ยอดวิถีแห่งปีศาจ - ตอนที่ 245 เก็บกวาด (1)
บทที่ 245 เก็บกวาด (1)
ฟ่อ…
เงาพร่ามัวสายหนึ่งอยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นข้างตัวฟางถานอย่างช้าๆ เสียงฟ่อๆ เหมือนเสียงงูดังมา
ยังไม่ทันเข้าใกล้ พวกฟางถานก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัว ขนลุกชูชันขึ้นมา
ไอปีศาจเข้มข้นหลายสายแผ่ขยายไปรอบๆ ปกคลุมอาณาเขตเล็กๆ เอาไว้
สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ไอปีศาจโอบล้อมอยู่ในอาณาเขตเล็กๆ นี้อย่างแนบแน่น ไม่รั่วไหลไปด้านนอกแม้แต่น้อย
“นี่…นี่คือ…!?” ฟางถานฟันกระทบกันดังกึกๆ ไอปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ นอกจากมหามารปีศาจแล้ว เขาก็นึกหาความเป็นไปได้ที่สองไม่เจออีก
ไอปีศาจเป็นไอที่พิเศษมากชนิดหนึ่ง พวกมันเหมือนกับหมอก แต่ก็ไม่ใช่หมอก สำหรับมนุษย์แล้ว ไอปีศาจเหมือนกับไอหมอกชนิดพิเศษที่สผมระหว่างกลิ่นกายปีศาจและคลื่นพลังมากกว่า
พลังชนิดนี้เป็นสีขาวปนเทาเหมือนกับหมอกมาก ทว่ากลับสูดดมกลิ่นได้จางๆ นั่นเป็นกลิ่นอายธรรมชาติที่เกิดตามสายพันธุ์ของมารปีศาจ บางกลิ่นอายก็มีฤทธิ์กัดกร่อนและอันตรายอย่างอื่น ถึงขั้นมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นควันพิษ
ตอนนี้พวกฟางถานได้กลิ่นเหม็นขึ้นมา เป็นกลิ่นงูที่ชัดเจนยิ่ง
“รีบหนี!” ฟางถานฉุดดึงจ่านหงเซิงพุ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่ง
แต่ว่าอยู่ๆ จังหวะที่เหมือนหัวใจเต้นพลันแผ่ขยายออกมา
พรวด
ฟางถานหน้าซีดขาว เกือบล้มลง อ้าปากกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง คุกเข่าลงกับพื้น ขยับตัวไม่ได้ชั่วขณะ
“พี่…พี่ใหญ่ฟาง! ช่วย…ช่วยด้วย” จ่านหงเซิงปวดหน้าอกอย่างรุนแรง มุมปากมีเลือดไหลออกมา สีหน้าซีดขาว สิ้นเรี่ยวแรง ทรุดล้มลงกับพื้น
“นี่คือ…มหามารปีศาจหัวใจร่วมขับขาน…หงเซิง! อดทนไว้…ข้าจะไปเรียกพวกอาจารย์ เจ้าต้องทนไว้!” ฟางถานฝืนยันตัวขึ้น เยื่อดำพลันสั่นไหว ไอสีดำวนเวียนทั่วร่าง มีแรงเพิ่มขึ้นมาในเวลาสั้นๆ เขาพุ่งปราดไปยังทิศทางที่อยู่ห่างจากมหามารปีศาจ พริบตาเดียวก็หายไปจากพื้นหญ้า
“พี่ใหญ่ฟาง…” จ่านหงเซิงพูดไม่ออกอยู่บ้าง ทว่าขณะมองเงาหลังที่ห่างออกไปของฟางถาน จิตใจนางก็เหมือนมีบางอย่างแหลกสลาย
“ข้าควรใช้สถานะอะไรดี” ทันใดนั้นเสียงประหลาดที่แหบและทุ้มต่ำก็ดังขึ้นมา
จ่านหงเซิงตกใจกลัง ทราบว่ามหามารปีศาจตนนั้นมาถึงแล้ว สามารถถูกเรียกเป็นมหามารปีศาจอย่างน้อยก็อยู่ในระดับอสรพิษขึ้นไป มหามารปีศาจระดับนี้ บางตนกายเนื้อกายแข็งแกร่งสุดเปรียบปาน จนเกิดสภาพประหลาดอย่างหัวใจร่วมขับขาน เกิดอยู่ในรัศมีการล่าของมัน ก็จะถูกเสียงหัวใจของมันกระแทกจนร่างชาดิก อวัยวะภายในเลือดไหล ไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับเหยื่อที่ติดบนใยแมงมุม รอคอยมหามารปีศาจเข้ามาจับกิน
