ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 1176 เจ้าอ่อนแอเกินไป
ตอนที่ 1176 เจ้าอ่อนแอเกินไป
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ต้องการบอกว่าหลายวันก่อนนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ และอยากกลับไปที่นั่นอีก
แต่สุดท้ายนางก็จำต้องเก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ เนื่องจากเหตุผลอันมิสมควร
นางก้มหัวลงเล็กน้อย
“ศิษย์ทำผิด สมควรถูกลงโทษขอรับ”
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น ผู้อาวุโสวั่นเจิงก็ไม่อยากจะดุด่าว่ากล่าวนางมากไปกว่านี้
“เรื่องมันจบไปแล้วก็ให้แล้วกันไป ภูเขาหมื่นเมรัยมิใช่ที่ที่ศิษย์จะสามารถเข้าไปได้ตามใจ จากนี้เจ้าห้ามทำเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอนขอรับ”
ผู้อาวุโสวั่นเจิงพยักหน้าด้วยความพอใจ
“เอาล่ะ เจ้าจงกลับไปศึกษาตำราเล่มนี้เสีย หากไม่เข้าใจตรงไหนก็ให้ถาม”
หลังจากนั้น เขาก็ให้คำแนะนำฉู่หลิวเยว่เยว่อีกเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยนางกลับไป
…
พี่เป่าเป็นใครกันแน่นะ?
ระหว่างทางกลับ ฉู่หลิวเยว่เฝ้าวนขบคิดคำถามนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อพิจารณาจากทัศนคติของผู้อาวุโสวั่นเจิงแล้ว พี่เป่าน่าจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพในร่างศักดิ์สิทธิ์อีก ครั้นเทียบกับคนในสำนักหลิงเซียวทั้งหมด เขาน่าจะเป็นบุคคลที่ทรงพลังมากที่สุดแล้ว?
ครั้งหน้าถ้าได้พบพี่เป่าล่ะก็ บางทีนางควรจะถามเขาตรงๆ ไปเลยดีกว่า…
ไม่นานนางก็กลับมาถึงที่พักของตัวเอง
จงซวิ๋นรอนางอยู่หน้าประตู และเมื่อเห็นนางกลับมา ก็พลันทำหน้าดีอกดีใจเสียยกใหญ่
“ศิษย์น้องฉู่เยว่ เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง? ผู้อาวุโสวั่นเจิง…ทำอันใดเจ้าหรือเปล่า?”
ฉู่หลิวเยว่หลุดหัวเราะพรืด
“เขาคืออาจารย์ของข้า เขาย่อมมิทำอันใดข้าแน่นอน ศิษย์พี่จงซวิ๋นกังวลเกินไปแล้ว”
จงซวิ๋นเกาหัวอย่างเก้อเขิน
“ทะ ที่ข้ากังวลก็เพราะเมื่อครู่…ยามที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงพาเจ้าออกไป สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก…”
ดูราวกับไม่ใช่เรื่องดี
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางเอ่ยว่า
“ต้องเจอกับศิษย์ใหม่ที่ก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกอย่างข้า ไม่แปลกที่ท่านอาจารย์จะหัวเสีย”
ซึ่งมันคือความจริงที่แย้งไม่ได้
แม้แต่จงซวิ๋นเองยังต้องยอมรับว่า ฉู่หลิวเยว่นี่ช่างขยันหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ!
เข้ามาได้เพียงไม่นาน ก็มีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมายแล้ว?
“เจ้ารู้หรือไม่? ยามนี้วีรกรรมของเจ้าคงแพร่กระจายไปทั่วสำนักวิชาแล้ว! หลายคนกำลังจับตามองเจ้า และรอดูเจ้ากับหลิ่วอิงถงทะเลาะกัน!”
