ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1535 หวังร่วมเป็นร่วมตายกับนาง
ตอนที่ 1535 หวังร่วมเป็นร่วมตายกับนาง
…………….
ตูม!
สุ้มเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะท้านดิน!
เขาหมื่นเมรัยทั้งลูกพลันเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง!
ชั่วขณะนั้น ก้อนหินกลิ้งหลุน ลมพายุร้องหวีดหวิว!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนที่เดิมโอบล้อมเขาหมื่นเมรัยสลายหายไปพร้อมเสียงอันดัง!
ปังปังปัง!
กระทั่งค่ายกลสีทองที่ปกคลุมอยู่ภายนอกชั้นหนึ่งก็พังทลายตามไป! ชั่วพริบตามันก็แปรสภาพกลายเป็นกลุ่มแสงสีทองนับไม่ถ้วน ก่อนจะสูญสลายไปในผืนฟ้ายามค่ำคืน!
กระแสพลังปั่นป่วนวุ่นวายแผ่กระจายไปทั่วสี่ทิศ!
การเคลื่อนไหวอันน่าหวาดหวั่นทำให้สีหน้าของฝูงชนที่รั้งรออยู่ด้านนอกเขาหมื่นเมรัยพร้อมใจกันถอดสี!
“ไม่ได้การแล้ว! จะสะกดของสิ่งนั้นไว้ไม่อยู่แล้ว!”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนตกใจจนเสียงหาย
ทันใดนั้นเอง ฝูงชนก็พบว่ากระแสน้ำสีแดงสดสายหนึ่งพลันหลั่งไหลลงมาจากยอดเขาหมื่นรัยตัดกับสีเข้มของท้องฟ้ายามค่ำคืน บังเกิดเป็นเส้นขอบฟ้า!
หากมองจากที่ไกลๆ แล้วก็ดูราวกับภูเขาไฟปะทุก็มิปาน!
เพียงแต่จุดที่แตกต่างกันก็คือ หืนหนืดห่อหุ้มไปด้วยกระแสคลื่นความร้อน ทว่านี่คือน้ำพุที่อัดแน่นด้วยไอเย็น ชวนให้รู้สึกหนาววาบไปถึงกระดูก
น้ำพุไหลทะลักออกมา จากนั้นก็สาดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง!
ทุกที่ที่มันผ่านจะปรากฏเกล็ดน้ำแข็งสีเลือดแผ่นใหญ่ในทันที!
พริบตาเดียวทั่วทั้งเขาหมื่นเมรัยก็ปกคลุมไปด้วยสีแดงอันน่าตื่นตาชั้นหนึ่ง!
ที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือมันยังแผ่ขยายอาณาเขตอย่างไม่หยุดหย่อนลามไปด้านนอกด้วย!
ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงเริ่มได้รับผลกระทบลุกลามตามกัน!
…
“ปั๋วเหยี่ยน! นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าอยากเห็นสินะ?”
อี้เหวินจั๋วพลันกระโจนหาเรื่องด้วยตะคอกถามอย่างดุดัน!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ทุกคนฟังคำสั่ง! รีบผนึกกำลังปิดตายเขาหมื่นเมรัยทันที!”
สิ้นเสียงคำพูด ผู้อาวุโสทั้งหลายพร้อมใจกันลงมือทันที!
พลังปราณศักดิ์สิทธิ์หลากหลายสีรวมกันจากทั้งสี่ทิศ ก่อนจะพุ่งตรงทะยานไปบนผืนฟ้าเหนือเขาหมื่นเมรัย!
ทว่าพลังปราณศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นยังไม่ทันได้เข้ารวมตัวกัน ก็ถูกไอเย็นที่พรั่งพรูไปทั่วสกัดกั้น
บรรดาฝูงชนต่างเต็มไปด้วยความตื่นตกใจฉายบนใบหน้า
คนที่ยืนอยู่ที่นี่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง พละกำลังโดดเด่นจับตา
ทว่ายามปะทะเข้ากับไอเย็นสายนี้ พวกเขากลับเสียเปรียบในชั่วพริบตา!
ในไม่ช้า เขาหมื่นเมรัยขนาดมหึมาก็ถูกเกล็ดน้ำแข็งสีเลือดปกคลุมไปโดยสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น ยอดเขาที่เรียงกันเป็นระลอกคลื่นใกล้กันเริ่มได้รับผลกระทบแล้วเช่นกัน
ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน สีเลือดแผ่กระจายทั่ว เกล็ดน้ำแข็งเข้าปกคลุม ความมีชีวิตชีวาสูญสลายไปโดยพลัน
บรรดาต้นไม้ดอกไม้แลพืชพรรณนานาชนิดที่เดิมเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์กลับแห้งเหี่ยวและแช่แข็งในพริบตา
อี้เหวินจั๋วแค่นหัวเราะเสียงเย็นเยียบ
“ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกไปแล้วว่าต้องเปิดใช้งานค่ายกลกระสวยสวรรค์ พวกเจ้าก็ไม่ฟัง! ตอนนี้มาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำอย่างใดได้อีก!”