นี่เป็นทักษะการล่าชนิดหนึ่งที่มหามารปีศาจซึ่งมีความเร็วไม่พอสร้างขึ้นมา ทว่าหลังจากพัฒนา ก็จะกลายเป็นวิชาปีศาจฝันร้ายที่ไม่มีจุดอ่อนให้จู่โจมได้
ตุบๆ…
ตุบๆ…
เสียงหัวใจเต้นค่อยๆ เข้ามาใกล้ อยู่ๆ เสียงหัวใจร่วมขับขานก็จางหายไป
จ่านหงเซิงหายใจหอบ จิตใจลิงโลด ไม่ทันแยกแยะว่าเพราะอะไร นางฮึดใช้แรงที่เหลืออยู่ กลิ้งไปหลังรถขนสินค้าด้านข้าง นั่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลังสิ่งของกองหนึ่ง
“เกือบเปิดเผยตัวตนแล้ว…อือ…หยุดใช้หัวใจร่วมขับขานไปก่อน” เสียงนั้นแว่วมาเบาๆ
หลังจากหอบหายใจ จ่านหงเซิงก็หันไปมองทิศทางของเสียงผ่านรอยแยกระหว่างสิ่งของ
ชายฉกรรจ์ที่มีหัวเป็นงูร่างเป็นคน พลันเข้ามาสู่คลองจักษุของนาง
หัวเป็นงูหลามสีดำ ร่างกายเป็นมนุษย์บุรุษ สวมเสื้อคลุมยาวสีดำอมเทา ทว่ายังคงมองเห็นเส้นสายอันกำยำข้างใต้เสื้อคลุมได้
จ่านหงเซิงเห็นดังนั้นก็โล่งใจ สายตาของมารปีศาจชนิดงูย่ำแย่ที่สุด ส่วนใหญ่อาศัยวิธีการอื่นๆ ตรวจสอบโลกภายนอก เช่นอุณหภูมิหรือกลิ่น
จ่านหงเซิงรีบใช้วิลาลับทางสายเลือด วิชาลับวิชานี้คือการปรับการหายใจและอุณหภูมิของร่างกาย นางพอดีเป็นศิษย์ของสำนักสวนปลอดโปร่ง สิ่งที่ถนัดก็คือการควบคุมอุณหภูมิ ถ้าหากเป็นคนอื่น คงจะซ่อนตัวไม่ได้
อุตส่าห์ผ่อนคลายได้แล้ว จ่างหงเซิงก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่ถางฟานทิ้งตนแล้วหนีไปตามลำพัง อดเจ็บปวดใจไม่ได้ ทว่าพออารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง วิชาลับก็เริ่มไม่เสถียร นางตกใจจนต้องรีบทำสมาธิ ไม่กล้าคิดเรื่องอื่นอีก
‘ทำไมที่นี่ถึงมีมหามารปีศาจเผ่างู’ จ่านหงเซิงพยายามเพ่งความสนใจไปที่คำถามข้อนี้
‘ที่นี่เป็นสถานที่รวมตัวของขบวนสำนักชัดๆ ผู้อาวุโสเจ้าสำนักที่มีพลังแข็งแกร่งก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ปีศาจงูตนเดียวต่อให้เป็นมหามารปีศาจก็ไม่น่าจะกล้าบุ่มบ่ามบุกมา’
นางพิจารณามหามารปีศาจที่หยุดใช้หัวใจร่วมขับขานแล้วอย่างถี่ถ้วนผ่านรอยแยก
ทว่าการมองในรอบนี้กลับทำให้นางหัวใจแทบหยุดเต้น
เห็นร่างส่วนศีรษะของมหามารปีศาจตอนนี้กำลังเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วที่ตาเนื้อมองเห็นได้ จากชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กำยำ ค่อยๆ กลายเป็นร่างของสตรีที่ผอมบาง
ส่วนหัวเปลี่ยนแปลงไป เกล็ดกลายเป็นผิวหนังมนุษย์ เครื่องหน้าเริ่มกลายเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย ผมยาวสีดำงอกถึงกลางหลังอย่างรวดเร็ว
‘นี่มัน!?’ จ่านหงเซิงแตกตื่น นางจำชื่อของคนที่มารปีศาจตนนี้เปลี่ยนร่างได้
นั่นคือเหอเซียงจื่อ! เป็นเหอเซียงจื่อศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนี้ของสำนักมารกำเนิด!
‘นี่มันอะไรกัน…?!’
