ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 999 ทางตัน (1)
ณ สมาคมวิจัย
ในสถานีอวกาศทรงลูกบาศก์สีเงินขนาดมหึมา
เรือรบสีเขียวหลายลำลอยค้างอยู่กลางความว่างเปล่ารอบๆ นกลำตัวยาวที่มีหัวเป็นงูแต่มีปีกข ของนกหลายตัวบินออกมาจากเรือรบ ร่างของพวกมันเป็นสีเขียวมรกต ปีกด้านหลังใหญ่กว่าลำตัวห หลายเท่า
นกประหลาดฝูงหนึ่งบินลงไปบนแท่นสะพานเรืออย่างช้าๆ ภายใต้การนำของนกประหลาดที่มีผิวเข้มกว ว่าตัวหนึ่ง
บันไซกับหลี่ซุ่นซีแห่งสมาคมวิจัยมารออยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว
ไม่เพียงพวกเขาเท่านั้น ยังมีผู้ยิ่งใหญ่สัตว์โบราณระดับอนธการอีกสองตน พวกเขาเป็นแกนกลางระ ะดับสูงที่เข้าร่วมอย่างเป็นทางการ พากันตามมาต้อนรับเช่นกัน
“ภูษาขาวเคอเต๋อเฟยเอ๋อร์อยู่นี่ใช่ไหม ข้าได้กลิ่นของมัน…มันซ่อนอยู่สักแห่งในนี้! เรี ยกมันให้ไสหัวออกมาพบข้า!”
หัวหน้านกประหลาดเอ่ยเสียงเย็น สำเนียงประหลาดพิกล ภาษาภัยพิบัติของเขามีเสียงนกชนิดพิเศษท ที่แหลมคมแทรกอยู่ จึงฟังบาดหูและแห้งผาก
ด้านข้างหลี่ซุ่นซีมีคนยืนอยู่สองคน คนหนึ่งคือชายหัวล้านที่มีผิวสีแดงเข้ม ชื่อว่าเทร รย์
อีกคนเป็นผู้หญิง เพียงแต่บนศีรษะเธอมีหนวดเส้นหนึ่ง ดวงตาเหมือนตู้ปลา แมลงตัวเล็กๆ สีเขี ยวนับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่ด้านใน เธอมีชื่อว่าเป๋ยฝ่าซา ผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดจากเผ่ าสัตว์โบราณ
“นึกว่าใครเสียอีก ที่แท้ก็เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของวิหคอสรพิษอาทิตย์เขียว พวกท่านเดินทางไ ไกลมาทำอะไรที่สมาคมวิจัยของพวกเรา นอกจากนี้ขอบอกอีกประโยค คนที่ท่านต้องการตามหาไม่ได้ อยู่ที่นี่”
เป่ยฝ่าซาไม่กลัวเผ่าวิหคอสรพิษอาทิตย์เขียว แต่นางไม่อยากจะทำลายชีวิตอันสงบสุขที่ได้มาอย ย่างยากเย็น
“เป่ยฝ่าซา เจ้ามาอยู่ที่นี่เองหรือนี่” ผู้บัญชาการใหญ่วิหคอสรพิษอาทิตย์เขียวหัวเราะเสียงเ เย็น “เจ้านึกว่ามีแค่ข้าคนเดียวหรือ อีกเดี๋ยวองครักษ์เทพอสูรของเผ่าข้าจะมาเอง หากเจ้ามี ความเห็นอะไรก็ไปพูดกับเขาเองเถอะ”
องครักษ์เทพอสูรหรือ
พวกหลี่ซุ่นซีตกใจ ในสหพันธ์สัตว์โบราณ เทพสัตว์โบราณลาตี้เอ่อรเป็นตัวตนระดับสูงซึ่งแข ข็งแกร่งที่สุด
ส่วนองครักษ์เทพอสูร คือกองทัพเหี้ยมหาญที่มีกำลังรบแข็งแกร่งที่สุดใต้การบังคับบัญชาของเขา า
ความจริงยังไม่ต้องพูดถึงองครักษ์เทพอสูร แค่พวกสัตว์โบราณที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ใช่คนที่พวกเ เขาจะรับมือได้แล้ว
หรือก็คือต้องให้อนธการสองคนในที่แจ้งของสมาคมวิจัยออกมา จึงค่อยยันสถานการณ์ไว้ได้
สัตว์โบราณกับวิญญาณดาวเป็นสองขุมกำลังที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าแข็งแกร่งที่สุด ซึ่งสัตว ว์โบราณขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งแกร่ง
แม้วิหคอสรพิษอาทิตย์เขียวจะไม่โดดเด่น แต่นั่นเป็นมุมมองของสหพันธ์สัตว์โบราณ ส่วนขุมกำลัง งอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกก็เป็นสัตว์ยักษ์เหมือนกัน ย่อมมีพลังแข็งกล้า
“ไปพูดจาไร้สาระกับพวกมันทำไม เข้าไปหาตัวเลยสิ”
อีกเสียงหนึ่งกระเพื่อมมาจากจักรวาลไกลออกไป
วังวนสีทองอ่อนกลุ่มหนึ่งกางออกด้านข้างสะพานเรือ อมนุษย์ที่ฝังโลหะสีเงินไว้บนทรวงอกกลุ มหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
“เอลล่า! ไสหัวออกมา!”