ฉุ่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ พลางสาวเท้าไปยังเรือนนอนของตน
“มีอันใดให้สนใจกันนัก”
“นางตามรังควานเจ้าเช่นนี้ เจ้าจักปล่อยมันไปง่ายๆ หรือ?” จงซวิ๋นถามอย่างแปลกใจ “ข้านึกว่าที่เจ้าขอให้นางไปยังเขาหมื่นเมรัยกับเจ้าตลอดหนึ่งเดือนนั้น เป็นเพราะเจ้าจงใจ…”
“ข้าจงใจทำจริงๆ หากแต่มิใช่เพื่อระบายความแค้น”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างเหนื่อยหน่าย
“นางมีชื่อบนอันดับที่สี่สิบของการประลองชิงอวิ๋น ทว่ามีหลายคนที่ต้องการไปเขาหมื่นเมรัย และคนเหล่านั้นต่างก็มีพลังพอๆ กับนางหรืออาจจะแข็งแกร่งกว่า ข้าแค่อยากพาคนที่เต็มไปด้วยรัศมีอำมหิตอย่างนางไปด้วย เผื่อในกรณีที่มีคนไม่ไว้หน้าข้าขึ้นมา แล้วข้าจะทำเช่นไร? ข้าไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ดังนั้นการพานางไปด้วยน่ะ เหมาะสมที่สุดแล้ว”
เชิดหน้าชูตาอีกฝ่าย ทำลายศักดิ์ศรีของนาง และพอเจอปัญหาก็ดึงนางมาเป็นโล่…
จะว่าดีก็ไม่ใช่?
แววตาของจงซวิ๋นเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะค่อยๆ ยกนิ้วโป้งให้นาง
“เจ้าช่าง…ร้ายกาจนัก!”
หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกคนต่างคิดว่าฉู่เยว่ทำเช่นนี้เพื่อแก้แค้นหลิ่วอินถง
แต่ความจริงแล้วนางทำเพื่อเขาหมื่นเมรัยต่างหาก!
ตั้งแต่ต้นจนจบ เป้าหมายของเขาไม่ใช่หลิ่วอินถง!
“ทว่า จะพูดอย่างใดดี หลิ่วอินถงเองก็เป็นอัจฉริยะบนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง ได้ยินมาว่าช่วงนี้นางฝึกวิทยายุทธ์หนักมาก และต้องการทะลวงขั้นพลังของตัวเอง ถ้านางทำสำเร็จจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้น…นางต้องหยุดจากอันดับที่สี่สิบแล้วเลื่อนขึ้นไปอยู่ระดับบนๆ ได้แน่นอน! และพอถึงตอนนั้น…”
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่กับที่ พลางเอียงศีรษะเล็กน้อย และถามด้วยความสนอกสนใจ
“สี่สิบอันดับแรก…เก่งกาจขนาดนั้นเชียวหรือ?”
จงซวิ๋นถึงกับชะงัก
เมื่อเห็นท่าทีไม่ทุกข์ร้อนของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงข้าม หัวใจของเขาพลันกระตุกวูบ และรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังเปรียบเทียบหลิ่วอินถงและหลัวเยี่ยนหลิน
“สี่สิบอันดับแรกนั้น…ค่อนข้างเก่งกาจเลยแหละ…แต่แน่นอนว่า เมื่อเทียบกับหลัวเยี่ยนหลินผู้นั้นแล้ว ย่อมห่างชั้นกันมากโข แต่…ฉู่เยว่ เจ้าเองก็รู้มิใช่หรือว่า พึ่งคนอื่นอย่างใดก็ไม่สู้พึ่งตัวเอง?”
หลัวเยี่ยนหลินช่วยเขาได้หนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้ทุกครั้งหนิ?
