ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 916 บันทึกทักษิณอายุวัฒนะ (2)
“แต่ว่าเห็นผลดีแถมยังง่ายดายมาก ร่างหลักของเราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยสามเท่า! และในร่างก็มีสิ่งเจือปนน้อยลงไปมาก สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม” ลู่เซิ่งมีลางสังหรณ์ว่า ถ้าตนกลับโลกมารสวรรค์ในตอนนี้ หรืออยากจะฝึกฝนวิชาใดๆ ย่อมผ่อนคลายกว่าก่อนหน้านัก
นี่คงจะเป็นการที่คุณสมบัติทางธรรมชาติได้รับการปรับปรุงและยกระดับขึ้น
มิหนำซ้ำถ้าหากลงมือกับจันทราม่วงเจ้านครตราชั่ง สมควรเอาชนะอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรก
“อีกทั้งอายุขัยยังยืดยาวถึงห้าแสนห้าหมื่นปีด้วย ไม่เลวๆ” ลู่เซิ่งพอใจ
ในเมื่อใช้พลังอาวรณ์หมดแล้ว เขาคิดจะตรวจสอบสภาพในตอนนี้สักหน่อย
เพียงแต่เพิ่งขยับตัว ลู่เซิ่งยังไม่ทันยกมือขึ้น แค่ขยับน้อยๆ
รอบๆ พลันมีแสงไฟสีขาวบริสุทธิ์มากมายสว่างขึ้น
เขางุนงงเล็กน้อย นี่ไม่ใช่อัคคีเทพหงส์เพลิงที่เขาร่ายออกมา คล้ายกับจะเป็นไฟธรรมชาติที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากเส้นวิถีที่เขาวาดไว้ในอากาศขณะขยับแขน
ไฟสีขาวเผาไหม้วัตถุสีเทารอบข้างจนสะอาดหมดจด เหมือนกับน้ำแข็งละลายใต้แสงแดด
วัตถุสีเทาทั่วถ้ำละลายอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วินาที เหลือเพียงวัตถุโปร่งแสงหลังการเผาไหม้ ละลายอยู่ในอากาศ หายไปอย่างสิ้นเชิง
ลู่เซิ่งมองร่างกายเกลี้ยงเกลาของตัวเองอย่างสับสน
อาภรณ์บนตัวเขาถูกไฟสีขาวเมื่อครู่เผาไหม้จนหมด อานุภาพของไฟนั้นช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“สมกับที่เป็นสัตว์เทพที่เก่าแก่ที่สุด…” ลู่เซิ่งมองแขนตัวเองอีกครั้ง ตอนที่เห็นลวดลายเทวลักษณ์หนาแน่นนับไม่ถ้วนบนผิว เขาก็คล้ายเข้าใจว่า สาเหตุที่กระตุ้นไฟขึ้นเมื่อครู่มาจากที่ไหน
“บันทึกทักษิณอายุวัฒนะของวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ด แค่ขยับตัวก็กระตุ้นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติฟ้าดินแล้ว…ไม่เสียทีที่เป็นสัตว์เทพ…เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เราที่อยู่ในสภาพนี้ จะมีอานุภาพขนาดไหน เมื่อเทียบกับสัตว์เทพของเผ่าปีศาจเหล่านั้นแล้ว”
ลู่เซิงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เก็บกลิ่นอาย แล้วเริ่มใช้การหลอกธรรมชาติระดับผู้ปกครองของมารสวรรค์ห่อหุ้มร่างกายนี้ไว้ อย่างช้าๆ เพื่อตัดขาดกับโลกภายนอก
ก่อนที่เขาจะใช้จิตวิญญาณของร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ เขาจะไม่ปลดการตัดขาดชั้นนี้ออก
เนื่องจากยกระดับมากเกินไป ทำให้ผู้เข้มแข็งระดับปรมาจารย์อย่างลู่เซิ่ง ไม่อาจควบคุมพลังทั้งหมดของร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
เขาต้องการเวลามากกว่านี้ในการปรับตัว
ไม่อย่างนั้นหากเกิดเป่าลมแล้วเผาบริวารกับครอบครัวที่ตัวเองให้ความสนใจโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่นนั้นก็เป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ แล้ว
