ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1526 นามของนาง
ตอนที่ 1526 นามของนาง
…………….
มือของหรงซิวโอบรัดรอบเอวคอดบางไว้แน่น ราวต้องการกอดรัดร่างเล็กๆ ของนางให้จมอก ฝากฝังความรู้สึกนี้ให้ซึมซับเข้าไปในเนื้อกายของนาง!
เขาจูบตอบนางราวพยายามระงับบางสิ่งที่กำลังพวยพุ่งในใจไว้
กระทั่งได้กลิ่นสนิมที่ปะปนมากับความหอมกวานของจุมพิต ถึงได้ละออกแต่โดยดี
ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำราวมหาสมุทร
รอบตัวรู้สึกราวมีพลังปราณที่มองไม่เห็นโอบกอดนางไว้
ผ่านไปพักใหญ่ เขาก็หลับตาลง ปกปิดความรู้สึกทั้งหมดไว้หลังม่านตาสีเข้ม
“…ก็ได้”
ครั้นสิ้นเสียง ลมปราณอันเย็นเฉียบแลแข็งแกร่งก็แผ่กระจายไปรอบตัวเขา พลังปราณอันทรงพลังสายหนึ่ง พวยพุ่งออกมาจากกายของเขา!
หึ่ง!
เสียงหึ่งดังกึกก้อง!
ทุกคนล้วนได้ยินเสียงนั้น แล้วหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง
เสียงนี้ดังมาจากหอระฆังบูรพกษัตริย์!
บนกำแพงหินสีดำทมิฬ ปรากฏเส้นแสงเรืองรองหลายสาย!
“นี่มัน…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนมองภาพนั้นด้วยความตกใจ
เหตุใดจู่ๆ หรงซิวถึงก็เรียกตารางจัดอันดับออกมาล่ะ?
ในบรรดาคนทั้งหมดในสำนักหลิงเซียวสถาบันหลิงเซียว นอกจากเจ้าสำนักคนก่อนและเหล่าผู้อาวุโสแล้ว ผู้ที่อยู่ในอันดับต้นๆ บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น ก็สามารถทำได้เช่นกัน
หรงซิวครองอันดับมาหลายปีแล้ว ดังนั้นสิ่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
แต่ว่า…
เหตุใดเขาถึงเป็นทำมันตอนนี้…
ลำแสงนับไม่ถ้วนบินว่อนไปทั่ว พลันซ้อนทับและรวมตัวกัน
ภายใต้แสงเรืองรองเหล่านั้น ค่อยๆ ปรากฏตัวอักษรออกมาทีละตัว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ ทำให้ศิษย์หลายคนในจัตุรัสชิงหมิงสับสนงงงวยอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่หรงซิวเรียกตารางออกมาด้วยเหตุใดกัน?”
“เดี๋ยวก่อน! นอกจากฝั่งจอมยุทธ์กับช่างหลอมอาวุธ ทำไมอีกสองฝั่งที่เหลือถึงปรากฏขึ้นด้วยเล่า?”
“ในบรรดาตารางทั้งสี่ เขาได้อันดับหนึ่งเพียงสองตาราง ตามหลักแล้วเขาน่าจะเรียกออกมาได้แค่สองฝั่งเท่านั้น แต่แล้วเหตุใดอีกสองฝั่งที่เหลือจึงโผล่ออกมาด้วย?”
“นี่เขาคิดจะทำอันใดกันแน่?”
ทุกคนล้วนตกตะลึง
“ปั๋วเหยี่ยน นี่มันอันใดกัน?”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงขมวดคิ้วมุ่น ในใจสัมผัสได้ว่ามีอย่างผิดปกติ
หากว่าตามความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหรงซิวแล้ว การเรียกกระดานออกมาถึงสี่ด้าน ย่อมมิใช้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ประเด็นสำคัญคือ เหตุใดถึงเป็นตอนนี้?
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเงียบเสียง ไม่ได้พูดอะไรอยู่พักใหญ่
อันที่จริง เขาแอบคาดเดาบางสิ่งไว้ในใจ
แต่ความคิดนั้นไร้สาระมาก จนเขารีบปฏิเสธมันโดยไม่ต้องคิด
ถ้าหากว่า…
ถ้าที่เขาเดาเป็นเรื่องจริง!
บนหอระฆังบูรพกษัตริย์ ตารางจัดอันดับทั้งสี่รายการ ปรากฏขึ้นบนกำแพงหินสีดำ!
ในบรรดาชื่อที่จัดเรียงอย่างประณีต จะเห็นแถบสีดำที่บ่งบอกถึงนามของคนผู้นั้นในแต่ละรายการได้ชัดเจน
อันดับหนึ่งสองรายการ อันดับสองสองรายการ
ทั้งหมดล้วนเป็นชื่อเดียวกัน
นามปกรณ์ที่ถูกคนจงใจลบชื่อออก
อันที่จริงทุกคนเริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว อย่างไรเสีย หลายปีที่ผ่านมา ตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครใส่ใจเรื่องนี้นัก
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังจ้องมองรายชื่อบนตารางด้วยความฉงน ก็พลันมีแสงสีทองปรากฏขึ้น!
ราวกับแสงสว่างตัดผ่านความมืด แถบสีดำที่เคยมืดทึบ พลันส่องสว่างเจิดจ้าในทันที!
