ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3 - ตอนที่ 184-1 ม่านม่าน
หลังข่าวเรื่องการตั้งครรภ์ของเผยเหม่ยเหนียงแพร่ออกไป คนทั้งบ้านเสิ่นย่อมต้องยินดีปรีดากันยกใหญ่
ด้วยเหตุที่จวนราชครูห่างออกมาคนละจวน ไม่ว่าจะยินดีก็ดี ริษยาก็ดีล้วนแตกต่างกันชั้นหนึ่ง หลังจากมอบของกำนัลและเอ่ยคำแสดงความยินดีไปแล้ว ก็จบเรื่องเพียงเท่านั้นแล้ว
ส่วนเซียงหนิงปั๋วเสิ่นโจ้ว ในขณะที่ยินดีเป็นหนักหนาก็คลายความบาดหมางทั้งหมดลง แล้วนำเครื่องประดับศีรษะที่ภรรยาที่เสียไปแล้วทิ้งเอาไว้กำนัลแก่สะใภ้ใหญ่ เป็นสัญลักษณ์แสดงว่าวันคืนที่เผยเหม่ยเหนียงไม่ได้รับความเอ็นดูจากพ่อสามีได้ยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว เสิ่นจั้งจูพี่สาวคนโตของสามีทั้งไร้บุตรและเป็นม่าย ย่อมให้ความใส่ใจกับทายาทฝั่งบ้านมารดาเป็นพิเศษ หลังจากได้ยินข่าวก็ดูแลเผยเหม่ยเหนียงราวกับไม่ให้ต้องลมต้องฝน ยิ่งไปกว่านั้นยังให้คำมั่นว่าหลังจากเผยเหม่ยเหนียงคลอดบุตรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง นางก็จะมอบอำนาจการปกครองบ้านคืนแก่เผยเหม่ยเหนียง
เสิ่นโจ้วและเสิ่นจั้งจูเป็นดังนี้ ตัวเสิ่นจั้งฮุยเองก็ยิ่งรักหลงภรรยานักหนาอยู่แล้ว น้องสามีที่ถัดลงมาย่อมไม่กล้าเพิกเฉย เพียงชั่วพริบตาเดียวเผยเหม่ยเหนียงก็กลายเป็นประหนึ่งมุกในมือของจวนเซียงหนิงปั๋วในทันใด
และไม่ว่าบ้านฝั่งสามีจะดีใจเพียงใด ก็ไม่มีทางดีใจไปยิ่งกว่านางหมิ่นมารดาของเผยเหม่ยเหนียง …เดิมทีชั้นตระกูลของบ้านเผยก็ไม่สู้บ้านเสิ่นอยู่แล้ว แม้จะได้แต่งงานครานี้อย่างเกินคาด ทว่ายังไม่ทันจะได้ยินดีเลย! ปรากฏว่าบุตรสาวก็มาก่อเรื่องก่อราวเสียแล้ว แม้จะหาตวนมู่อู๋เซ่อมาเป็นแพะรับบาปได้ กอปรกับบุตรเขยยืนกรานหนักแน่น บุตรสาวจึงไม่ได้ถูกปลดและส่งตัวกลับบ้าน แต่อุตส่าห์ได้เป็นสะใภ้ใหญ่ของจวนทั้งที ก็กลับไม่ได้ดูแลปกครองบ้านเรือน นางหมิ่นจึงอดจะถูกคนทั้งในและนอกตระกูลเย้ยเยาะเอาไม่ได้! แม้แต่สามีก็ยังตำหนิว่านางไม่รู้จักอบรบบุตรสาว ตระกูลเผยอุตส่าห์มีตระกูลสูงศักดิ์มาขอหมั้นหมาย แต่กลับไปล่วงเกินบ้านสามีเสียแล้ว
