่อมแซมค่ายกล
ตอนที่ 1551 ซ่อมแซมค่ายกล
…………….
เกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นมีขนาดเท่าฝ่ามือ เมื่ออยู่ภายใต้ผืนฟ้าสีเข้มสนิทแล้วยิ่งชวนดึงดูดสายตาขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะเมื่อนำมาเทียบกับฝ่ามือสีดำขนาดมหึมาแล้ว มันยิ่งดูเล็กจิ๋วเสียจนแทบจับสังเกตไม่ได้
ทว่า เกราะเกล็ดกระจ้อยร่อยที่ว่าพุ่งทะยานไปยังเบื้องหน้าของฉู่หลิวเยว่ ก่อนจะจัดการฟันลงฝ่ามือสีดำนั่นไปตรงๆ!
ฉึก!
ทันทีที่เสียงโหยหวนเสียดหูดังขึ้นมา นิ้วหัวแม่มือบนฝ่ามือสีดำก็ถูกตัดขาดครึ่งในบัดดล!
ลมปราณหนาวยะเยือกทำเอาลมหายใจติดขัดที่ปกคลุมรอบตัวฉู่หลิวเยว่ถูกขจัดหายไปในพริบตา!
ร่างของฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกผ่อนคลาย จึงได้โกยเอาลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ อากาศสดชื่นหลั่งไหลลงสู่หัวใจทำให้นางได้สติกลับคืนในที่สุด
เมื่อครู่นี้ นางเกือบคิดว่าตัวเองจะ…
นางตวัดสายตามองไปยังเบื้องหน้าทันที!
ยามปรายมองยังเกราะเกล็ดสีม่วงที่ลอยอยู่เบื้องหน้าตนอย่างเงียบงัน นางก็เบิกตากว้างน้อยๆ
มึนงงอยู่พักหนึ่ง นางพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
นี่มัน…
พี่เป่าอย่างนั้นหรือ!
นางแหงนศีรษะมองไปรอบตัวโดยไม่รู้ตัว
ทว่ากลับไม่เห็นเงาร่างของพี่เป่าแม้แต่นิด
แต่เกราะเกล็ดชิ้นนี้…เป็นของเขาจริงๆ
คืนวันที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนานปานนั้น นางไม่มีทางจำผิดแน่นอน!
…
ความเปลี่ยนแปลงเหนือการคาดเดาที่เกิดขึ้นฉับพลันทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนตกตะลึงจนนิ่งค้างอยู่กับที่
พวกเขาต่างมีสีหน้าเหลอหลาแลทึ่มทื่อยามมองดูเกราะเกล็ดสีม่วงที่ปรากฏออกมาฉับพลัน ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีผู้ใดเอ่ยอะไรออกมา
“นั่นมัน…อันใดกัน!”
“ดูแล้วมันคล้ายคลึงกับเกราะเกล็ดของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงอยู่ไม่น้อย แต่พอมองดีๆ กลับไม่เหมือนเสียอย่างนั้น…”
“พวกเจ้าไม่เห็นหรือไร พอมันปรากฏตัว ฝ่ามือสีดำนั่นก็ถูกหั่นออกเป็นชิ้นเลย! รู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่พวกท่านเจ้าสำนักร่วมมือกันโจมตียังทำอันใดฝ่ามือนั่นไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ! ของสิ่งนี้…คืออันใดกันแน่? จะยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!”
“อย่างไรเสียข้าว่ามันมาเพื่อช่วยซั่งกวนเยว่หนา ไม่แน่ว่าวันนี้…อาจยังพอกู้สถานการณ์กลับมาได้!”
บรรดาฝูงชนต่างพากันกระซิบกระซาบเสียงค่อยด้วยความใคร่รู้ในสิ่งของชิ้นนี้อย่างเต็มเปี่ยม
หนานซู่ไหวมองเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นด้วยสีหน้าตื่นตะลึง นัยน์ตาพลันทอแววประหลาดใจวาบผ่าน
อะไรกัน…
หรือว่าท่านผู้นั้นจะกลับมาแล้ว?