“เลือกนางนี่แหละ เป็นคนที่เคลื่อนไหวได้สะดวกที่สุด” มหามารปีศาจเหมือนพึงพอใจกับวิชาเปลี่ยนร่างของตนมาก ตรวจสอบขึ้นลงสักพัก ไม่มีช่องโหว่ใดๆ พลันยิ้มแย้ม เดินไปยังรถม้าของสำนักมารกำเนิด
“ศิษย์พี่? ท่านเหตุใดอยู่นี่คนเดียว อาจารย์เล่า” ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากทิศทางหนึ่ง
จ่านหงเซิงงุนงง นางจำได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลู่เซิ่งศิษย์ผู้น่ารำคาญแห่งสำนักมารกำเนิดผู้นั้น
ลู่เซิ่งที่นึกว่าตนเองเก่งกาจ ไม่ว่ากับใครก็มักทำหน้าบึ้งตึงอย่างเย็นชาคนนั้น!
‘แย่แล้ว!’ นางนึกขึ้นได้ว่าลู่เซิ่งไม่รู้ว่าเหอเซียงจื่อนั่นเป็นมหามารปีศาจแปลงร่างมา ถ้าเข้าใกล้แล้วเกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย…
นางไม่กล้าคิดต่อ
‘ต้องรีบบอกเขาให้เร็วที่สุด’ นางพยายามขยับตัว ทว่าอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากหัวใจร่วมขับขานเมื่อครู่รุนแรงเกินไป ดังนั้นจึงขยับไม่ได้
“ศิษย์น้องลู่นี่เอง อาจารย์เล่า เจ้าเห็นหรือไม่ว่าอาจารย์อยู่ไหน” ‘เหอเซียงจื่อ’ ยิ้มพลางถาม
“ข้าตั้งใจซื้อของขวัญเล็กๆ ให้อาจารย์ หวังว่าเขาจะชอบ”
“อ้อ ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขาอยู่ข้างรถม้าคันหนึ่งทางเหนือ เขายังสนทนาอยู่กับฝูโหยวจินหยินเจ้าสำนักนภา” ลู่เซิ่งตอบ
“งั้นหรือ อย่างนั้นข้าไปหาเขาก่อน” ‘เหอเซียงจื่อ’ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ” ลู่เซิ่งเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว สตรีที่ผิวขาวราวหิมะคนหนึ่งอยู่ข้างกาย
“พอดีเลย ข้าจะไปหาอาจารย์ถามเรื่องระเบิดเมื่อครู่ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่พอดี รอบๆ มีคนน้อยมาก ทุกคนอาจไปตรวจสอบสถานการณ์แล้ว” สตรีนางนั้นกล่าวเบาๆ
“ได้” ลู่เซิ่งพยักหน้าเล็กน้อย
จ่านหงเซิงเห็นสตรีนางนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งเดินไปในทิศางตรงกันข้าม จึงโล่งอกเล็กน้อย
‘เหอเซียงจื่อ’ ที่เป็นมหามารปีศาจตนนั้นแปลงกาย เดินไปยังทิศเหนือเหมือนไม่มีเรื่องราวใด
จ่านหงเซิงใจเย็นลงเล็กน้อย ถ้าเจ้าสำนักระดับอสรพิษอยู่ด้วยกันสักสองคน อาจมีโอกาสมองการปลอมตัวของมารปีศาจตนนี้ออก
“จริงสิ” ทันใดนั้นเสียงของลู่เซิ่งก็ดังขึ้นอีก จนจ่านหงเซิ่งตกใจเคร่งเครียดขึ้นมา
“ศิษย์พี่ ท่านใส่เสื้อผ้าแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดข้าจำไม่ได้ว่าท่านชอบใส่แบบนี้”
“ข้าหรือ” ‘เหอเซียงจื่อ’ งุนงง “มีตรงไหนไม่ถูกต้องหรือ”
ลู่เซิ่งยิ้ม “ย่อมไม่ถูกต้อง ปกติท่านจะใส่เสื้อยาวกระโปรงยาว โดยเฉพาะที่แขนข้างขวา ตรงนั้น…”
“ตรงนั้นมีอะไร” ‘เหอเซียงจื่อ’ ถามอย่างสงสัย
“ตรงนั้นไม่ใช่มีรอยแผลเป็นที่สมานตัวไม่ได้ของท่านหรอกหรือ” ลู่เซิ่งย่นคิ้วถาม
“รอยแผลเป็นหรือ” ‘เหอเซียงจื่อ’ งงงัน นางยกแขนขวาขึ้นมาลูบๆ “นี่ไง เจ้ามาดู”
ลู่เซิ่งไม่เข้าใจสาเหตุ มองแขนของอีกฝ่ายอีกครั้ง ตรงนั้นปรากฏรอยแผลเป็นรอยหนึ่งจริงๆ
“ท่าน…”
ฟิ้ว!