เวลานี้ ดีชั่วก็ฝืนทนอยู่มาได้จนบุตรสาวตั้งท้อง หากท้องแรกก็ได้บุตรชาย ลำพังเรื่องที่จวบจนบัดนี้จวนเซียงหนิงปั๋วมีบุตรชายจากภรรยาเอกหนึ่งจากอนุอีกหนึ่ง รวมสองคนแล้ว ก็ยังไม่มีคนในรุ่นหลานสักคน และจนทุกวันนี้ทั้งสายของหมิงเพ่ยถังก็เพิ่งมีหลานชายเพียงสองคน เพียงคิดก็รู้แล้วว่าต่อให้วันหน้าเผยเหม่ยเหนียงไม่ต้องไปก่อเรื่องก่อราวจนถึงตาย ฐานะของนางก็ต้องมั่นคงแน่แท้แล้ว
ในขณะที่นางหมิ่นกำลังดีอกดีใจ ก็ขาดเสียมิได้ที่ต้องกำชับบุตรสาวอย่างปากเปียกปากแฉะว่าต้องทะนุถนอมวาสนานี้เอาไว้ให้ดี อย่าได้ไปก่อเรื่องอันใดอีกเด็ดขาด ต้องคอยดูแลบำรุงครรภ์ให้ดี คอยเฝ้าสามีให้ดี ต้องเคารพมีมารยาทกับญาติผู้ใหญ่และคนในรุ่นเดียวกันของบ้านสามีเอาไว้เป็นดี
ต่อหน้ามารดา เผยเหม่ยเหนียงแสดงออกว่าเชื่อฟังแต่โดยดี บอกว่าจะต้องไม่ไปยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง และตั้งอกตั้งใจเป็นสะใภ้แสนดีที่เชื่อฟัง รู้ความและกตัญญู …ทว่านางหมิ่นเพิ่งจะไป นางก็หันหน้ามาเรียกม่านม่านบ่าวคู่ใจของนางมาหา แล้วสั่งนางว่า “จำได้ว่าก่อนนี้ครั้งพี่สะใภ้สามตั้งครรภ์ ห้องครัวเล็กของนางทำขนมบ๊วยเปรี้ยวชนิดหนึ่งที่แปลกใหม่มากๆ ให้นาง เจ้าออกไปก็บอกว่าจู่ๆ ข้าก็อยากกินขึ้นมา แล้วให้เจ้าไปขอคัดลอกวิธีทำจากที่เรือนของพี่สะใภ้สามมา” จากนั้นเสียงนางก็ต่ำลง…
ม่านม่านไปถึงเรือนจินถงก็พูดคำที่ว่ามานั้นก่อน แล้วก็มองไปซ้ายขวา เว่ยฉางอิ๋งเข้าใจในทันใด จึงให้คนออกไปและสอบถามนางตามลำพัง นางจึงบอกว่า “ฮูหยินน้อยใหญ่ตระกูลซูก็คล้ายว่าจะตั้งครรภ์แล้วเจ้าค่ะ”
“หา?” เว่ยฉางอิ๋งสะดุ้ง คิดในใจว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนนี่? คงมิใช่ว่าวันนั้นเอาแต่สนใจว่าเผยเหม่ยเหนียงตั้งท้อง? แล้วคิดอีกว่าเผยเหม่ยเหนียงส่งคนมาบอกเรื่องนี้กับตนโดยเฉพาะทำสิ่งใด?