อมนุษย์กลุ่มนี้เพิ่งเข้ามาใกล้ ชายร่างสูงใหญ่ที่เป็นผู้นำก็ตะโกนขึ้นทันที
“ที่นี่ไม่มีใครชื่อเอลล่า” เป่ยฝ่าซาตอบเสียงเย็น
“เจ้านึกว่าพวกเรามาแค่สองเผ่าหรือ” บุรุษแค่นหัวเราะ “อีกประเดี๋ยวจะมีเผ่าใหม่มาอีก ถึงเว วลานั้น อยากเห็นนักว่าสมาคมวิจัยของเจ้าจะต้านไหวไหม”
‘ยังมีอีกหรือ’
พวกหลี่ซุ่นซีหน้าเปลี่ยนสีทันที
ตูม!
ในเวลานี้เองพลันมีการสั่นสะเทือนส่งมาจากนภาดาวไกลออกไป
สัตว์ยักษ์ดุร้ายสีขาวที่ร่างมีดวงตาเล็กๆ นับไม่ถ้วนติดอยู่ โผล่หัวออกมาจากความมืดมิดอย่ างช้าๆ พลางมองมาทางนี้
เป่ยฝ่าซากับเทรย์ที่เวลานี้ยันอยู่ด้านหน้าสุดผุดสีหน้าเหยเกทันที
“ที่นี่คือสมาคมวิจัยหรือ แลร์รี่ล่ะ ให้มันมาคุยกับข้า” สัตว์ยักษ์เหมือนกับวาฬขาว เพีย ยงแต่ดวงตาเยอะไปบ้างเพิ่งโผล่หัวมา
สองตาของมันเย็นชาและเฉียบขาด ส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปมีความสิ้นหวังเข้มข้นไหลทะลัก เป็นความ มสิ้นหวังที่ยิ่งใหญ่ต่อครอบครัวและมิตรสหายของตน
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อแลร์รี่” หลี่ซุ่นซีบากหน้าเดินออกไปส่งกระแสเสียง
“ข้าสัมผัสกลิ่นอายของมันได้ มันซ่อนอยู่ที่นี่ ไม่ผิดแน่” วาฬขาวยักษ์หลายตาเอ่ยเสียงเ เย็น
“หากยังไม่ออกมา ก็อย่าโทษข้าทำลายที่นี่ทั้งหมดทิ้ง!”