แสงสีแดงสายหนึ่งแวบผ่าน
เงาร่างของ ‘เหอเซียงจื่อ’ ข้ามผ่านระยะห่างสิบกว่าหมี่ ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่ง ลิ้นงูสีแดงฉานในปากรัดคอของลู่เซิ่งไว้เหมือนแส้
ระยะห่างระหว่างทั้งสองพริบตาเดียวก็แทบแนบชิดติดกัน
“อย่างนั้นเจ้าบอกข้าหน่อยว่ารอยแผลเป็นนั่นมีลักษณะแบบไหน ครั้งนี้ข้าจะต้องเลียนแบบให้เหมือนอีกหน่อย…” บนใบหน้าปีศาจงูฉายรอยยิ้มแปลกประหลาด
ฟ้าว!
เขาคว้ากรงเล็บใส่ทรวงอกตรงที่ตั้งหัวใจของลู่เซิ่ง
เคร้ง!
กรงเล็บที่แทงใส่ทรวงอกของลู่เซิ่ง กลับส่งเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน ปีศาจงูพลันมีสีหน้าเปลี่ยนแปลง
ลู่เซิ่งก้มลงหน้ามองกรงเล็บที่ทรวงอกตนเอง จากนั้นก็มองไปที่ปีศาจงูที่หัวเป็นงูร่างกายเป็นคน ซึ่งเปลี่ยนกลับเป็นร่างเดิมตรงหน้า ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ
“สุดท้ายก็โดนเจอจนได้..ตอนแรกไม่คิดเปิดเผยตัวตนแท้ๆ…”
“!?” ปีศาจงูเบิกสองตา ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอันน่าสะพรึงกลัวทะลักออกมาจากร่างของอีกฝ่าย
มันตอบสนองไม่ทัน ก็เห็นร่างกายของลู่เซิ่งพองขยายใหญ่อย่างรวดเร็วเหมือนถูกเป่าลม
ท่อนล่างของเขากลายเป็นกีบเท้ายักษ์ที่ใหญ่โตเหมือนกับช้าง หางยักษ์ที่ด้านหลังเส้นหนึ่งยาวหนึ่งหมี่เต็มไปด้วยหนามสีดำน่ากลัว
ท่อนบนเหมือนห่อหุ้มด้วยสิ่งของประหลาดเหมือนเกราะอ่อนชั้นหนึ่ง กล้ามเนื้อใหญ่โตขึ้นและกลายเป็นสีดำ โดยเฉพาะบนแขนทั้งสองข้างและบนคอ เหมือนกับงูหลามยักษ์สีม่วงดำหลายตัวพันอยู่
ที่น่าผากมีเขาสีดำสนิทสามแท่งงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปากแยกไปถึงหู เต็มไปด้วยฟันแหลมหยัก แค่มองจากช่องปากเข้าไป ก็ทำให้คนสยิวกายแล้ว
ไม่กี่อึดใจ ลู่เซิ่งก็เปลี่ยนจากนักศึกษาอ่อนแอเป็นสัตว์ประหลาดดุร้ายที่สูงสามหมี่กว่าๆ
“เจ้า!” ปีศาจงูไม่คิดอะไร ใช้วิชาปีศาจเพิ่มพละกำลัง เกล็ดตั้งขึ้นทั่วร่างด้วยความเร็วสูง กล้ามเนื้อขยับอย่างบ้าคลั่งใต้ผิวหนัง รวบรวมพละกำลังกับพลังปีศาจ ซ้อนสองแขนป้องกันไว้ด้านหน้า
ตึง!
เสียงเหมือนกลองศึกทีขยายใหญ่ขึ้นถูกตีดังกึกก้อง
ปีศาจงูหุบสองแขนลง เพราะถูกกรงเล็บหยาบใหญ่ของลู่เซิ่งทุบใส่ เขาไม่กระเด็นออกไป หากแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่เหมือนต้นเสา
เพียงแต่ทั่วร่างสั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนกับกำลังรับแรงกดดันอันมหาศาลที่น่ากลัว
จ่านหงเซิงที่ซ่อนตัวในที่ลับพลันอ้าปากตาค้าง
จากที่กังวลในตอนแรกว่าลู่เซิ่งจะถูกปีศาจงูลอบสังหาร ต่อมาสภาพการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ลู่เซิ่งถึงกับกลายเป็นสภาพที่น่ากลัวแบบนี้ในพริบตาเดียว
นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ลู่เซิ่งไม่ใช่ศิษย์ที่เพิ่งสมัครเข้าสำนักมารกำเนิดหรอกหรือ แม้ว่านิสัยจะแปลกไปบ้าง ไม่เข้าพวก ทั้งยังชอบไม่ประมาณพลังตัวเองจนน่ารังเกียจ
กระนั้น…กระนั้น…การเปลี่ยนร่างอย่างกะทันหันนี้…ความห่างชั้นนี้ทำให้จ่านหงเซิงรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง
……………………………………….