แล้วได้ยินม่านม่านพูดต่อไปว่า “ฮูหยินน้อยบอกว่า ในงานเลี้ยงวันนั้นเพราะมีกุ้งขี้เมายกเข้ามา ฮูหยินน้อยได้กลิ่นก็อาเจียนไม่หยุด ทุกคนพากันห้อมล้อมเข้ามาดูฮูหยินน้อย ทว่าพอฮูหยินน้อยหันหน้ามาและเงยหน้าขึ้นดูกลับมองเห็นจากช่องว่างระหว่างผู้คนว่าฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซูก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาปิดปาก แล้วสีหน้าก็ไม่ดีเสียอย่างยิ่ง จากนั้นก็มีสาวใช้ประคองนางออกไป ดูคล้ายว่านางก็เพิ่งไปอาเจียนมาเช่นกันเจ้าค่ะ ตอนแรกนั้นฮูหยินน้อยนึกว่าที่ฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซูเป็นดังนั้นเพราะเห็นฮูหยินน้อยอาเจียนจึงอยากอาเจียนด้วย ทว่าฮูหยินน้อยมองไปอีกครั้งกลับพบว่าฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซูเอาแต่จ้องอยู่ที่จานกุ้งขี้เมาจานนั้นเจ้าค่ะ…”
เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยเสียงหนัก “พี่สะใภ้เติ้ง …เจ้าว่าต่อซิ”
“ฮูหยินน้อยใหญ่บ้านซูอาเจียนใส่ในแขนเสื้อ คนข้างๆ ล้วนไม่ทันสังเกต ภายหลังนางก็จงใจทำจอกสุราล้มแล้วบอกว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อและออกจากงานเลี้ยงไปเจ้าค่ะ …ตอนออกจากงานเลี้ยง ฮูหยินน้อยสังเกตว่านางเผลอประคองท้องน้อยเจ้าค่ะ ฉะนั้นฮูหยินน้อยจึงเดาว่าว่าแปดเก้าในสิบส่วนนางจะต้องตั้งครรภ์เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นตัวนางเองก็รู้ด้วยเจ้าค่ะ” ม่านม่านเอ่ยเสียงเบา “ฮูหยินน้อยบอกว่าตอนอยู่ในงานเลี้ยงคำนับสุรานางหนึ่งจอก เพราะคุณชายใหญ่บ้านซูกำลังจะไปรับตำแหน่งที่เมืองอื่นแล้ว ฮูหยินน้อยใหญ่ก็ต้องติดตามสามีไปรับตำแหน่งด้วย คุณชายใหญ่บ้านซูต้องไปรับตำแหน่งไกลถึงหลิ่งหนานเชียวนะเจ้าคะ! ฮูหยินน้อยบอกว่าไม่เข้าใจว่าฮูหยินน้อยใหญ่มาตั้งครรภ์เอาในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่เอ่ยออกมาว่าจะอยู่บำรุงครรภ์ในเมืองหลวง? แต่กลับจงใจปกปิดเอาไว้เล่า?”
เว่ยฉางอิ๋งคิดในใจว่าเผยเหม่ยเหนียงช่างเป็นคนละเอียดรอบคอบนัก นางมองเห็นเรื่องของบ้านซูก็ไม่ลืมจะมาบอกตนคำหนึ่ง …ทว่าเรื่องนี้เผยเหม่ยเหนียงไม่รู้ แต่เว่ยฉางอิ๋งกลับรู้ดีอยู่ในใจ …อย่าว่าแต่แปดหรือเก้าจากสิบส่วนเลย เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพับกับนางเฉียนป้าสะใภ้แน่นอน!
