ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 948 การถ่ายทอดพลัง
ตอนที่ 948 การถ่ายทอดพลัง
เมื่อจ้าวซือเหลาเปิดเผยความขมขื่นและความร้าวฉานในสมัยก่อนแล้วเย่เชียนก็สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุผลที่สาวกของหมิงม่อถอนตัวออกจากสำนักม่อจื๊อนั้นเป็นเพราะอะไร จริงๆ แล้วพวกเขาก็ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของม่อเฟิงอย่างเคร่งครัดและจุดประสงค์คือไม่ต้องการให้สำนักม่อจื๊อตกอยู่ในสงครามซึ่งจะนำไปสู่การล่มสลายของสำนักม่อจื๊อนั่นเอง
ฉันเชื่อว่าตู้ฟู่เหว่ยก็ชัดเจนเช่นกันไม่อย่างนั้นเขาคงจะไล่ล่าสาวกหมิงม่ออย่างแน่นอน เขารู้ดีว่ายังมีช่องว่างระหว่างสาวกอันม่อกับสาวกหมิงม่ออยู่มากดังนั้นหากสาวกหมิงม่อไม่ยอมล่ะก็สาวกอันม่อจะไม่มีทางชนะอย่างแน่นอน
“ฉันเองก็ยังแปลกใจเลยเมื่อได้ยินหวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดว่าม่อหลงยังมีชีวิตอยู่เพราะเท่าที่เรารู้มาลูกหลานของตระกูลม่อทั้งหมดเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนั้นและเราไม่ได้คาดหวังว่าเลยจะมีใครรอดชีวิตออกมาได้..การที่มีผู้สืบทอดที่แท้จริงปรากฏตัวออกมานั้นทำให้ฉันดีใจอย่างมาก” จ้าวซือเหลาพูด “สำนักม่อจื๊อถูกสร้างขึ้นโดยม่อจื๊อบรรพบุรุษของตระกูลม่อและตำแหน่งผู้นำก็ได้สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นเพราะงั้นเนื่องจากม่อหลงยังมีชีวิตอยู่แล้วเขาก็ควรจะได้เป็นผู้นำตามที่ควรจะเป็น..เราเองก็รู้การเคลื่อนไหวของสำนักม่อจื๊อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแต่เราไม่ได้คาดหวังว่าตู้ฟู่เหว่ยจะสมรู้ร่วมคิดกับลัทธิมารโดยตั้งใจจะล้มล้างโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณทั้งหมด..ซึ่งขัดกับกฎเจ็ดประการของสำนักม่อจื๊อ..ตั้งแต่ม่อหลงปรากฏตัวออกมาเราก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยม่อหลงให้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำเพราะงั้นถ้าหากตู้ฟู่เหว่ยปฏิเสธที่จะยอมจำนนล่ะก็มันจะเริ่มการต่อสู้ระหว่างสาวกทั้งสองฝ่ายอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” จ้าวซือเหลาพูด
“อาจารย์จ้าวครับอันที่จริงผมไม่ต้องการเป็นผู้นำของสำนักม่อจื๊อเลยผมแต่ต้องการความยุติธรรมให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับของตระกูลม่อ” ม่อหลงพูด “เนื่องจากคุณปู่เลือกที่จะให้สาวกหมิงม่อยอมแพ้การต่อสู้เพราะงั้นคุณปู่ของผมคงไม่ต้องการให้สำนักม่อจื๊อพังทลายเพราะการต่อสู้ภายในอย่างแน่นอน..ถ้าเราเริ่มการต่อสู้ระหว่างสาวกหมิงม่อกับอันม่อล่ะก็ผมคงละอายใจต่อคุณปู่อย่างมาก”
“นี่คือสิ่งที่เจ้าสมควรได้รับ..เหตุผลที่สาวกหมิงม่อของเราเลือกที่จะถอนตัวออกในตอนนั้นก็เพราะว่าตระกูลม่อไม่มีลูกหลานควบคู่กับคำสั่งของท่านผู้นำแล้ว..แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้วเพราะงั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของพวกฉันที่ต้องดูแลลูกหลานของตระกูลม่อให้กลับมากขึ้นครองตำแหน่งอีกครั้ง” จ้าวซือเหลาพูด “ส่วนสิ่งที่เจ้าอยากทำนั้นสาวกหมิงม่อจะสนับสนุนเจ้าอย่างสุดกำลัง”
