ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1520 ลอบโจมตี
ตอนที่ 1520 ลอบโจมตี
…………….
กลุ่มแสงสีเงินประกายแดงเหล่านั้นเคลื่อนไหว กวัดแกว่งไปมาเบาๆ และแผ่ขยายปกคลุมผืนฟ้าเสียเกือบครึ่ง!
ราวกับมหาสมุทรผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดารา และโอบล้อมฉู่หลิวเยว่ไว้ตรงกลางอย่างสมบูรณ์
นางยืนอยู่กลางอากาศ แผ่นหลังเหยียดตรง เรือนผมสีดำปลิวไสว หว่างคิ้วปรากฏร่องรอยแห่งความภาคภูมิใจ
ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายนั้น
ทันใดนั้น สำแสงสีทองก็ฟาดฟันลงมา! ทะลวงผ่านกลางผืนทะเลดาวสีเงินประกายแดงนั่น!
พลังปราณทั้งสองปะทะกันทันที และเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด!
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ หากแต่เป็นความเงียบที่ทำให้คนมองกดดันอย่างยิ่ง
ประหนึ่งมีดสีทองเล่มหนึ่ง ที่พยายามแยกท้องทะเลออกเป็นสองส่วน!
ใบมีดสีทองนั้นคมกริบ และทรงพลังมาก
หากแต่คลื่นมหาชลาลัยนั้นแรงกว่า ครั้นถูกคลื่นซัดใส่ รัศมีอันแหลมคมทั้งหมดพลันถูกทำลาย และกลืนหายไปท่ามกลางความเงียบ
มีดสีทองค่อยๆ จมลงไปใต้ก้นทะเล ประกายแสงสีทองเล็กๆ กระเซ็นออกมาตามแรงเสียดสี
แสงเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ฉู่หลิวเยว่อย่างไร้ทิศทาง
และทันทีที่ตกกระทบเรือนกายของนาง พวกมันก็หายวับไปทันที
พลังปราณที่ผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์ ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ทีละนิด
ภายใต้การควบคุมแลชี้นำของพลังอันบริสุทธิ์นี้ มวลกล้ามเนื้อ กระดูกและโลหิตของนาง ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ลมปราณบนกายเองก็เพิ่มขึ้นอย่างเร็วจนน่ากลัว!
ครู่ก่อนตอนที่อยู่บนเขาหมื่นเมรัย นางยืมพลังปราณที่อยู่ในนั้น เพื่อทะลวงขึ้นสู่ระดับเก้าขั้นสูงสุด
และยามนี้ อาณาเขตเซียนเทพปรากฏแล้ว สิ่งที่นางต้องทำคือ กลืนกินพลังของทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพัฒนาพลังของตัวให้ขึ้นไปสู่ระดับเทพ!
ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายนี้ มิใช่หายนะสำหรับนาง แต่นาง… จะใช้มันเป็นบันได ก้าวขึ้นสู่เบื้องบน!
…
เมื่อเห็นทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองค่อยๆ สลายตัวและถูกทำลายง่ายๆ เช่นนั้น โหมวเหยาก็ถึงกับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
เดิมทีมันหวังว่าทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายนี้ สามารถฆ่าซั่งกวนเยว่ได้ในทันที
อย่างใดเสีย ร่างกายของนางก็ไม่อาจรับมือกับพลังเช่นนี้ได้
แต่คาดไม่ถึงว่า… นางจะมีอาณาเขตเซียนเทพด้วย!
แถมยังเป็นอาณาเขตเซียนเทพที่ทรงพลังมาก ทุกสิ่งที่ผ่านเข้าออก แทบจะถูกทำลายจนหมดสิ้น!
แม้แต่ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายนั้น ที่เกิดจากพลังปราณดั้งเดิมแห่งสรรพสิ่ง ก็ยังถูกกลืนกินเข้าไปเช่นกัน!
ต้องรู้ว่าแม้แต่มัน ก็ยังทำแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ความคิดนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในหัวของโหมวเหยา จนเริ่มสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ไหนว่าซั่งกวนเยว่เป็นแค่จอมยุทธ์ระดับเก้า?
แล้วอาณาเขตเซียนเทพนี่มาได้อย่างใด?
บนโลกนี้ มีแค่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงที่แท้จริงเท่านั้น ที่สามารถครอบครองอาณาเขตเซียนเทพเช่นนี้ได้!
และในเมื่ออาณาเขตเซียนเทพนี้เป็นของนาง เช่นนั้นก็หมายความว่า นางคือผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงหรือ!?
