ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 680 ขยับขยาย (2)
บทที่ 680 ขยับขยาย (2)
ลู่เซิ่งกวาดตามองชนเผ่าจิ้งจอกหยกอย่างไม่นำพา ปราณปีกขาวหลายสายซึมเข้าไปใต้พื้น จากนั้นก็ทะลักไปทางชนเผ่าจิ้งจอกหยกที่อยู่ด้านหน้า
ฟิ้วๆๆๆ!
เกิดเสียงดังเบาๆ สี่ครั้ง ชนเผ่าจิ้งจอกหยกสี่คนหน้าซีดพร้อมก่อน ก่อนจะล้มหงายลงไป
“พี่ใหญ่!”
“พี่ฉยง!”
นายพรานสองคนที่เหลือพลันตะลึงงัน ก่อนจะรีบเข้าไปประคองคนที่ล้มลง
แม้แต่นักพรตของสำนักกระเรียนพิสุทธิ์ก็ตกใจกับเหตุเปลี่ยนแปลงนี้ เหตุใดอยู่ๆ อีกฝ่ายก็ล้มลงไปเหมือนกับโดนวิชาปีศาจ
ลู่เซิ่งเดินไปถึงข้างบ่อน้ำพุเย็น บ่อน้ำพุทะลักออกมาจากกลางหลุมหินเล็กๆ สายน้ำกระจ่างใสปล่อยความเย็นเยียบเสียดกระดูกออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในอากาศยังมีกลิ่นหอมหลายสายฟุ้งกระจายอยู่อย่างเลือนราง จางมากเหมือนกับกลิ่นดอกไม้ แต่กลับทำให้ผู้คนยากจะมองข้าม
เขานั่งลงแล้วยื่นมือไปแตะน้ำพุ ความเย็นสายหนึ่งส่งมาตามนิ้วมือ
“นี่คือบ่อน้ำพุเย็นหรือ”
“ขอรับศิษย์พี่เฮ่อเจิน!” นักพรตคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาตอบ “ที่แล้วมาพวกเราใช้มันเพาะปลูกเมล็ดเย็น แต่ว่าชนเผ่าจิ้งจอกหยกนั่น…”
ตอนนี้ทุกคนมองออกแล้วว่า การล้มลงอย่างกะทันหันของชนเผ่าจิ้งจอกหยกจะต้องเกี่ยวกับเฮ่อเจินจื่อที่อยู่ๆ ก็โผล่มาผู้นี้แน่นอน
นักพรตเหล่านี้โล่งอก ในเมื่อเฮ่อเจินซื่อจื่อมีพลังแข็งแกร่งแบบนี้ ครั้งนี้บ่อน้ำพุเย็นน่าจะกำหนดตัวเจ้าของได้แล้ว
ตอนแรกทุกคนนึกว่าเรื่องนี้จะใหญ่โตขึ้นอีกนิดจนอาจารย์ทั้งสามมาพบแล้วออกหน้ามาจัดการ ทว่าการออกหน้าของเฮ่อเจินซื่อจื่อก็มีประสิทธิผลอย่างเดียวกัน
“เจ้าฆ่าพี่น้อง…พี่น้องของพวกเรา!?” ในที่สุดชนเผ่าจิ้งจอกหยกก็พบว่าคนที่ล้มลงไม่หายใจแล้ว สีหน้าต่างเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“หนวกหู!” ลู่เซิ่งลุกขึ้น ในเมื่อเตรียมจะเริ่มแผนการแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บงำพลังอีก
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาโบก ไอขาวกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นกลางนิ้งทั้งห้า ห่อหุ้มชนเผ่าจิ้งจอกหยกสองคนที่เหลือไว้
ไอขาวสลายไปอย่างรวดเร็ว ชนเผ่าอีกสองคนหมดลมหายใจในพริบตา ก่อนจะล้มลงและลุกไม่ขึ้นอีก