“ที่นี่ไม่มีใครชื่อแลร์รีจริงๆ…”
พวกหลี่ซุ่นซีโต้อย่างไร้เรี่ยวแรง
แต่ไม่ได้มีแค่วาฬหลายตาเท่านั้น ต่อจากนั้นมีขบวนที่มาจากพันธมิตรวิญญาณดาวปรากฏตัวอีกหลา ายขบวน พร้อมสั่งให้สมาคมวิจัยส่งตัวตนที่พวกเขาไล่ล่าออกมา
แต่มีหลายคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ และผู้ที่อยู่ที่นี่ก็อยู่ในสภาพรักษาอาการบาดเจ็บหนักท ทั้งสิ้น
พวกหลี่ซุ่นซีไม่ควรจะส่งตัวพวกเขาออกมาในเวลาแบบนี้
เป็นเพราะในช่วงเสริมความยิ่งใหญ่ของสมาคมวิจัย มีเงาของลัทธิจันทราแดงซึ่งเป็นลัทธิชั่วร้า ายปะปนอยู่ ดังนั้นสัตว์โบราณกับวิญญาณดาวส่วนหนึ่งจึงไม่กล้าบุ่มบ่าม
แต่แรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงที่ขอให้พวกเขาส่งคนออกมาก็ดังขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน
ดังจนทำให้เป่ยฝ่าซากับเทรย์ต้านไม่ไหว แม้อันซีซึ่งออกมาทีหลังจะช่วยยันสถานการณ์ไว้ได้ แ แต่เทียบกับแรงกดดันจากอำนาจที่คุกคามขึ้นเรื่อยๆ ของอีกฝ่าย สมาคมวิจัยยังคงอ่อนแอเกินไป
“ดูเหมือนพวกเจ้าคิดจะคุ้มครองคนร้ายพวกนั้นถึงที่สุดใช่ไหม” ผู้บัญชาการใหญ่ของวิหคอสรพิษอา าทิตย์เขียวยืนอยู่ด้านหน้าสุดกล่าวเสียงเย็น
“ไม่ใช่พวกเราคุ้มครอง แต่เพราะตัวตนที่พวกท่านตามหาไม่ได้อยู่กับพวกเราจริงๆ!” บันไซอธิบา ายเสียงดัง
ทั้งสองฝั่ง ขวางสะพานเรือเอาไว้ ไม่มีใครยอมถอยให้ใคร
“อย่างนั้นพวกเจ้ากล้าปล่อยให้พวกเราเข้าไปตรวจสอบไหมเล่า” เสียงอึมครึมเสียงหนึ่งดังมาจาก ในวงล้อมของสัตว์โบราณและพันธมิตรดาว
บันไซมองหลี่ซุ่นซี ซึ่งฝ่ายหลังก็ให้คำตอบยืนยันกับเขา
ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจโล่งอก พยักหน้าอย่างแรง
“มีอะไรไม่กล้ากัน แต่ถ้าพวกท่านหาไม่เจอจะว่าอย่างไร”
“ต้องการของชดเชยอะไร เผ่าวิหคอสรพิษอาทิตย์เขียวของเราจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง!” ผู้บัญชาการใ ใหญ่อาทิตย์เขียวหัวเราะอย่างเย็นชา
“ได้! จำคำของพวกท่านเอาไว้ด้วยล่ะ!” บันไซเอ่ยอย่างคับแค้น
มีแรงกดดันมากไปจริงๆ มากเสียจนเขาใกล้ยันไม่อยู่
เมื่อครู่ถึงขั้นที่ผู้อาวุโสสองคนอย่างเป่ยฝ่าซากับเทรย์ออกหน้าพูดจาแล้ว แต่ความอาวุโสใ ในหมู่สัตว์โบราณของคนผู้นั้นมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวง ทำให้ทั้งสองคนนี้ถูกสะกดจนพูดอะไร ไม่ออก
ดังนั้นแรงกดดันมากกว่าครึ่งที่อยู่ตรงนี้ได้แต่มอบให้พวกเขาแบกรับกันเอง
“หวังว่าเมื่อถึงเวลาพวกเจ้าจะไม่กลับคำพูด” อันซีถลึงตามองผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวอย่าง งเยียบเย็น
“น่าขำ” ผู้บัญชาการใหญ่กระพือปีก คนในเผ่าที่กำยำถึงขีดสุดสามคนพลันติดตามมา
“หลีกไป พวกเราจะหากันเอง!”