เขาเองก็เหมือนกับฉู่หลิวเยว่ รีบหันมองไปรอบสี่ทิศทันที สายตาทอดมองไปยังที่ไกลๆ คอยสอดส่องหาบางอย่างมิหยุดหย่อน
หากแต่เขาต่างกับฉู่หลิวเยว่ตรงที่ว่าท่าทีของเขาระแวดระวังยิ่ง อีกทั้งการแสดงออกก็ไม่ได้กระทำออกมาใหญ่โต
หากมิได้ตั้งใจดูก็มิอาจจับสังเกตได้ว่าตอนนี้เขากำลังหาคนอยู่
นอกจากเขาแล้ว ยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่เผยสีหน้าตกตะลึงไม่แพ้กันหลังจากเห็นเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้น
เป็นผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั่นเอง
หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้าฉายแววสนเท่ห์
ตอนเห็นของสิ่งนั้นคราแรก เขายังคิดว่าตัวเองตาฝาดไป
ดังนั้น เขาจึงเบนสายตามองทางหนานซู่ไหวโดยไม่รู้ตัว
ยามเห็นสีหน้าของหนานซู่ไหว ในใจของเขาพลันรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งกดทับลงมาอย่างแรง ยิ่งมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตนมากกว่าเก่า
ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในใจของเขานั้นซับซ้อนวุ่นวายยิ่ง
ทั้งเคลือบแคลง ปิติยินดี คาดหวัง แลตื่นตระหนก…
เขายังจำได้แจ่มแจ้งถึงเกราะเกล็ดที่เรืองแสงสีม่วงจางๆ บนหน้าปกม้วนรายชื่อของสำนัก
มีเพียงเจ้าสำนักที่รับสืบทอดตำแหน่งเท่านั้นที่สามารถถือครองม้วนรายชื่อฉบับนี้ อีกทั้งหลายปีมานี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างจำเป็น จึงได้ดูแลมันในช่วงสั้นๆ เท่านั้น
ดังนั้นแล้ว เขาจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับมันน้อยมาก
หากแต่คาดไม่ถึงเลยว่าชีวิตนี้เขาจะมีโอกาสได้เห็นเกราะเกล็ดชิ้นนั้นด้วยตาตัวเองเข้าจริงๆ!
นี่ก็อธิบายได้ชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่าท่านผู้นั้น…
“ปั๋วเหยี่ยน? ปั๋วเหยี่ยน? เจ้าเป็นอันใดไป?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงเหลือบมองผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมีสีหน้าแปลกไปจึงอดไม่ได้ที่จะถามเสียงเบา
เขาขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนใจกระตุกวูบ รีบส่ายศีรษะเป็นพัลวัน
“ไม่ ไม่รู้จัก! ข้า…ข้าแค่กำลังคิดว่าของสิ่งนั้นมีที่มาอย่างใดกันแน่ ถึงได้…มีพลังยอดเยี่ยมเช่นนี้…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงไม่ติดใจสงสัยเขาแม้แต่น้อย
เพราะตอนนี้เขาเองก็กำลังคิดถึงคำถามพวกนี้อยู่ในใจเช่นกัน
“แค่เกราะเกล็ดชิ้นเล็กๆ เช่นนี้ก็บรรจุไว้ซึ่งพลังมหาศาลแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าของมันย่อมมิใช่คนธรรมดา” ผู้อาวุโสฮวาเฟิงหรี่ตา จ้องมองมันอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่พักหนึ่ง “หรือว่าจะเป็นมหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่ยื่นมือช่วยเอาไว้?”
ริมฝีปากของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสั่นระริก เขามิได้เอ่ยตอบอะไรออกมา
หากว่าเป็นท่านผู้นั้นจริง คำว่า “มหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่” ก็นับว่าใช้อธิบายได้
แต่ว่า…
เวลาหมื่นปีผ่านไป ตาแก่นั่นยังมีชีวิตอยู่บนโลกจริงหรือ?
อีกอย่าง หากเขากลับมาแล้วจริงๆ เหตุใด…ถึงได้ไม่เห็นแม้แต่เงากัน?