แล้วคิดถึงว่าปีก่อนเสิ่นจั้งหนิงช่วยรับผิดแทนนางหลิวที่ไปทำให้นกแก้วแสนรักของซูอวี๋อู่ตาย ครั้งนั้นเว่ยฉางอิ๋งตำหนิว่านางช่วยนางเติ้งไม่ได้แล้วยังเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องจนต้องรับผิด ตอนนั้นสิ่งที่เสิ่นจั้งหนิงอ้ำอึ้งบอกมาก็คือนางเติ้งมีแผนการรองรับไว้อยู่แล้ว และยังบอกว่าอีกสองสามวันก็จะรู้เรื่องแล้ว ยามนี้คิดๆ ไป คาดว่าแผนการรองรับที่ว่านั่นก็คือติดตามสามีไปทำงานนอกเมืองและหนีไปจากเงื้อมมือของนางเฉียนนั่นเอง
แต่ก็เห็นได้ว่าแผนการของนางเติ้งมีปัญหา หาไม่แล้วจะไม่ต้องยื้อเวลามาจนบัดนี้ ซูรั่วเฉียนจึงเพิ่งจะได้ย้ายไปทำงานนอกเมือง ก่อนนี้นางเติ้งยังถูกนางเฉียนซึ่งเป็นแม่สามีข่มเหง กระทั่งบุตรสาวที่เพิ่งคลอดและยังไม่ทันได้ตั้งชื่อต้องมาตายไป ต่อให้เวลานี้ตั้งท้องแล้ว อย่าว่าแต่ไปรับตำแหน่งที่หลิ่งหนานเลย ต่อให้ถูกเนรเทศไปที่หลิ่งหนาน นางย่อมไม่มีวันปล่อยโอกาสที่จะได้ไปจากนางเฉียนนี้ไปแน่ๆ
เว่ยฉางอิ๋งใคร่ครวญอยู่สักพักจึงบอกกับม่านม่านว่า “เรื่องนี้น้องสะใภ้สี่คิดไม่ออก แต่ข้ากลับรู้บ้างเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้เติ้งเคยมีบุตรสาวคนหนึ่ง แต่โชคร้ายมาเสียไปแต่ยังเล็ก คงด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางกลับไม่อยากอยู่ดูแลครรภ์และคลอดบุตรในเมืองหลวงแล้ว”
ม่านม่านหิ้วตะกร้าใส่ขนมบ๊วยเปรี้ยวที่เรือนจินถงทำเอาไว้พอดี และวิธีทำขนมบ๊วยเปรี้ยวที่นางหวงจดให้กลับมาที่จวนเซียงหนิงปั๋ว พอดีว่าเสิ่นจั้งจูมาเยี่ยมน้องสะใภ้ เมื่อเห็นขนมบ๊วยเปรี้ยวเข้าจึงสอบถามดู
เผยเหม่ยเหนียงยิ้มพลางว่า “ครั้งพี่สะใภ้สามตั้งครรภ์กวงเอ๋อร์ ข้าไปแสดงความยินดีกับนาง และไปเห็นว่าท่านอาหวงทำขนมบ๊วยเปรี้ยวนี้ให้นางทาน ครั้งนั้นข้าชิมดูคำหนึ่งรู้สึกว่าเปรี้ยวเกินไป ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งกลับกินไม่ลงเสียแล้ว และไม่กล้าเอาไปทิ้งต่อหน้าพี่สะใภ้สาม จึงแอบเก็บใส่ในแขนเสื้อ พอออกพ้นประตูมาก็โยนทิ้งในสระบัวเสีย ไม่คิดว่ายามนี้กลับคิดถึงขึ้นมา จึงให้ม่านม่านไปขอวิธีทำกับ พี่สะใภ้สามมาเจ้าค่ะ” แล้วบ่นม่านม่านไปคำหนึ่งว่า “เวลานี้พี่สะใภ้สามต้องดูแลกวงเอ๋อร์ ทั้งต้องวุ่นวายเรื่องงานบ้าน เจ้าไปขอวิธีทำก็ควรจะกลับมาแล้ว เหตุใดยังไปเอาตะกร้านี้กลับมาด้วย?”
ม่านม่านจึงอธิบายว่า “เรียนฮูหยินน้อย พอบ่าวไปบอก ฮูหยินน้อยสามก็บอกว่าบังเอิญนัก เพราะห้องครัวเล็กเพิ่งจะทำเสร็จออกมาชุดหนึ่งเชียว! เดิมทีท่านอาหวงคิดว่าวันพรุ่งจะนำไปให้หลานสาวของนางที่คฤหาสน์จี้ เมื่อได้ยินว่าฮูหยินน้อยคิดถึงขนมนี้ขึ้นมา จึงให้บ่าวนำมาทั้งหมดเจ้าค่ะ”
————————————