แต่ตอนที่พวกเขาสู้กันก่อนหน้านี้ ความแข็งแกร่งของซั่งกวนเยว่ ดูเหมือนจะเป็นแค่จอมยุทธ์ระดับเก้าจริงๆ
และยามนี้ เห็นได้ชัดว่านางกำลังอยู่ในขั้นเตรียมทะลวง
เดิมทีเรื่องนี้มิใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอันใด นางไม่มีเหตุผลที่จะ…
ดวงตาของโหมวเหยาแลดูเย็นชา ทว่าหัวใจกลับร้อนรุ่มอยู่ไม่สุข
และในที่สุด มันก็รู้แล้วว่าเหตุใดก่อนหน้านี้มันถึงกระวนกระวายใจนัก
… นั่นเพราะจอมยุทธ์ระดับเก้าธรรมดาๆ อย่างซั่งกวนเยว่ ดันแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่าที่ควรจะเป็น!
มีเรื่องเช่นนี้ในยุทธภพด้วยหรือ?
โหมวเหยาหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ แต่ทันใดนั้น มันก็เห็นร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ลำตัวของมันเหยียดตรงทันควัน!
ผู้มาเยือนนั้นทรงพลังนัก!
อย่างใดเสีย เมิ้งเหล่าที่รีบกลับมาเสริมความแข็งแกร่งให้ค่ายของภูเขาเฝิงหมิน ยามนี้กลับมิสงสัยโหมวเหยาแต่อย่างใด
“เมิ้งเหล่า ท่านมาทำกระไรที่นี่?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว ในที่สุดผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนและคนอื่นๆ จึงดึงสายตากลับมา
เมิ้งเหล่าโบกมือไปมา สายตายังจดจ่ออยู่ที่ฉู่หลิวเยว่
“ข้ามาดูนังหนู!”
หลายคนหันมองตากัน
ประโยคนี้ของเมิ้งเหล่า เป็นเครื่องยืนยันข้อสงสัยของพวกเขาก่อนหน้านี้ได้อย่างดี!
แม้นพวกเขาจักคิดไว้แล้วว่ามันต้องเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อพอได้ยินเมิ้งเหล่ายินยันเสียงแข็งขัน ก็ยังแอบรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ดี
“เมิ้งเหล่า เช่นนั้น…”
ผู้อาวุโสฮวาเฟิงลดเสียงลง และทำทีพยักเพยิดไปทางทิศของโหมวเหยา
ตรงนั้นยังมีตัวปัญหาอยู่อีกหนึ่ง!
หากเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา คงจัดการไปนานแล้ว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นมีสถานะสูงส่ง พวกเขาจึงไม่อาจยื่นมือเข้าแทรกได้เท่าใด
ครั้นได้ยินเช่นนั้น เมิ้งเหล่าก็เหลือบมองโหมวเหยาแวบหนึ่ง แล้วโพล่งหัวเราะออกมา
“นี่คือคู่ต่อสู้ของนังหนูเยว่เออร์ แน่นอนว่าต้องปล่อยให้นางจัดการเอง”
อีกนัยก็คือ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือพวกเขาด้วยซ้ำ
“เมิ้งเซียน!”
โหมวเหยาขึ้นเสียง สีหน้าถมึงถึง
แต่เมิ้งเหล่ากลับเมินเฉยมิได้สนใจ
ความจริงแล้วเมื่อพันปีก่อน เขาเคยพบปะพูดคุยกับโหมวเหยาอยู่บ้าง ต่างฝ่ายต่างก็มิได้ประทับใจในตัวของกันและกันมากนัก ทว่าอย่างใดเสีย ด้วยสถานะของพวกเขา ทำให้ทั้งสองนั้นเลือกอยู่อย่างสงบตามวิถีของใครของมัน
แต่ตอนนี้ เมิ้งเหล่าก็ยังเป็นเมิ้งเหล่าผู้นั้น แต่โหมวเหยากลับตกต่ำเสียจนต้องมาสู้กับศิษย์รุ่นลูกคนหนึ่งของสำนักหลิงเซียว
ลึกๆ ในใจ เมิ้งเหล่าไม่ชอบมันเลยสักนิด
ถึงแม้ว่าศิษย์ผู้นี้ จะมีบางอย่างผิดแปลกไปก็ตาม
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เมิ้งเหล่าก็กระหยิ่มยิ้มเยาะเบาๆ พลางลูบเคราสากๆ ของตน
เพื่อปกป้องอาณาเซียนเทพในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้เขามิอาจก้าวเท้าออกไปนอกเขาเฝิงหมินแม้แต่ครึ่งก้าว
แต่ตอนนี้ นังหนูนั่นกลับมาแล้ว!