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ ลู่เซิ่งค่อยมีเวลาตรวจสอบของวิเศษอย่างป้ายคำสั่งจอมขุนเขา
กวาดตามองดูพลังอาวรณ์ที่เหลืออยู่
“ยังเหลืออีกหนึ่งล้านกว่าหน่วย ยกระดับป้ายคำสั่งจอมขุนเขาได้มากพอแล้ว” ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจ
นี่เป็นของวิเศษจากความพยายามหลังจากการหลอมสร้าง เชื่อมกับสารกาย ปราณ จิต ของเขา ดังนั้นพลังอาวรณ์จึงถือมันเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองในระดับหนึ่ง จึงทำให้ยกระดับได้เร็ว
บันทึกทักษิณอายุวัฒนะยกระดับอานุภาพของอัคคีเทพหงส์เพลิงถึงระดับไหนนั้นลู่เซิ่งไม่รู้ แต่พอรู้ว่า พลังควบคุมของตัวเองยังด้อยเกินไป หากไม่ระวังก็อาจเผาอีกฝ่ายทั้งเป็นได้
โลกใบนี้ขึ้นชื่อเรื่องเวลาที่ยาวนาน ของวิเศษแต่ละอย่างมีอายุเก่าแก่ พลังอาวรณ์ย่อมเปี่ยมล้นแน่นอน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าแค่อาวุธเวทชิ้นหนึ่งเมื่อก่อนหน้านี้ก็สั่งสมพลังอาวรณ์ไว้มากกว่าล้านหน่วยแล้ว
ดังนั้นความคิดของลู่เซิ่งในตอนนี้คือ พยายามชิงของวิเศษเท่าที่จะทำได้ และตรวจสอบข้อมูลของดวงตาแห่งความเลวทรามกับต้นไม้ยักษ์ไปด้วย
และหากคิดจะชิงของวิเศษ ก็จะขาดเคล็ดจักพรรรดิชาดผนึกดาวกับของวิเศษสำหรับอำพรางที่ทรงพลังไปไม่ได้
“ยกระดับอานุภาพของป้ายคำสั่งจอมขุนเขาไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด!” หลังลู่เซิ่งพักผ่อนชั่วครู่ ก็ออกคำสั่งกับดีปบลูทันที
อินเตอร์เฟซดีปบลูพร่ามัว
หมอกแสงสีทองสว่างไสวระเหยขึ้นจากผิวของป้ายคำสั่งจอมขุนเขา ลวดลายวิจิตรที่เก่าแก่ในตอนแรกเรียบง่ายขึ้นกว่าเดิมภายใต้การทะลักของพลังอาวรณ์จำนวนมาก
ขนาดของป้ายคำสั่งเริ่มหดลง
ลู่เซิ่งสัมผัสการเปลี่ยนแปลงด้านในอย่างละเอียด
การยกระดับของป้ายคำสั่งจอมขุนเขาเหมือนจะใช้บันทึกทักษิณอายุวัฒนะของเขาเป็นรากฐาน การทะลักของพลังอาวรณ์สอดคล้องกับเวลาในการหลอมสร้างของวิเศษชิ้นนี้ของเขา
ยิ่งพลังอาวรณ์มากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเขาหลอมสร้างของวิเศษชิ้นนี้มานานเท่านั้น
อย่างไรพลังปีศาจของเขาก็คือระดับวัฏจักรที่เจ็ดสิบเอ็ดแล้ว
ไม่นานนัก หลังจากมีพลังอาวรณ์มากกว่าหมื่นทะลักเข้ามา ป้ายคำสั่งจอมขุนเขาก็บรรลุถึงขีดจำกัด กลายเป็นสีทองเข้ม มีขนาดเพียงกำปั้น ด้านหน้าด้านหลังมีลวดลายที่งดงามซับซ้อนคล้ายกับหงส์เพลิง
ลู่เซิ่งถือป้ายคำสั่ง สัมผัสอิทธิฤทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าพลันฉายแววพอใจ
“ต่อไป ควรไปหาของวิเศษแล้ว…” ลู่เซิ่งหวนนึกถึงของวิเศษบางส่วนที่มีชื่อเสียงในสมัยบรรพกาล
พัดผานกู่ ระฆังโกลาหล สี่กระบี่สังหารเซียนอะไรอย่าเพิ่งไปพูดถึง ของวิเศษก่อนกำเนิดระดับนั้นถูกครอบครองในมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอด แต่ของวิเศษหลังกำเนิดควรมีไม่น้อย มีโอกาสหามาครองได้
อย่างนั้น สถานที่ที่มีของวิเศษมากที่สุด…ตอนนี้ควรจะอยู่ที่ สำนักยอดคน…หรือก็คืออุทยานสวรรค์!