“ดูสิ! นามที่อยู่บนตารางฝั่งเซียนหมอ เหมือนจะโผล่ออกมาแล้ว!”
ใครบางคนอุทานขึ้น
และความจริง ไม่เพียงแต่รายชื่ออันดับต้นๆ ของฝั่งเซียนหมอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแถบสีดำในอีกสามรายชื่อที่เหลือด้วย
ราวกับหมอกสีดำหนาทึบค่อยๆ จางหายไป เผยให้เห็นทัศนียภาพที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เสมือนบางสิ่งที่โผล่ขึ้นมาจากก้นบึ้งอันมืดมิด และค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้น
ทุกคนเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว และจ้องมองภาพนั้นตาไม่กะพริบ
ชื่อนั้นถูกปิดผนึกมาหลายปีแล้ว คนที่อยู่ในสำนักหลิงเซียวในตอนนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่เคยมันยามที่ถูกจารึกไว้อย่างเปิดเผยเมื่อในอดีต
และสำหรับศิษย์ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องเหล่านั้นเป็นเพียงข่าวลือ
พวกเขาล้วนสงสัยใคร่รู้ และเคยทำสืบหามาแล้ว แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ไปเงียบๆ
มันก็แค่ชื่อ ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
ทว่ายามนี้ เมื่อพวกเขามีโอกาสเห็นนามนั่น กลับพร้อมใจกันมุ่งความสนใจไปที่รายการจัดอันดับชิงอว๋นอย่างเป็นเอกฉันท์
สามารถทัดเทียมกับหรงซิวได้ ฝีมือมิได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไร คนคนนั้น จะต้องเป็นคนแบบไหนกัน?
เกิดความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ
ขณะที่แสงสีทองส่องประกายไปทั่ว นามที่ซ่อนอยู่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น! ประจักษ์แก่สายตา!
…เย่ว!
…
ไม่มีแซ้ มีเพียงคำว่า ‘เยว่’ เท่านั้น!
บนตารางทั้งสี่ด้าน นามที่ถูกลบไปอย่างจงใจ พลันปรากฏขึ้นทั้งหมด!
เมื่อเห็นภาพนี้ หลายคนต่างตกตะลึงพรึงเพลิด
“เยว่? ไม่มีแซ้รึ!”
“นามเช่นนี้…จะมีคนใช้อักษรตัวเดียวตั้งชื่อด้วยหรือ?”
ไม่แปลกที่หลายคนจะตกใจ
นั่นเพราะในสำนักหลิงเซียว ได้รวบรวมศิษย์จากหลายชนชั้นวรรณะไว้ด้วยกัน บางคนก็ไม่สะดวกใจในการใช้นามแท้ และมักจะใช้นามแฝงแทน
อย่างเช่นก่อนที่ฉู่เยว่จะเข้ามาที่นี่ นางเลือกใช้นาม ‘ฉู่เยว่’
ไม่ว่าจะเขียนชื่อใดลงไปในระหว่างการสอบเข้า ครั้นขึ้นไปอยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋น ชื่อนั้นจะยังคงเป็นชื่อเดิม
แต่ไม่ว่าจะใช้ชื่อจริงหรือนามแฝงอะไร ทุกคนต่างก็มีต้องมีชื่อและแซ้สกุล
การใช้ชื่อพยางค์เดียวเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นในสำนักมาก่อน
ท่ามกลางฝูงชน หลัวซือซือจ้องมองคำว่า ‘เยว่’ เขม็ง จิตใจฟุ้งซ่านคิดไม่ตก
นางผินหน้าไปมองหลัวเยี่ยนหลิน แล้วถามเบาๆ ว่า
“พี่สี่เจ้าคะ นามของซั่งกวนเยว่เองก็ใช้ ‘เยว่’ ตัวนี้หรือเปล่า?”
หลัวเยี่ยนหลินเหลือบมองนางเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววจริงจัง
ก่อนจะพยักหน้าตอบทันที
“ใช่”
เพียงแต่ตอนแรกเขายังไม่แน่ใจ
ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างล้วนกระจ่างแก่สายตาแล้ว
นาง…นั่นคือนางจริงๆ!
หลัวซือซือตกใจยกใหญ่
ความจริงนางเองก็แอบเดาไว้แล้ว เมื่อได้รับคำตอบที่แน่วแน่เช่นนี้ จึงไม่ค่อยตกใจสักเท่าไร
เพียงแต่ว่า…
“นางชื่อนี้จริงๆ หรือ? ไม่มีแซ้สกุลเลยหรือไร?”
หลัวเยี่ยนหลินส่ายหัวพัลวัน
“ตอนที่อยู่ในสำนักวิชา นางใช้ชื่อนี้มาตลอด”
ส่วนสกุลของนั้น ผู้ใดย่อมมิอาจรู้ได้
…
บนท้องนภา ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ปล่อยมือจากหรงซิว
ความรู้สึกร้อนผ่าวพลุ่งพล่านขึ้นตรงหว่าคิ้วอีกครั้ง!
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ
แสงสีรุ้งส่องสว่างผ่านม่านฟ้า!
กระบี่ชื่อเซียวอยู่ในมือของนางแล้ว!
ครู่ต่อมา นางก็ใช้มือทั้งสองข้างจับด้ามกระบี่ไว้แน่น แล้วยกกระบี่ขึ้นสูง!
หนึ่งห่าฝ่าฟันลงมา!
เขย่าโลกาทั้งยุทธภพ!
…………….