เมิ้งเหล่าเหลือบมองภาพตรงหน้า แล้วแอบส่ายศีรษะเบาๆ
เขาเองก็เป็นคนหูตากว้างไกล ก่อนหน้านี้มีคำใบ้ปรากฏขึ้นมากมาย แต่เขากลับไม่สังเกตเห็นเลย!
อาณาเขตเซียนเทพของนาง นอกจากตัวนางแล้ว จะมีใครเข้าไปได้อีก!?
…
เกิดความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วพื้นที่
หลายคนคิดว่าเมื่อทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายนั้นสะบั้นลงมา ปะทะเข้ากับอาณาเขตเซียนเทพของฉู่หลิวเยว่ จะให้พื้นที่นั่นทรงพลังมากยิ่งขึ้น
แต่ความจริงกลับต่างไปจากที่คิด
คลื่นพลังทั้งสองประสานงากัน และฟาดฟันกันอย่างเงียบเชียบ
ราวกับภาพตรงหน้าถูกทำให้ช้าลง จนทำให้ผู้คนมากมายสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทีละนิดได้อย่างง่ายดาย
พวกเขาสามารถมองเห็นยามที่ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองนั่น เริ่มสลายไปทีละน้อย
และพวกเขายังมองเห็นทะเลดาวสีเงินประกายแดง ที่แผ่กระจายเป็นระลอกคลื่นไปตามสายลมและเมฆาอีกด้วย
อีกทั้งยังมองเห็นกลุ่มแสงดาวเหล่านั้น ที่วนเวียนอยู่รอบตัวฉู่หลิวเยว่ กำลังเสริมเติมพลังปราณให้นางทีละน้อย
เปรี๊ยะ!
ขณะนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงแหลมคมชัดออกมาจากร่างกายของตนอย่างชัดเจน
ครึ่งเทพ!
ยามนี้ดูเหมือนว่าอาณาเขตเซียนเทพจะสัมผัสได้ถึงลมปราณที่เปลี่ยนไปของนาง เกลียวคลื่นเริ่มพุ่งออกมาอย่างรุนแรง!
คลื่นพลังปราณสาดซัด กลืนกินทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สีทองสายสายนั้นเข้าไปจนหมด!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลงช้าๆ
แสงบนร่างกายของนางส่องแสงเจิดจ้า แม้อยู่ท่ามกลางทะเลดวงดาวที่สุกสกาวผืนนี้ มันก็ยังสว่างไสวเรืองรองสะท้านนัยน์ตา
นั่นคือพลังของทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่หลั่งไหลเข้าสู่เรือนกายของนางอย่างต่อเนื่อง
ทุกส่วนในร่างกายของนางฉีกขาด แต่ก็ซ่อมแซมฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม
ภายในกระบวนการที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ กำลังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เกิดขึ้นกับกลไกในร่างกายของนางอย่างเร็วพลัน!
และลมปราณของนางเองก็… ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
…
ในที่สุดโหมวเหยาก็เริ่มตื่นตระหนก
หากซั่งกวนเยว่ทะลวงขึ้นระดับเทพขั้นสูงได้จริงๆ เช่นนั้นเดิมพันในวันนี้ เขาต้องกลายเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน!
และเมื่อถึงตอนนั้น ก็เกรงว่าคงได้อับอายขายขี้หน้าคนทั้งภพ!
แล้วมันจะมีหน้ากลับไปเจอคนในเผ่าได้อย่างใด?
ไม่เพียงแต่พวกเขานำศพกลับไปไม่ได้ แต่ยังพ่ายแพ้ให้กับเด็กสาววัยแรกแย้มอีกหรือ?
และบัดนี้ นังหนูปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ ก็กำลังจะทะลวงขึ้นสู่ระดับเทพขั้นสูง!
โหมวเหยากัดฟันกรอดแล้วพุ่งเข้าใส่ฉู่หลิวเยว่!
เพื่อหวังหยุดนาง!
เมื่อเห็นโหมวเหยาเคลื่อนไหว สีหน้าของเมิ้งเหล่าและคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปในบัดดล
“โหมวเหยา! เจ้ากล้าดียังไง!”
นังหนูกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการบุกทะลวง หากถูกรบกวนเข้า เกรงว่าอาจจะ…
เพี๊ยะ!
หางมังกรสีม่วงทองฟาดออกไปอย่างแรง!
พลังปราณอันรุนแรงแปลงสภาพเป็นลิ่มน้ำแข็งแหลมคมในฉับพลัน และพุ่งตรงไปยังแผ่นหลังด้านซ้าย ตำแหน่งหัวใจของฉู่หลิวเยว่!
…………….