ฉู่หลิวเยว่ใช้มือข้างหนึ่งกดบานประตูและกำลังจะเปิดมัน แต่จู่ๆ กลับหยุดชะงักเสียอย่างนั้น
“ขอบคุณศิษย์พี่จงมากขอรับ”
จงซวิ๋นผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วยิ้มตอบ
“แค่เจ้าตระหนักได้ก็พอแล้ว ความสามารถอย่างเจ้า ไม่นานเดี๋ยวก็ได้มีชื่ออยู่บนตารางจัดอันดับชิงอวิ๋นแล้ว! หลังจากนี้ไม่ว่าจะเรื่องอันใดก็สามารถเป็นได้ทั้งนั้น! ศิษย์น้องเหนื่อยมามากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเสียเถิด ข้าจะไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับคำ
จงซวิ๋นจากไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ผลักประตูเข้าไปด้านใน
…
นางล็อคกลอนประตูอย่างระมัดระวัง
“กริก”
“เจ้านี่ชอบสร้างปัญหาไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ”
เสียงอันเย็นชาทว่าแผ่วเบาดังมาจากด้านหลัง
แม้จะฟังดูเย็นชาและองอาจ แต่น่าเสียดายที่น้ำเสียงอันขุ่นมัวนั้นกลับฟังดูอ้อแอ้ราวกับเด็กเล็กถูกขัดใจ และแทนที่จะทำให้คนฟังโมโห แต่มันกลับทำให้นางอยากจะเข้าไปแหย่และขยี้ผมนุ่มนั่นให้ยุ่งเหยิง พร้อมบีบใบหน้าเล็กๆ ของเขาเสีย
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหัวเราะสุดกำลัง และหมุนตัวกลับมา
ภายในห้องพัก มีใครบางคนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมยืดหลังตัวตรงอย่างวางมาด ถ้าไม่ใช่ตู๋กูโม่เป่าที่ไม่ได้เจอกันนานแล้วจะเป็นใครได้อีก?
วันนี้เขายังคงสวมชุดคลุมสีม่วงตัวเดิม ใบหน้าขาวเนียนดูนุ่มนิ่มไม่ต่างจากเมื่อก่อน
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา
หลังจากนั้น เมื่อสบเข้ากับดวงตาที่งดงามและน่าหลงใหลของตู๋กูโม่เป่า ทั้งสองก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง
และราวกับตู๋กูโม่เป่าจะอ่านความคิดของนางได้ สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทีละนิด
อายเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา!
“อะแฮ่ม!”
ฉู่หลิวเยว่รีบกระแอมไอกลบเกลื่อน และเดินไปข้างหน้า
“พี่เป่า ก่อนหน้านี้เจ้าหายไปไหนมา แล้วเหตุใดถึงเพิ่งมาตอนนี้?”
เพิ่งบ่นถึงไปเมื่อครู่ก่อน แล้วจู่ๆ ก็โผล่มาตอนนี้
จริงๆ เลยเชียว…
ตู๋กูโม่เป่ายิ้มเยาะเสียงเย็น
“เพราะเจ้าถูกขังไว้บนเขาเฝิงหมินมิใช่หรือ ข้าถึงต้องรอเจ้านานเพียงนี้?”
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกผิดขึ้นมา
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”
นางไม่ได้อธิบายอันใดมากมาย เพราะนางรู้ว่าพี่เป่าน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
แน่นอนว่าพี่เป่าไม่ได้เซ้าซี้ แต่กลับขมวดคิ้วมุ่น
“หากเจ้าทะลวงได้เร็วกว่าและแข็งแกร่งขึ้น เจ้าจักถูกรังแกง่ายๆ เช่นนี้หรือ!?”
“ยังอ่อนหัดนัก!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ว่าแล้วว่าเขาต้องพูดแบบนี้!
พอเจอหน้าปุ๊บก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาด่าทอปั๊บ!
มือเรียวถูหว่างคิ้วอย่างจนปัญญา ราวพยายามหาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง
“ข้าเองก็อยากแข็งแกร่งขึ้น ใช้เวลาอีกหน่อยย่อมทำได้แน่นอน หากข้าทะลวงขั้นพลังแบบไม่หยุดหย่อน ไม่แน่อาจจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพเลยก็ได้?”
ตู๋กูโม่เป่าชำเลืองมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น
ฉู่หลิวเยว่ “… ข้าจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก!”
“รู้เช่นนั้นก็ดี”
จากนั้น ตู๋กูโม่เป่าก็ยอมผ่อนปรนให้นาง
“เมื่อเจ้าเข้ามาอยู่ในสำนักวิชาแล้ว ก็ควรหาเวลาและคว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วฝึกฝนให้หนักขึ้น”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเขา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ และเอ่ยถามอย่างใคร่รู้
“พี่เป่า วันนี้ผู้อาวุโสวั่นเจิงเห็นวิถีหมัดที่เจ้าสอนข้า เขาถามเกี่ยวกับเจ้า แล้วเจ้า…”
สีหน้าของตู๋กูโม่เป่ายังคงเรียบเฉย
“ไม่ต้องสนใจเขา”