ตูม!
เสียงดังสนั่นและการสั่นสะเทือน กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งเพิ่งเซ่นสรวงหลอมป้ายคำสั่งจอมขุนเขา รู้สึกเหมือนกับผืนดินสั่นสะเทือน
เสียงโหยหวนอึงอลเหลือคณานับดังขึ้นในหูเขา วินาทีนี้ สิ่งมีชีวิตในรัศมีหลายหมื่นลี้ต่างส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
นี่ความจริงไม่ใช่เสียง หากเป็นคลื่นสัญชาตญาณประหลาดชนิดหนึ่ง ที่ปรากฏเป็นเสียงเฉพาะการได้ยินของกายอริยะหงส์เพลิงเท่านั้น
“นี่คืออะไรกัน!?” ลู่เซิ่งขยายจิตวิญญาณ พุ่งไปยังต้นเสียงด้วยความเร็วสูง
เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่เจอตำแหน่งที่เสียงส่งมา
เขาเก็บป้ายคำสั่งจอมขุนเขา แล้วเหินร่างขึ้นไป
ผนังถ้ำเหนือศีรษะถูกชนและฉีกออกภายใต้พลังป่าเถื่อนอันไร้ความเกรงกลัวของเขา บันทึกทักษิณอายุวัฒนะวัฏจักรเจ็ดสิบเอ็ด ต่อให้หนึ่งวัฏจักรได้ยกระดับได้แค่ส่วนน้อย แต่เมื่อสั่งสมมากเข้า จำนวนก็จะกลายเป็นคุณภาพ เกิดเป็นความแข็งแกร่งของร่างกายที่น่าสะพรึงถึงขีดสุดของลู่เซิ่งในปัจจุบัน
เปรี้ยง!
เขาพุ่งออกจากใต้ดินในคราวเดียว ก่อนจะขึ้นมาตั้งหลักบนพื้น
ท้องฟ้าเกิดลมพัด เมฆรวมตัวกัน ชั้นเมฆนับไม่ถ้วนไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
ซู่!
ทันใดนั้นจุดแสงสีแดงว่องไวแปลกประหลาดสายหนึ่ง พลันพุ่งมาดุจสายฟ้าฟาด แล้วตกลงในมือเขา
“เสาสวรรค์หักโค่น! ฟ้ากับดินแยกจากกัน เกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว! พวกเจ้ารีบอพยพมาที่ดินแดนของเผ่าหงส์เพลิงโดยเร็วที่สุด ข้าลงมือเอง อาจจะปกป้องพวกเจ้าไว้ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่าอยู่ที่เดิม ป่าแห่งต้นไม้ยักษ์อยู่ใกล้กับเผ่าเวทเกินไป ถ้าสงครามระหว่างเผ่าเวทและปีศาจอุบัติ จะไม่มีที่กันชนอีกต่อไป”
เป็นข่าวจากอวี่ซวน และเป็นความสามารถที่มีเฉพาะในเผ่าหงส์เพลิง ส่งข่าวผ่านเพลิง
“เสาสวรรค์ เขาปู้โจ้วซานหรือ!?” ลู่เซิ่งได้สติทันที สีหน้าแปรเปลี่ยน
เขาปู้โจวซานถูกเทพธาราเอาหัวโหม่งจนหัก ตกตายร่วมกับจู้หรง ต่อจากนี้ควรเป็นหนี่ว์วาซ่อมฟ้า เพียงแต่เหตุใดอวี่ซวนถึงพูดว่าเผ่าเวทกับปีศาจจะเกิดสงครามใหญ่เล่า หรือว่า การที่เทพธาราโหม่งเขาปู้ซานถล่ม จะเป็นฝีมือของเผ่าปีศาจ
ไม่ใช่สิ บรรพชนเวทตายไปสองคน เผ่าปีศาจยากจะไม่คิดก่อการ! เกิดปัญหาใหญ่แล้ว!
ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำดิน อาศัยแค่กิจการเล็กน้อยของเขาไม่พอจะต้านทาน เผ่าหงส์เพลิงอยู่ที่สวรรค์ชั้นเก้าของอุทยานปีศาจ ที่จะหลบเลี่ยงภัยพิบัตินี้ได้
ลู่เซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบกลายเป็นเสาเพลิงบินเข้าไปในตำหนักหลักบนเนินเขาขาว เรียกแม่ทัพมารวมตัวกัน
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงการสั่นสะเทือนเมื่อครู่ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาปู้โจวซานจะถล่มลงมา
ไม่นานสามโลกบาล สี่ธรรมบาล และห้าราชาปีศาจของลัทธิแสงสว่างก็มารวมตัวกัน หลังจากปรึกษากันในเนินเขาขาวครึ่งชั่วยาม เผ่าปีศาจส่วนหนึ่งที่ไม่มีห่วง ยินยอมติดตามลู่เซิ่งไป อีกส่วนหนึ่งไม่เชื่อ ไม่ยินยอมไปจากบ้านเกิด
ลู่เซิ่งไม่บังคับ
และใช้แสงเพลิงที่อวี่ซวนใช้ส่งข่าวมาตอบกลับไป ติดต่อกับเผ่าหงส์เพลิง ทุกคนติดตามอวี่ซวนไปยังอุทยานสวรรค์ เพื่อหลบหนีภัยพิบัติ
อุทยานสวรรค์มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แค่นกไร้ขนไม่กี่หมื่นตัว เผ่าหงส์เพลิงย่อมมีที่ให้พักอาศัย
…
อุทยานสวรรค์ ตำหนักหงส์เพลิง
หญิงงามสวมอาภรณ์เมฆสีแดงอมม่วงคนหนึ่ง นำพาลู่เซิ่งเดินมายังตำหนักข้าง
“หัวหน้าเผ่าไปเข้าประชุมที่ตำหนักตงหวง เจ้าชื่อลู่เซิ่งหรือ สถานที่ที่พวกเจ้าอยู่ตอนแรกเป็นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับที่อยู่ของเผ่าหงส์เพลิง น่าจะไม่ได้งดงามเท่านี้กระมัง” นางชื่อเสี่ยวหนิง พูดถึงอายุ แก่กว่าลู่เซิ่ง ตอนนี้อายุห้าพันกว่าปีแล้ว
เพียงแต่เพราะอาศัยอยู่ในเผ่าเดิมเท่านั้น จิตใจจึงบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
“ข้าไม่เคยไปที่อยู่ของเผ่าหงส์เพลิงมาก่อน ไม่ทราบเป็นอย่างไร แต่คงจะไม่งดงามเท่าที่นั่นหรอก” ลู่เซิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ” เสี่ยวหนิงเลิกคิ้ว พร้อมแอบพิจารณาลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหลัง
ร่างสูงใหญ่บึกบึน เครื่องหน้าหล่อเหลาไร้ข้อบกพร่อง ผมสั้นสีทองสว่างไสว งดงามเจิดจ้าเหมือนกับแสงอาทิตย์แยงตา
เทียบกับบุรุษเพศผู้บอบบางที่งดงามกว่าสตรีเพศในเผ่า ประเภทกำยำอย่างลู่เซิ่ง เป็นประเภทที่นางชมชอบที่สุด
เสี่ยวหนิงหน้าแดง ตางามแอบเหล่มองลู่เซิ่งตลอดเวลา