ความสามารถฆ่าฟันเช่นนี้ถึงขั้นทำให้พวกนักพรตจากสำนักกระเรียนพิสุทธิ์หวาดสะพรึงเช่นกัน
“เอาละ ที่นี่จบเรื่องแล้ว ถ้าเผ่าจิ้งจอกหยกมีปัญหาอะไรอีก ให้มาหาข้าโดยตรงก็แล้วกัน” ตอนนี้ลู่เซิ่งขาดข้ออ้างในการขยับขยายอาณาเขตของสำนักกระเรียนพิสุทธิ์อยู่พอดี
เขาต้องการให้ถ้ำราชากระเรียนขยับขยายและกลืนกินชนเผ่าทั้งหมดในรัศมีหลายพันลี้รอบๆ ด้วยความเร็วสูง โดยใช้จวนเยวี่ยอ๋องเป็นศูนย์กลาง
นักพรตที่เหลืออ้ำๆ อึ้งๆ ฆ่าคนแถมไม่ปิดบัง กำลังรอให้อีกฝ่ายมาแก้แค้นหรือ
ลู่เซิ่งกลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ หากรีบกลับไปอาราม แล้วนำเอาวิชามรรคาศิลาย้ายบรรพตที่เพิ่งได้มาออกมาศึกษาอย่างละเอียด
จุดลมปราณภายนอกที่จำเป็นต้องสร้างของคัมภีร์หลักเล่มใหม่มีอยู่สองจุด ดีกว่าคัมภีร์ปีกขาวนิดหน่อย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่
จุดลมปราณภายนอกสองจุดใหม่ จุดแรกคือเนตรกำเนิด อีกจุดคือจิกกระจ่าง
ตำแหน่งจิกกระจ่างอยู่ที่กลางลำคอ ใกล้กับคอหอย เป็นตำแหน่งที่ไวต่อความรู้สึกเป็นพิเศษ
หลังลู่เซิ่งกลับไปแล้วก็สั่งให้กระเรียนปีศาจหกตนจากสิบสองตนออกโรงกวาดล้างปีศาจธรรมดากับชนเผ่าที่อยู่รอบๆ
ในนี้รวมถึงหมู่บ้านจิ้งจอกหยกด้วย
กระเรียนปีศาจหกตนลงมือพร้อมกัน พวกมันซึ่งยึดมั่นคำสั่งของลู่เซิ่งอย่างเข้มงวดไม่มีการปรานีใดๆ ต่อเหล่ามนุษย์ หมู่บ้านจิ้งจอกหยกพินาศในหนึ่งวัน มีคนตายราวสองร้อยกว่าคน แต่กระเรียนปีศาจก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนโดยตายหนึ่งบาดเจ็บหนึ่งเช่นกัน
นี่ทำให้ลู่เซิ่งตกใจ และทราบว่าพลังของตนในวันนี้ยังอ่อนแอเกิน
จากนั้นก็เป็นเผ่าหนูเหล็กและเผ่าหมาป่าขาว ล้วนเป็นเผ่าขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ แต่พวกเขาไม่มีชนเผ่าระดับภูตปีศาจ กระเรียนปีศาจจึงขับไล่และสังหารกองกำลังต่อต้านได้อย่างง่ายดายยิ่ง
อาณาเขตของสำนักกระเรียนพิสุทธิ์ขยายใหญ่ขึ้นทีละขั้นๆ ตามเวลาที่ผ่านไป
ลู่เซิ่งประกาศกักตน ตราประทับประหลาดจากฉิงอ๋องเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เขาจ่ายค่าตอบแทนไม่น้อยถึงค่อยจัดการได้อย่างหมดจด
พึงทราบว่าตอนนี้เขามีพลังยุทธ์พันกว่าปีแล้ว แต่กลับถูกตราประทับผลาญพลังฝึกปรือไปเกือบหนึ่งในสิบ
ดังนั้นเขาจึงรีบยกระดับตัวเองทันที