อันซีสีหน้าบูดบึ้ง ลากพวกบันไซหลบไป
เผ่าแต่ละเผ่าแบ่งคนส่วนสวนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ในสถานีอวกาศพร้อมกับผู้บัญชาการใหญ ญ่อาทิตย์เขียว
พวกบันไซย่อมตามไปด้วย
แม้เมื่อครู่หลี่ซุ่นซีจะใช้วิธีการพิเศษแจ้งเตือนสัตว์โบราณและวิญญาณดาวหลายคนที่ซ่อนตัว อยู่ที่นี่แล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่าสัตว์ประหลาดพวกนี้จะก่อปัญหาอะไร
กลุ่มคนเดินตามสะพานเรือเข้าไปด้านใน ระหว่างทางมีสมาชิกไม่น้อยได้รับข่าว ต่างเข้ามามุงดูคน นกลุ่มนี้ด้วยสายตาราบเรียบ
ผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวกับสัตว์โบราณที่เป็นวาฬหลายตาอีกตนแปลงกายเดินอยู่ด้วยกัน
ร่างแปลงของคนชื่อซีเฟอลาร์กจากฝ่ายวิญญาณดาวพาเหล่าวิญญาณดาวเดินอยู่อีกด้าน
ซีเฟอลาร์กมาจากระบบดาวของวิญญาณดาวที่อยู่ไกลแสนไกลแห่งหนึ่ง เขาคือหัวหน้าเผ่าของระบบ ดาวแห่งนั้น มาที่นี่เพื่อสังหารฆาตกรที่ฆ่าภรรยาของเขา
แม้ฆาตกรผู้นั้นจะโต้แย้งว่าตนถูกปักปรำ แต่เขาไม่เห็นด้วย
เหมือนกับผู้ป่วยจิตเวชบอกว่าตัวเองปกตินั่นเอง
สำหรับเขา การที่สมาคมวิจัยเก็บคนที่สติปัญญาไม่สมประกอบแบบนี้ไว้ จะต้องเป็นภัยซ่อนเร้นอ อันใหญ่หลวงแน่
ทั้งสองฝ่ายไปตรวจสอบสถานีในแต่ละเขต
พวกเขาต่างใช้ความสามารถตรวจสอบพิเศษ แสงวิญญาณสีแดงและสีขาวกวาดผ่านอาณาเขตย่อยในแต่ละเขต
แสงวิญญาณนั้นให้ความรู้สึกเจ็บปวดทิ่มแทงในระดับหนึ่ง นี่ทำให้เหล่าสมาชิกที่อาศัยอยู่ใน สถานที่เหล่านี้แสดงความไม่พอใจทางสีหน้าอย่างชัดเจน
พวกบันไซเห็นดังนั้น สีหน้าก็เริ่มบูดบึ้งกว่าเดิม
“ความยุติธรรมต้องรักษา แค้นต้องชำระ เหตุของทุกสิ่งย่อมเป็นผลของทุกสิ่ง!” ซีเฟอลาร์กเอ่ยด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไม่นานก็ค้นหาในแต่ละเขตจนทั่ว สองฝ่ายไม่พบอะไร ตอนนี้ทุกคนต่างเดินถึงแท่นโลหะสีเงินแ แท่นหนึ่งด้านหลังสถานีอวกาศ
เดิมทีที่นี่เป็นที่ที่เอาไว้จอดเรือรบ ทว่าตอนนี้กลับมีสัตว์โบราณหลายตนหดร่างลงมารออยู ที่นี่
“หาทุกที่จนทั่วแล้ว ไม่มีคนที่พวกท่านต้องการตามหา ตอนนี้พอได้แล้วหรือยัง” บันไซมองซีเฟ ฟอลาร์กกับผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวอย่างเย็นชา
“มันก็ไม่แน่หรอก...เจ้าแน่ใจหรือว่าหาทั่วทุกที่แล้ว” ผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวเอ่ยอย่ างรังเกียจ “เขตที่อยู่อาศัยไม่มีจริงๆ แต่ศูนย์กลางของที่นี่เล่า ศูนย์กลางยิ่งใหญ่ตั้งขนาด นั้น สามารถซ่อนคนส่วนหนึ่งได้ง่ายเหมือนปลอกกล้วย”
ศูนย์กลางหรือ?!