ไม่ว่าผู้ใดก็ดูออกว่าหากปล่อยให้ไอเย็นอันชั่วร้ายนี้แผ่ขยายต่อไปเรื่อยๆ ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสำนักต้องถูกกลืนกินเป็นแน่!
“ปั๋วเหยี่ยน หากสำนักหลิงเซียวพังทลายในมือของเจ้าจริง เจ้าตายอีกกี่ร้อยครั้งก็ไม่สาสม! ข้าพูดแค่นี้ล่ะ สรุปแล้วควรจะทำอย่างใดกันแน่…พวกเจ้าไปคิดจัดการกันเอาเองเถอะ!”
อย่างไรเสียเขาเองก็มิใช่เจ้าสำนัก อำนาจจัดการส่วนใหญ่จึงไม่ได้อยู่ในเงื้อมือเขา
สุดท้ายแล้วสำนักหลิงเซียวจะอยู่หรือตายก็ไม่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น!
สายตาของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจ้องเขม็งไปยังเขาหมื่นเมรัยที่ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ในใจพลันตีรวนวุ่นวายไปหมด
เดิมทีในใจเขายังคงโอบกอดความหวังเสี้ยวเล็กเอาไว้ ทว่ามาตอนนี้…
เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว หากไม่รีบลงมือให้ทันเวลา เกรงว่าจะเป็นดั่งคำพูดอี้เหวินจั๋วทุกประการ นั่นคือลากทั้งสำนักมาพบเจอปัญหาด้วย!
ที่สำคัญที่สุดคือ พลังอันมหาศาลของสิ่งนี้เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้มากนัก!
ในความเป็นจริงแล้ว แม้บรรดาผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะรู้ว่าสิ่งที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ตาน้ำนั่นจะเป็นความลับที่อันตรายและใหญ่มโหฬาร ทว่าพวกเขากลับมิรู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
หมื่นปีมานี้ ผู้อาวุโสและเจ้าสำนักที่สืบทอดตำแหน่งต่อมาของสำนักหลิงเซียวล้วนแต่เฝ้าระวังเขาหมื่นเมรัยด้วยความระแวดระวังถึงขีดสุด
นี่กลายเป็นขนบธรรมเนียม ทั้งยังเป็นกฎไปโดยปริยาย
เพราะมันไม่เคยมีความผิดปกติใดเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมิได้คาดคั้นคิดเดาอะไรมาก เพียงแค่ทำหน้าที่ในส่วนที่ตนได้รับมาเท่านั้น
ทว่าในหมู่พวกเขาต่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสิ่งที่ถูกฝังอยู่ด้านใต้จะมีพลังอันน่าหวาดผวาชวนขนพองเช่นนี้!
หากมิเปิดใช้งานค่ายกลกระสวยสวรรค์แล้วละก็ เกรงว่าพวกเขาไม่มีหนทางรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าแล้วจริงๆ
แต่…
นางหนูเยว่เอ๋อร์ยังคงอยู่ข้างในนั้นหนา!
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนกำสองหมัดแน่น หน้าผากปูดโปนไปด้วยเส้นเลือด ในใจเองก็กระวนกระวายมิหยุด
ทันใดนั้น เขาพลันหันศีรษะไปมองทางเมิ่งเหล่าด้วยท่าทีโอบกอดความหวังเฮือกสุดท้าย
“เมิ้งเหล่า ท่านยังพอมีทาง…”
ประโยคที่ว่ายังไม่ทันเอ่ยจบ
ยามเห็นดวงหน้าของเมิ้งเหล่ามีสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังแบบเดียวกัน ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนก็รู้ได้ในทันทีวาพวกเขาไม่มีทางให้ถอยกลับแล้ว
ทั่วทุกทิศจมลงสู่ความเงียบสงัดชั่วขณะ
ยกเว้นก็แต่เบื้องล่างเท่านั้น เหล่าผืนป่าต่างก็ถูกแช่แข็งก่อนจะพังทลายไม่หยุด ก้อนหินที่จับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง สุ้มเสียงของการพังทลายทยอยดังแว่วเข้ามา
ต่อให้ไม่ไปดู ก็ฟังเสียงเหล่านี้ออกว่าเขาหมื่นเมรัยในตอนนี้ รวมไปถึงบรรดายอดเขาที่อยู่รอบๆ มีสภาพเละเทะอย่างไร
“ปั๋วเหยี่ยน พวกเราต้องตัดสินใจกันแล้ว!”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก ผู้อาวุโสท่านหนึ่งเอ่ยเร่งอย่างอดไม่อยู่ด้วยสีหน้าที่เปี่ยมด้วยความกังวล
“ต้องใช้เวลาสักพักเลยหนาถึงจะเปิดใช้งานค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้!”