ไม่นานนัก กระเรียนปีศาจก็ค้นหาเผ่าพันธุ์เล็กๆ ไปทั่ว แล้วส่งสินสงครามส่วนหนึ่งที่ได้รับมาถึงตรงหน้าเขา
ในนี้มีคัมภีร์การสืบทอดคล้ายๆ คัมภีร์หลักสองเล่ม แต่ว่าคัมภีร์หลักความเย็นในนี้เหมือนจะเป็นประเภทเดียวกัน วิธีการฝึกฝนจึงเหมือนกัน
หลังจากลู่เซิ่งนำมาพิจารณาดู กลับมีแต่สัจวิชาคัมภีร์หลักที่มนุษย์ภูผาหงอวี้มอบให้เท่านั้นที่ไม่มีจุดแปลกปลอม แต่ละขั้นตอนเชื่อมโยงกัน ดึงขนเส้นเดียวกระเทือนทั้งร่าง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก
แม้ข้อมูลจะน้อยไปหน่อย แต่ก็สมควรนำมาใช้พัฒนาคัมภีร์ปีกขาวได้
ขณะที่ลงมือทางนี้ ลู่เซิ่งยังได้สั่งให้ลงมือทางตำหนักเยวี่ยอ๋องเช่นกัน โดยเริ่มรวบรวมคัมภีร์เต๋าจำนวนมากพอจากทุกแห่งหน
ส่วนเขาหลบลงถ้ำใต้ดิน แล้วเริ่มการเรียนรู้วิชาครั้งใหม่
…
ไฟตะเกียงที่สลัวเหมือนกับเม็ดถั่ว โยกไหวตามลมเบาๆ
ลู่เซิ่งนั่งอยู่บนแท่นหินเย็นเยียบตามลำพัง ถือก้อนหินสีแดงสดทรงรีก้อนหนึ่งที่เหมือนถูกถ่านแดงละเลงสีไว้ในมือ
ในถ้ำมีกระแสอากาศไอเย็นไหลผ่านตลอดเวลา เวลานี้หากเป็นถ้ำปกติคงจะมีแต่แท่งน้ำแข็งและเสาน้ำแข็ง แต่ในถ้ำนี้กลับเป็นไอเย็นครึ่งหนึ่งไอร้อนครึ่งหนึ่ง
ลู่เซิ่งมองอินเตอร์เฟซตรงหน้าเขม็ง
‘นึกไม่ถึงเลย…นึกไม่ถึงจริงๆ…’ ก้อนหินในมือเขาเป็นภาชนะหินเก่าแก่ที่แย่งมาจากเผ่าจิ้งจอกหยก ว่ากันว่ามีอายุหลายพันปีแล้ว ถูกชนเผ่าใช้เป็นสมบัติบูชา
และเป็นเพราะแบบนี้ ตอนนี้ก้อนหินก้อนนี้จึงมอบพลังอาวรณ์จำนวนมากให้แก่เขาอย่างต่อเนื่อง
ทะลักเข้ามาด้วยความเร็วเกือบหนึ่งหมื่นหน่วยต่อวินาที
ตอนแรกลู่เซิ่งนึกว่าการขยายอาณาเขตแบบนี้ อย่างมากสุดคงได้ข้อมูลธรรมดาๆ นิดหน่อยเท่านั้น ตอนนี้กลับนึกไม่ถึงว่าจะยังมีผลประโยชน์ระดับนี้ด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เผ่าพันธุ์มากมายของที่นี่ต่างมีประเพณีคล้ายๆ กัน นั่นก็คือการบูชาบรรพบุรุษ
เครื่องมือบูชาหลากหลายรูปแบบได้เกิดขึ้นเพราะการบูชาบรรพบุรุษนี้
เครื่องมือทุกๆ ชิ้นนี้มีประโยชน์ที่ล้ำค่าต่อลู่เซิ่งเป็นอย่างยิ่ง
‘ดูเหมือนแหล่งที่มาของพลังอาวรณ์ต่อจากนี้ต้องพึ่งพาของพวกนี้เป็นหลักแล้ว’ ลู่เซิ่งค่อยๆ หลับตาแล้วมองไปยังกรอบคัมภีร์ปีกขาวในเวลานี้
ผ่านไปครึ่งวันแล้ว
ลู่เซิ่งดูดซับของเก่าแก่มาหลายสิบชิ้นแล้ว พลังอาวรณ์ในนี้มีทั้งเยอะมีทั้งน้อย ปริมาณรวมของพลังอาวรณ์เพิ่มขึ้นเกือบสามล้านหน่วย!
