ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1502 ค้นตัว
ตอนที่ 1502 ค้นตัว
…………….
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผู้อาวุโสหลายคนที่ยืนอยู่ในม่านพลังก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
ผู้ที่มาใหม่นั้นเป็นใครกันแน่ เมื่อพูดจาก็มีท่าทีกำเริบเสิบสานอย่างยิ่ง!
ซั่งกวนจิ้งเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธระดับสูงของอาณาจักรเสิ่นซวี่ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่มีความเกรงใจกันเลย
ผู้อาวุโสตันชิงที่เพิ่งมาถึง ก็เห็นสถานการณ์นี้เข้าพอดี ดังนั้นจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
“ผู้อาวุโสซั่งกวน”
เขาพุ่งตัวไปอยู่ด้านข้างของซั่งกวนจิ้ง และใช้สายตาสำรวจผู้คนที่อยู่ด้านนอกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้เหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเผ่ามังกร
แต่ว่าสีเกล็ดแบบนั้น เหมือนมีอันใดบางอย่างผิดปกติไป?
เขาประสานมือขึ้นทำความเคารพ
“ข้ามีนามว่า ตันชิง เป็นผู้อาวุโสของสำนักหลิงเซียว ไม่ทราบว่าที่ทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ มีเหตุอันใดกันหรือ?”
อย่างใดก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับผู้อาวุโส เขาเพียงแค่เหลือบตามองมาเท่านั้น ก่อนที่จะผ่อนสายตาออกอย่างรวดเร็ว
สายตานั้นราบเรียบและเย็นชาอย่างยิ่ง เหมือนกับกำลังมองมดปลวกอยู่
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นผู้อาวุโสตันชิงอยู่ในสายตาเลย
ภายในใจของผู้อาวุโสตันชิงมีความโมโหปรากฏขึ้นมาหนึ่งสาย
แม้ว่าตำแหน่งของเขาในสำนักจะไม่ได้สูงเทียบเท่ากับผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยน แต่มันก็ไม่ได้ต่ำ
ต่อให้เป็นตระกูลอันดับหนึ่ง เมื่อเห็นเขาก็ต้องให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน
เขาไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งยโสแบบนี้มาก่อน!
เขารู้ว่าเผ่ามังกรเป็นคนที่หยิ่งผยองอย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่น่ามากถึงเพียงนี้!
“ทุกท่านมาที่นี่โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า อีกทั้งยังปรากฏที่ด้านหน้าสำนักหลิงเซียวอย่างเอิกเกริก แบบนี้มันจะเกินกว่าเหตุไปหน่อยละมั้ง?”
ใบหน้าของผู้อาวุโสตันชิงมืดครึ้มลง
ในที่สุดชายชราผู้นั้นก็มองกลับไปที่ผู้อาวุโสตันชิงอีกครั้ง ใบหน้าที่เรียบเฉยปรากฏสายตาหมดความอดทนขึ้นมาสายหนึ่ง
“เจ้านับเป็นของสิ่งใดกัน คู่ควรที่จะมาตั้งคำถามกับข้าด้วยหรือ?”
“เจ้า…”
ผู้อาวุโสตันชิงกำลังจะโต้เถียง แต่ถูกซั่งกวนจิ้งขัดขวางเอาไว้
เขาพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม
“เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกเรา อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาด้วยเลย”
เมื่อผู้อาวุโสตันชิงได้ยินดังนี้ ก็รู้สึกไม่ดีอย่างมาก
ซั่งกวนจิ้งมีสถานะระดับใดกัน?
ก่อนหน้านี้ที่เมืองฝางโจว ต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาไม่ไว้หน้าใครเลยแม้แต่คนเดียว
แต่ว่าในตอนนี้ แขกที่มากลับใช้อำนาจบาตรใหญ่ แต่เขาไม่มีความโมโหเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงที่ใช้ก็ยังมีความสุภาพอย่างมากอีกด้วย
นี่มัน…
เกรงว่าตัวตนของอีกฝ่ายจะน่าตกใจมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียแล้ว!
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระ! ตอนนี้ต่อให้เจ้าแอบอยู่ในสำนักหลิงเซียว หากข้าต้องการเอาชีวิตเจ้าก็ง่ายเหมือนกับพลิกฝ่ามือ! ถ้าเจ้ากล้าก็รีบออกมา เจ้าไม่คิดหรือว่าการหลบอยู่ด้านในก็เหมือนซ่อนอยู่ในรัง ข้าล่ะรู้สึกอายแทนจริงๆ!”