หากยังคงยืดเยื้ออยู่แบบนี้ สถานการณ์ต้องไร้หนทางควบคุมยิ่งกว่านี้เป็นแน่!
หว่างคิ้วของผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนขมวดจนเป็นปม มือกำหมัดแน่นเป็นก้อนจนกระดูกลั่นดัง ‘เปรี๊ยะ’
เมิ้งเหล่าปิดตาลงโดยพลัน
“ปั๋วเหยี่ยน เปิดใช้ค่ายกลกระสวยสวรรค์เสีย!”
“เมิ้งเหล่า?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเผยอปาก เดิมหมายจะพูดอีกสักคำสองคำ ทว่ายามเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดมากกว่าเดิมในพริบตาของเมิ้งเหล่า คำพูดที่เหลือก็จุกอยู่ที่คอ จะอย่างไรก็พูดไม่ออก
จะทำการตัดสินใจครานี้ ตัวเมิ้งเหล่านั้นทำได้ยากกว่าเขามาก
เพื่อช่วยนางเฝ้าดูอาณาเขตเซียนเทพ จึงยอมมิก้าวเท้าออกจากเขาเฝิงหมินเลยแม้แต่ครึ่งก้าว
ลำพังแค่ข้อนี้ก็พอจะดูออกแล้วว่าเมิ้งเหล่าโปรดปรานแม่หนูผู้นั้นขนาดไหน
หากเกิดเรื่องขึ้นกับนางเข้าจริงๆ ใจของเมิ้งเหล่าจะไปรับไหวได้อย่างไร?
ทว่าสำนักต้องมาก่อน เขาย่อมต้องเลือกปกป้องสำนักอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนสะกดกลั้นลมหายใจ ก่อนจะยกแขนขึ้น จากนั้น…ก็ตวัดแขนลงอย่างแรงในทันที!
“เปิดใช้ค่ายกลกระสวยสวรรค์!”
ทันทีที่เอ่ยคำพูดจบ พลันมีเงาร่างทั้งสองปรากฏยังเบื้องหน้าของทุกคนพร้อมใจกันมุ่งหน้าไปยังเขาหมื่นเมรัย!
“ผู้อาวุโสซั่งกวน!”
“หรงซิว!”
ยามเห็นเงาร่างทั้งสองได้อย่างชัดเจน ทุกคนต่างก็ตื่นตกใจกันอย่างมาก
ช่วงก่อนหน้านี้ พวกเขาก็เข้าใจถึงความน่ากลัวของไอเย็นสายนี้แล้ว
ขนาดไอเย็นที่ล้นออกมาด้านนอกยังชวนตระหนกขนาดนี้ เช่นนั้นต้นน้ำอย่างภายในตาน้ำจะไม่ยิ่งอันตรายกว่าอีกหรือ!
ลงไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตายเลยมิใช่หรือไร!
ทว่าเงาร่างทั้งสองกลับพุ่งลงไปอย่างไม่มีความลังเลเช่นเดิม!
ความเร็วของซั่งกวนจิ้งว่องไวมากนัก ไอเย็นที่หนาวยันกระดูกบาดลึกเข้าผิวหน้าของเขาอย่างจัง!
ทว่าตอนนี้เขากลับมิสนใจพวกมันแม้แต่น้อย
ยิ่งดำดิ่งลงไปเท่าไร พลังที่คอยต่อต้านก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
ความเร็วของเขาค่อยๆ เชื่องช้าลง
ถึงขั้นที่ว่าพลังปราณภายในร่างของเขาเองก็ค่อยๆ โคจรด้วยความเร็วที่ลดต่ำลงเช่นกัน!
นี่ทำให้ซั่งกวนจิ้งตื่นตกใจยิ่งกว่าเก่า
เขาที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์พบเจอพลังสายนี้ไปยังต้านได้ยากขนาดนี้ แล้วนางหนูเยว่เออร์เล่า!
ทันใดนั้นเอง เบื้องหน้าของเขาพลันมีแสงสีทองฉายวาบ
เงาร่างร่างหนึ่งพุ่งตรงไปยังตาน้ำด้วยความว่องไวยิ่งกว่าเขา!
“หรงซิว!”
ซั่งกวนจิ้งพลันใจกระตุก ความคิดหนึ่งเลื่อนผ่านสมองไปอย่างฉับไว
หรงซิวเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูง แล้วเหตุใดถึงได้เคลื่อนที่ไวกว่าเขากัน?