นี่ทำให้เขาทราบอย่างชัดเจนว่าโลกใบนี้มีศักยภาพเหนือกว่าจินตนาการแรกของเขา
‘เพิ่งขยับขยายอาณาเขตไปนิดเดียว แค่กลืนกินขุมกำลังของสามชนเผ่าก็ได้ประโยชน์มากขนาดนี้แล้ว…’ ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจ แล้วจรดสายตาที่ปุ่มปรับเปลี่ยนด้านล่างเครื่องมือปรับเปลี่ยน
อินเตอร์เฟซสั่นไหวแล้วเข้าสู่สภาพปรับเปลี่ยน
เขามองไปยังกรอบคัมภีร์ปีกขาว เป็นอย่างที่คาด ด้านหลังคัมภีร์ปีกขาวในเวลานี้ปรากฏปุ่มเรียนรู้แล้ว
‘เริ่มการเรียนรู้’ เขารวมจิตแล้วกดลงบนปุ่มเรียนรู้
กรอบทั้งกรอบพร่ามัว
ครู่ต่อมา กรอบก็ชัดเจนขึ้นใหม่
[คัมภีร์ปริศนา: สำเร็จ พลังยุทธ์: หนึ่งพันสามร้อยหกสิบปี (คุณสมบัติพิเศษ: ความเร็วขั้นห้า พละกำลังขั้นหนึ่ง พลังป้องกันขั้นสอง คุณลักษณะอมตะขั้นหนึ่ง)]
‘หือ คุณลักษณะอมตะเหรอ’ ลู่เซิ่งพลันงุนงง เพิ่งจะเรียนรู้คัมภีร์ปีกขาวก็มีคุณสมบัติพิเศษใหม่เอี่ยมโผล่มาหนึ่งอย่างแล้วหรือนี่
ดูจากแค่ชื่อที่เครื่องมือปรับเปลี่ยนตั้งให้โดยอัตโนมัติ คุณลักษณะอมตะนี้จะต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่
‘เสียพลังอาวรณ์มากขึ้นแล้ว…เรียนรู้ครั้งหนึ่ง ต้องใช้ถึงห้าพันหน่วย…’ ลู่เซิ่งค้นพบจุดผิดปกติอีกจุด
สีหน้าเขาเปลี่ยนแปลง พลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งกระจายไปทั่วร่างในพริบตาเพื่อสังเกตการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในทุกๆ ส่วน
‘เรียนรู้อีกระดับ’
เขาเพ่งสมาธิ แล้วกดลงบนปุ่มเรียนรู้อีกครั้ง
วาบ…
กรอบหายไป
ครั้งนี้พลังอาวรณ์หายไปหนึ่งหมื่นหน่วย
กรอบพร่ามัวอยู่สามสิบกว่าวินาที จึงค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
[คัมภีร์ปริศนา: สำเร็จ พลังยุทธ์: แปดร้อยยี่สิบเอ็ดปี (คุณสมบัติพิเศษ: ความเร็วขั้นสิบ พละกำลังขั้นสอง พลังป้องกันขั้นห้า คุณลักษณะอมตะขั้นสอง)]
‘มีอีกแล้ว…’ ลู่เซิ่งตกใจ
เวลานี้จิตวิญญาณของเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังอาวรณ์ในร่างกายกำลังหายไปอย่างอธิบายไม่ได้ โดยสิ่งที่มาแทนที่ก็คือ สนามแม่เหล็กชีวิตจำนวนมากกำลังค่อยๆ ยื่นออกมาจากหลังท้ายทอยของตนอย่างเป็นธรรมชาติ
สนามแม่เหล็กชีวิตพวกนี้หมุนวนด้วยความเร็วสูง แล้วหดมารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่งโดยอยู่ห่างจากท้ายทอยหนึ่งชุ่น ไม่นานก็กลายเป็นวังวนขนาดเล็กๆ ที่ซ่อนเร้นเสียจนมองไม่เห็น
‘หรือว่านี่จะเป็นคุณลักษณะอมตะ’ ลู่เซิ่งคาดเดาในใจ
เขามีลางสังหรณ์ว่า เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่ตนจะสัมผัสกับหนึ่งในความลับใหญ่สุดของโลกใบนี้เข้าแล้ว
เป็นไปได้มากว่าคุณลักษณะอมตะที่โผล่มาใหม่นี้เป็นตัวผลาญพลังอาวรณ์
‘ขอดูหน่อยเถอะว่าคุณลักษณะอมตะนี้ดูดซับพลังอาวรณ์ได้มากขนาดไหน!’ ลู่เซิ่งตัดสินใจเด็ดขาด
เขากดปุ่มเรียนรู้อีกรอบ
ครั้งนี้กรอบพร่ามัวลงเกือบยี่สิบนาทีโดยประมาณ แล้วค่อยชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
[คัมภีร์ปริศนา: สำเร็จ พลังยุทธ์: ห้าร้อยยี่สิบปี (คุณสมบัติพิเศษ: ความเร็วขั้นยี่สิบ พละกำลังขั้นสาม พลังป้องกันขั้นแปด คุณลักษณะอมตะขั้นสาม)]
มาถึงขั้นนี้แล้ว ลู่เซิ่งมองปุ่มเรียนรู้อีกรอบ กลับค้นพบอย่างงุนงงว่าด้านหลังกรอบว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