แขกที่มานั้นอารมณ์ร้ายอย่างมาก เวลาพูดก็พูดตรงไปตรงมา
และคำพูดของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
แต่เหมือนว่าซั่งกวนจิ้งจะไม่ได้โกรธ เขากลับหัวเราะเสียงดัง
“โหมวเหยา นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เจ้าก็ยังคงพูดจาใหญ่โตเช่นเดิม?”
ให้ศพของเขาครบสมประกอบ?
เช่นนั้นก็ต้องมีความสามารถที่จะมาฆ่าซั่งกวนจิ้งผู้นี้!
โหมวเหยา…ชื่อนี้คุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง…
ทันใดนั้นเองหัวใจของเขาก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว! เขาเบิกตากว้างขึ้นก่อนจะมองไปยังผู้ชายที่อยู่ด้านนอกม่านพลังคนนั้น!
โหมวเหยา?
นั่นไม่ใช่… ชื่อของบุคคลผู้นั้นที่อยู่ในเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงหรอกหรือ?
ว่ากันว่าเมื่อพันปีก่อน มีตระกูลหนึ่งได้ไข่มังกรของเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงมา
พวกเขาแอบไปขโมยกลับมาเก็บไว้ หมายมั่นว่าจะทำพันธสัญญาด้วย
น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือทำ ก็ถูกเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงจับกุมแล้ว
ในครั้งนั้นเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงได้ส่งออกมาแค่สามคน
โหมวเหยาก็เป็นหนึ่งในนั้น!
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตระกูลอันดับสอง แต่ในตอนนั้นก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แล้วยังมีผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์สองท่านที่คอยนั่งบัญชาการเองด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลอันดับหนึ่งที่กำลังจะตกต่ำ พวกเขาก็ถือว่าโดดเด่นอย่างยิ่ง
หากสามารถทำพันธสัญญากับไข่มังกรของเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงได้ บางทีระดับของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาจะไม่มีโอกาสนั้นอีกตลอดกาล
โหมวเหยาและอีกสองคน ใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน ฆ่าล้างตระกูลของพวกเขาทิ้ง!
หลังจากข่าวลือนี้ได้แพร่กระจายออกไป ก็ทำให้อาณาจักรเสิ่นซวี่ต้องสั่นสะเทือนอย่างมาก
เผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งเป็นหนึ่งในสองอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาล ในความทรงจำของทุกคน พวกเขานั้นเป็นสัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยความลึกลับ
ในชั่วชีวิตของใครหลายคนอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นเผ่าไท่ซวีหลงเฟิ่งหลงด้วยซ้ำ
ดังนั้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชื่อของโหมวเหยาและอีกสองคน กลายเป็นตัวแทนของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงแล้ว
ผู้อาวุโสตันชิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเจอกับบุคคลที่อยู่ในตำนานผู้นี้
เขายิ่งคิดไม่ถึงว่าจะได้มาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
เหตุใดโหมวเหยาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วยังจะมาฆ่าซั่งกวนจิ้งอีก?
และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความบาดหมางกันมานาน นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
โหมวเหยาหัวเราะเสียงเย็น
“คนผู้นี้มีจิตใจเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ! ในตอนนั้นเจ้ายังใช้กลยุทธ์ปิดฟ้าข้ามทะเลหลบหนีออกมา แต่ในวันนี้… เจ้าจะไม่มีโอกาสนั้นแล้ว!”
ความผิดพลาดเช่นเดิม เขาไม่มีทางให้เกิดขึ้นซ้ำสองแน่นอน!
ซั่งกวนจิ้งกางมือขึ้น
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการโครงกระดูกส่วนนั้น แต่ว่าในตอนนี้…มันไม่ได้อยู่กับข้า!”
“เจ้าโกหก!”
เดิมทีโหมวเหยาไม่เชื่อคำพูดของเขาอยู่แล้ว
“ในตอนนั้นเจ้าพยายามอย่างมากที่จะซ่อนโครงกระดูกเอาไว้ ถ้าไม่ได้อยู่กับเจ้า แล้วมันจะอยู่ที่ใด!”