สีหน้าของพวกบันไซเปลี่ยนแปลงทันที
ถ้าบอกว่าเขตอยู่อาศัยเป็นเขตธรรมดา เอาไว้ใช้ชีวิตในยามปกติ อยางนั้นศูนย์กลางก็เป็นที่ พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสมาคมวิจัย และเป็นเขตที่เก็บข้อมูลกับทักษะแกนกลางไว้เป็นจำนวนม มาก
ที่นั่นไม่ได้มีแค่พวกสมาชิกแกนกลางและช่างฝีมือเท่านั้น ยังมีเครื่องจักรอักขระขนาดใหญ่ที่เ เก่งรอบด้านอย่างอินเอ้อสือเจียด้วย
กล่าวได้ว่า ศูนย์กลางเป็นที่ที่สำคัญที่สุดของสมาคมวิจัย
“ใต้เท้า ไม่คิดว่าคำขอของท่านเกินเลยไปหรือ” บันไซกล่าวขณะข่มความโกรธ
“ไม่เห็นจะเกินเลยตรงไหน แม้ศูนย์กลางจะสำคัญ แต่ถ้าหาไม่เจอ พวกเราจะมอบของชดเชยที่มากพอให้ เป็นการเฉพาะเอง” ผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวแค่นเสียง “แต่จะต้องหา อย่างไรถ้าพวกเจ้าจงใจซ ซ่อนคนไว้ที่นั่น ก็เป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
“แต่ถ้าข้าปฏิเสธเล่า” เสียงของบันไซแผ่วต่ำลง
พวกหลี่ซุ่นซีกับอันซียืนอยู่ด้านหลังเขา ทราบว่าตอนนี้จะถอยไม่ได้เด็ดขาด ไม่เพียงศูนย์ก กลางจะมีของสำคัญที่เป็นแกนกลางของสมาคมวิจัยอยู่ด้วยเท่านั้น ขณะเดียวกันเป็นเพราะคนที่พว วกเขาต้องการตามหาอยู่ที่นั่นหมดจริงๆ
ถ้าพวกเขาหาเจอ สมาคมวิจัยได้จบเห่แน่
คนที่กำลังโกรธและถูกความแค้นกับอคติบดบังสายตาพวกนี้ จะต้องทำลายที่นี่ทิ้งในทันทีแน่นอ อน
ตอนนี้หาไม่เจอ พวกเขาจึงทำอะไรไม่ได้ ไม่ถึงกับลงมือโดยไม่มีหลักฐาน แต่หากมีหลักฐานเมื่อไห หร่
พวกวิญญาณดาวกับสัตว์โบราณที่ทำลายระบบดาวมานับไม่ถ้วนไม่มีทางออมมือแน่
ในตอนที่สองฝั่งคุมเชิงกัน ทันใดนั้นก็มีวิญญาณดาวตนหนึ่งแอบเข้าประตูศูนย์กลางที่อยู่ทางข ขวามือของสถานีอวกาศ
“หยุดนะ!”
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสมาคมวิจัยขวางเขาไว้
“หยุดนะ!” อันซีพลันยื่นมือโบก พลังดาวยิ่งใหญ่ซึมออกมาจากรอยแยกรอบๆ สถานีอวกาศ ขวางทางวิ ญญาณดาวตนนั้นไว้ นี่เป็นความสามารถที่เขาเตรียมไว้ก่อนแล้ว
เปรี้ยง!
วิญญาณดาวตนนั้นปล่อยพลังดาวสีดำออกมาจากทั่วร่างแล้วพุ่งเข้าไปอย่างฉับพลัน
พลังดาวสีดำปะทะกับพลังดาวไร้สี ปรากฏระลอกคลื่นไร้เสียงขึ้น
“ไป เข้าไปซะ!” ผู้บัญชาการใหญ่อาทิตย์เขียวแค่นหัวเราะ สาวเท้าเดินไปยังทางเข้าเขตศูนย์กลาง
“ผู้อำพรางความชั่วก็มีความผิดด้วยเช่นกัน” ซีเฟอลาร์กติดตามไป พาวิญญาณดาวที่เหลือเดินเข้ าหาเขตศูนย์กลาง