‘หมายความว่า วิชานี้เป็นระดับสูงสุดที่ดีปบลูเรียนรู้โดยอิงจากข้อมูลที่เรามีอยู่ในตอนนี้ได้แล้ว ส่วนที่พลังฝึกปรือตกลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นเพราะยิ่งวิชาอยู่ในระดับสูงหรือแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังยุทธ์ดั้งเดิมก็จะถูกสกัดและนำมาควบรวมกันจนความเข้มข้นสูงขึ้นมากเท่านั้น จากนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติ ดังนั้นเลยมีจำนวนลดลง’
ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจออกอย่างช้าๆ
ไอขาวพุ่งออกมาจากปากของเขา ถึงขั้นมีกลิ่นหอมที่บรรยายไม่ได้อีกสายหนึ่ง
เขายกมือขึ้น เห็นอาภรณ์ปีกสีขาวบริสุทธิ์ปกคลุมร่างตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
พอหลับตา จิตวิญญาณที่แข็งกล้าของเขาก็ ‘เห็น’ วังวนขนาดเล็กกลุ่มหนึ่งหลังท้ายทอยของตัวเองยืดหนวดที่เหมือนกับรากไม้นับไม่ถ้วนไปทั่วอากาศรอบๆ เหมือนกับอัญมณีโปร่งแสงทันที
คล้ายกับรากหนวดเหล่านี้ดูดซับสสารบางอย่างในอากาศ
‘ปราณจริงแท้หนักขึ้นเยอะเลย…’ เขายื่นมือออกไปจิ้ม ปราณจริงแท้สายหนึ่งไหลออกมาจากปายนิ้ว แล้วไหลลงไปอยู่บนพื้น
ปราณจริงแท้แบบนี้ถึงขั้นลอยไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่อาจผสมกับอากาศ แต่กลับผสมกับผืนดินได้อย่างแน่นหนาสุดขีด
ลู่เซิ่งกวาดดูร่างตัวเองหลายรอบผ่านจิตวิญญาณ นอกจากปัจจัยร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังคงไม่พบการเปลี่ยนแปลงใหญ่อะไร แต่เขาก็สัมผัสได้จากโลกอันลี้ลับว่า ระดับชีวิตของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติแล้ว
กลางความว่างเปล่า เหมือนจะมีโซ่ไร้รูปร่างจำนวนมากเชื่อมต่อกับเส้นสายบนร่างของตนเอง และพากันแตกออกมามากกว่าครึ่งตามการยกระดับวิชา
“เสี่ยวเจิน”
เขาส่งเสียงเรียกเบาๆ
“ท่านพ่อ”
ทันใดนั้น มีเงาสีขาวสายหนึ่งโผล่แวบออกมาแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น เป็นเสี่ยวเจินกระเรียนปีศาจที่มีหัวเป็นกระเรียนตัวเป็นมนุษย์นั่นเอง
“ไปตำหนักฉิงอ๋อง…” ลู่เซิ่งลืมตาช้าๆ “หยั่งเชิงดู ถ้าไม่มีอะไรต้องกริ่งเกง ให้ฆ่าฉิงอ๋องทิ้งซะ”
“พ่ะย่ะค่ะ! ลูกจะทำสุดความสามารถ!” เสี่ยวเจินกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เข้ามาใกล้ๆ” ลู่เซิ่งเอ่ยเบาๆ
เสี่ยวเจินเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ห่างจากลู่เซิ่งไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน
ทันใดนั้น วังวนด้านหลังลู่เซิ่งก็แบ่งเส้นสายหลายเส้นออกมา แล้วแทงเข้าไปในท้ายทายของมัน
ปราณจริงแท้จำนวนมากทะลักเข้าไปในร่างของมันอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวพลังยุทธ์เกือบห้าร้อยกว่าปีก็ไหลเข้าสู่ร่างของเสี่ยวเจินอย่างเงียบเชียบ
“เสร็จแล้ว ไปเถอะ” ลู่เซิ่งอยากจะเห็นเหมือนกันว่าคุณลักษณะอมตะนี้มีประโยชน์อะไร
เสี่ยวเจินไม่เข้าใจ แต่ก็ค่อยๆ ถอยออกมา ก่อนจะหายไปในทันใด
‘ถ้าหากสิ่งที่เราคาดเดาเป็นความจริง…อย่างนั้นครั้งนี้เราจะต้องเข้าใจจิตแห่งวัฏจักรและสร้างวิญญาณแห่งวัฏจักรได้แน่!’
ปราณจริงแท้ในตัวลู่เซิ่งฟื้นฟูด้วยความเร็วสูง แค่เพียงสองสามอึดใจปราณจริงแท้ทั้งหมดก็ฟื้นฟูกลับมาเท่าเดิม
‘ยังมีฉิงอ๋อง…’ ดวงตาของเขาฉายจิตสังหาร
………………………………………