“มันผ่านมาพันปีแล้ว!”
ซั่งกวนจิ้งพูดเสียงสูงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ทะเลเปลี่ยนเป็นนา สรรพสิ่งยังเหมือนเดิม แต่ผู้คนเปลี่ยนไป! ตอนนี้บุพกาลชายแดนเป็นอย่างใดแล้ว ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้ไม่ใช่หรือ? เวลาพันปี ข้ายังคงหลับลึก เกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง ของอันใดเสียหายไปบ้าง ข้าจะสามารถควบคุมได้อย่างใด?”
“หากเจ้าไม่เชื่อ ก็มาค้นตัวได้เลย!”
ขณะที่ซั่งกวนจิ้งพูดขึ้น คาดไม่ถึงว่าเขาหมายจะสาวเท้าเดินออกไป!
“ผู้อาวุโสซั่งกวน!”
ผู้อาวุโสตันชิงรีบเดินขึ้นมา แล้วขวางทางเขาเอาไว้
“เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก ท่านจำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วน!”
ระลอกคลื่นของเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงแผ่กระจายออกมา ใครจะรู้แล้วว่าซั่งกวนจิ้งสาวเท้าก้าวขึ้นไปแล้ว พวกเขาจะลงมือทันทีเลยหรือไม่
ตอนนี้คนผู้นี้ยังอยู่ในสำนักหลิงเซียวของพวกเขา แล้วจะเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างใด?
โหมวเหยาจ้องตาเขม็งไปที่ซั่งกวนจิ้ง เหมือนกับต้องการจับพิรุธจากใบหน้าของเขา
แต่ทว่าคนทั้งคู่ก็เป็นจิ้งจอกเฒ่า หลบซ่อนความคิดได้ลึกซึ้ง
ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมองออก
“ซั่งกวนจิ้ง หากเจ้าไม่มีสิ่งใดให้ละอายเช่นนั้นก็ออกมาเถอะ! ข้ามีหนทางตรวจสอบว่าโครงกระดูกนั้นอยู่ที่เจ้าหรือไม่! หากของสิ่งนั้นไม่ได้อยู่กับเจ้าจริง เรื่องภายในวันนี้ ข้าก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน! แต่หากค้นแล้วข้าพบอันใดเข้า… ก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”
โหมวเหยาขี้เกียจจะพูดคำไร้สาระ
ในตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้เดินขึ้นไปทำลายม่านพลังโดยตรง แล้วจับตัวซั่งกวนจิ้งออกมา เพราะยังไว้หน้าสำนักหลิงเซียว!
ไม่มีใครรู้ว่า ตอนที่เขาพบว่าซั่งกวนจิ้งยังไม่ตาย เขาโมโหมากขนาดไหน!
ในเวลาต่อมา เขาก็ได้ยินซั่งกวนจิ้งพูดขึ้นว่า
“ได้!”
ทุกคนที่อยู่ในสำนักนั้นล้วนตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสตันชิงยังคิดที่จะขัดขวาง
“ผู้อาวุโสซั่งกวน นี่มัน…”
“พวกเขามาหาข้า มันไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าและสำนักหลิงเซียว พวกเจ้าไม่จำเป็นจะต้องมายุ่งเรื่องนี้”
ซั่งกวนจิ้งพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็บริสุทธิ์ใจ มีอันใดจะต้องกลัวกัน?”
เมื่อพูดจบเขาก็หันไปมองผู้อาวุโสที่รับผิดชอบดูแลม่านพลัง
ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน สุดท้ายก็ยังเปิดม่านพลังออกด้วยความลังเล
ซั่งกวนจิ้งก้าวเดินขึ้นมาด้านหน้า!
…
ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากัน
ซั่งกวนจิ้งกางแขนทั้งสองข้างออก
“ถ้าเจ้าอยากค้น ก็มาค้นได้เลย!”
โหมวเหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“ดูสิว่าเจ้ายังจะปากแข็งไปได้อีกนานเท่าใด!”
ขณะที่พูดเขาก็หลับตาลง สองมือประสานกันอยู่ด้านหน้า
จากนั้นก็มีลำแสงสีม่วงทองสายหนึ่งปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือของเขา
เกล็ดสีม่วงทองโปร่งแสงลอยขึ้นมากลางอากาศ!
…………….