“ที่นี่คือตำหนักข้างที่เอาไว้รับรองแขก เผ่าหงส์เพลิงของอุทยานสวรรค์ มีคนทั้งหมดสิบห้าคน จำนวนไม่มาก ตอนนี้ทุกคนกำลังยุ่งกับเรื่องอื่น จึงไม่มีใครอยู่” นางเหลียวมองก็ไม่พบใครแม้แต่คนเดียว
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งพยักหน้าเข้าใจ
“หัวหน้าเผ่าสั่งให้ข้าพาเจ้ามารอที่นี่ก่อน หลังจากนางประชุมจบ จะมารับเจ้า อย่างนั้นเจ้าก็พักผ่อนที่นี่ก่อนดีไหม” เสี่ยวหนิงถามเสียงแผ่ว
“ได้สิ รบกวนท่านแล้ว เสี่ยวหนิง” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“บังเอิญจริงๆ นะ พี่น้องคนอื่นไม่อยู่พอดี…” เสี่ยวหนิงนั่งลงข้างลู่เซิ่งเบาๆ
“ไม่อยู่หรือ พวกนางรับหน้าที่อะไรในอุทยานสวรรค์กัน” ลู่เซิ่งถามอย่างสนใจ
“แค่ขุนนางคีตะทั่วไป แต่เป็นเพราะเราได้รับความเอ็นดูจากจักรพรรดินีซีเหอ ดังนั้นตำแหน่งจึงนับว่าไม่เลว” เสี่ยวหนิงแลบลิ้น ดูแล้วน่ารักไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กสาวข้างบ้าน
ถ้าไม่ใช่เพราะรูปร่างสะโอดสะองร้อนแรงสมบูรณ์แบบและกลิ่นอายหงส์เพลิงเข้มข้นบนตัวนาง คงจะมองไม่ออกจริงๆ ว่านางเป็นสัตว์เทพหงส์เพลิงที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่แล้ว
“ขุนนางคีตะหรือ…” ต่ำกว่าที่จินตนาการไว้…ลู่เซิ่งกระจ่างในใจ
“พี่ใหญ่ลู่” เสี่ยวหนิงพลันเอ่ยขึ้นด้านข้างเบาๆ
“อะไรหรือ” ลู่เซิ่งหันไปถามอย่างสงสัย
“อาศัยโอกาสที่พวกพี่น้องไม่อยู่ พวกเราสองคนมาทำอะไรกันดีไหม” เสี่ยวหนิงหน้าแดงอย่างเขินอาย ถามเบาๆ อย่างหยาดเยิ้ม
“เอ่อ…” รอยยิ้มบนใบหน้าลู่เซิ่งพลันแข็งทื่อ
“ดีหรือไม่ พี่ใหญ่ลู่ ทำกัน ทำกันน่ะ! ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าครั้งแรกของเสี่ยวหนิงได้หรือไม่ ข้าขอบอกท่านเลยนะ กฎในหมู่เทพปีศาจตนอื่น บางตนเพื่อแสดงมารยาทกับอีกฝ่าย จะต้องทำกับอีกฝ่ายสิบวันสิบคืนถึงจะใช้ได้! อย่างตำหนักหงส์เพลิงของพวกเรามีน้อยมากๆ แล้ว”
“…” ลู่เซิ่งไร้คำพูดโต้ตอบ ทันใดนั้นเขาก็นึกออกว่า อุทยานสวรรค์ในตอนนี้มีเผ่าปีศาจปกครองเป็นหลัก และเผ่าปีศาจก็คือสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งหลายชนิดไม่ใช่หรือ
พิธีการยางอายอะไรที่ว่า เป็นกฎที่เกิดขึ้นมาหลังมนุษย์รุ่นหลังถือกำเนิดขึ้น สำหรับปีศาจแล้ว ไม่ได้มีหลักเกณฑ์อะไรมาก อยากกินก็กิน อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากทำก็ทำ ไม่ต้องกลัวอะไรเลย
เพราะมันเป็นธรรมชาติ
……………………………………….