…
หลังการปรากฏตัวของเกราะเกล็ดสีม่วง ในที่สุดการเคลื่อนไหวของฝ่ามือสีดำก็หยุดชะงักลง
ราวกับว่ามันบังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาก็มิปาน
ทั้งสองฝ่ายหันประจันหน้ากัน
ฉู่หลิวเยว่หยิบเอายาอายุวัฒนะสีแดงสดเม็ดหนึ่งออกมาก่อนจะกลืนมันลงไป
ยาอายุวัฒนะละลายทันทีที่เข้าปาก ไม่ช้าช่วงอกก็ปรากฏลมปราณอบอุ่นสายหนึ่งไหลเวียน ก่อนจะแผ่ขยายไปตามกระดูกแลแขนขา
ร่างกายที่เดิมเย็นเฉียบราวน้ำแข็งฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อยในพริบตา
ฉู่หลิวเยว่พ่นลมหายใจยาวอย่างโล่งอก
โอสถวิญญาณเพลิงเม็ดนี้เป็นยาที่นางลองหลอมขึ้นมายามว่างตามการอ่านคัมภีร์ปรมาจารย์โอสถที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงมอบให้นาง
เดิมนางคิดไว้ว่ารอให้มีเวลาก่อน ค่อยเอายาอายุวัฒนะเม็ดนี้ให้เขาดู ให้เขาได้รู้ว่านางบุกทะลวงเป็นปรมาจารย์โอสถเรียบร้อยแล้ว
ทว่าตอนนี้ นางกลับต้องใช้ยาอายุวัฒนะมาฟื้นความอบอุ่นแก่ร่างกาย ปรับอุณหภูมิของระบบไหลเวียนเลือดแก่ตนเสียก่อน
ก่อนหน้านี้นางอยู่ในตาน้ำนานเกินไป ทั่วทั้งร่างจึงเย็นเฉียบ ถึงขั้นเส้นเลือดภายในร่างที่เชื่อมติดกับพลังปราณดั้งเดิมเองก็แช่แข็งตามไปด้วย
แม้จะได้หรงซิวช่วยไว้ภายหลัง เกล็ดน้ำแข็งบนร่างของนางละลายไปจนหมดแล้วก็จริง แต่ภายในร่างก็ยังคงมีลมปราณอันหนาวเย็นหลงเหลือไว้อยู่สายหนึ่ง
ยิ่งลมปราณหนาวเย็นสายนี้ค้างคาอยู่ในร่างนางนานเท่าไร ก็รังแต่จะทำให้สถานการณ์ของนางยิ่งย่ำแย่มากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้นับว่าเป็นอิสระแล้ว จึงสามารถขจัดมันที่นับเป็นความวิตกกังวลข้อหนึ่งในใจนางออกได้อย่างสมบูรณ์
นางปิดเปลือกตาลง
ไข่มุกธาราในตำแหน่งตันเถียนก็ดูจะเป็นอิสระจากเงื้อมมือของฝ่ามือสีดำที่อยู่ตรงข้ามแล้ว ถึงได้ปรับความเร็วการโคจรกลับไปเป็นปกติ
พลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่งทยอยแผ่ออกมาจากตรงกลางมาช่วยฟื้นฟูสภาพบาดแผลตามตัวของนาง
อาจเป็นเพราะนางบุกทะลวงสู่ระดับเทพขึ้นสูงอีกครา การฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของนางจึงเร็วกว่ามากนัก
ในระยะเวลาเพียงแค่นี้ บาดแผลบางส่วนก็เริ่มแห้งแล้ว
ทว่านางยังมิกล้าลดความระวังตัวลง สองตายังคงจ้องเขม็งไปยังด้านหน้า
นางพลันนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ต้าเป่ามาอาณาจักรเสิ่นซวี่กับนางก็ดูจะไม่ชอบลงมือเท่าไรนัก
ประหนึ่งว่าเขากำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้
แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรกันแน่ นางกลับไม่แน่ใจแม้แต่น้อย
ต่อให้บัดนี้ความทรงจำของนางจะฟื้นคืนมาได้แล้วก็ตาม
ความจริงแล้ว นางกับพวกพี่เป่าไปรู้จักกันจริงๆ ในทะเลทรายจันทราสีชาดด้วยซ้ำ
อีกทั้งก่อนหน้านี้ พวกเขาเองยังมิเคยออกจากทะเลทรายจันทราสีชาดแม้แต่ครั้งเดียว
นางย่อมไม่รู้เช่นกันว่าบนตัวพี่เป่ายังมีข้อห้ามร้ายแรงข้อนี้อยู่ด้วย
เพียงแต่มิรู้ว่าบัดนี้ต้าเป่าคิดเห็นจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรแน่…
ชี่ชี่!
ทันใดนั้นเอง ประกายแสงสีม่วงพลันพุ่งทะยานออกมาจากเกราะเกล็ดสีม่วง!
ชั่วพริบตา พวกมันก็แผ่ขยายไปทั่วผืนฟ้า!
ฉู่หลิวเยว่มองตามไปในทันที
เห็นเพียงว่าประกายแสงเหล่านั้นเข้ารวมตัวเกี่ยวพัน ก่อนจะพุ่งตรงไปยังเบื้องล่าง
จากนั้น ค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่ถูกฝ่ามือสีดำทำลายจนแหลกไปเริ่มกลับมารวมตัวกันใหม่อีกรอบ
พื้นที่ที่มีรอยแตกถูกประกายแสงสีม่วงเชื่อมต่อกันใหม่ ตำแหน่งที่บิดเบี้ยวถูกปรับให้ถูกต้องขึ้นมาทีละนิด
ฉู่หลิวเยว่พลันนึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
นี่พี่เป่าคิดจะ…ซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์ขึ้นใหม่อย่างนั้นหรือ!
…………….