“ใช่พี่ม่อหลงอย่าเพิ่งตัดสินใจเร็วเกินไปสิ” เย่เชียนพูดอย่างเห็นด้วย “ไม่มีใครรู้ว่าตู้ฟู่เหว่ยคิดอะไรอยู่และถ้าหากเขาเต็มใจที่จะยอมล่ะก็นี่ไม่ใช่ปัญหาเลยและมันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ ..แต่ถ้าเขาไม่ยอมมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่อยู่ดีที่สาวกทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอีกครั้ง”
ม่อหลงขมวดคิ้วแน่นและไม่พูดอะไรใดๆ
“แล้วม่อหนานล่ะ..อาจารย์จ้าวไม่มีข่าวเกี่ยวกับเขาบ้างเลยหรอครับ?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็เอ่ยปากถาม
จ้าวซือเหลาก็ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “เราทุกคนคิดว่าม่อหนานเสียชีวิตไปในการต่อสู้ครั้งนั้นแต่เราไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะมาอยู่ที่ญี่ปุ่นแห่งนี้..ม่อหนานนั้นเรียกได้ว่าเขาเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งของสำนักม่อจื๊อของเราและไม่ว่าจะเป็นด้านความฉลาดหลักแหลมหรือศิลปะการต่อสู้เขาก็ยอดเยี่ยมทั้งนั้น..ในสมัยนั้นเย่เจิ้งหรานพ่อของเจ้าได้ท้าทายปรมาจารย์ของสำนักและตระกูลต่างๆ และเอาชนะได้ทุกคนแต่ต่อมาพ่อของเจ้ามาเผชิญหน้ากับสำนักม่อจื๊อท้าสู้กับม่อหนานแล้วทั้งสองคนก็สู้กันสามวันสามคืนและสุดท้ายม่อหนานก็แพ้พ่อของเจ้าไปในที่สุด..อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าม่อหนานจะพ่ายแพ้แต่พ่อของเจ้าก็บอกว่าม่อหนานคือยอดฝีมือที่แท้จริงและการที่ม่อหนานแพ้เขานั้นไม่จำเป็นต้องเสียใจเลย..โลกภายนอกไม่รู้เรื่องนี้เพราะสำนักม่อจื๊อได้ปิดข่าวทั้งหมดเอาไว้และพ่อของเจ้าก็ไม่ได้แพร่กระจายเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นจึงมีแต่สำนักม่อจื๊อเท่านั้นที่รู้..ดังนั้นถ้าหากผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้คือม่อหนานจริงๆ ล่ะก็ฉันเองก็เชื่อว่าการรวมองค์กรใหญ่ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเข้าด้วยกันนั้นไม่ได้เกินความสามารถของเขาจริงๆ”
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะเงียบเพราะถ้าทั้งหมดนี้ถูกทำโดยอาของม่อหลงจริงๆ แล้วจุดประสงค์คืออะไร? เขาต้องการที่จะฟื้นฟูสำนักม่อจื๊องั้นหรือ? หรือเขากำลังพยายามที่จะจัดการกับตู้ฟู่เหว่ยกันแน่ หากเป็นกรณีนี้เขาสามารถติดต่อสาวกหมิงม่อโดยตรงเพื่อร่วมมือกันเพื่อจัดการกับตู้ฟู่เหว่ยได้ แต่เป้าหมายของเขาคือการทำลายโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณแล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้กันแน่?
อย่างไรก็ตามม่อหนานนั้นคงก็ไม่ทราบเกี่ยวกับการที่ม่อหลงยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? บางทีสิ่งต่างๆ อาจจะแก้ไขได้ง่ายขึ้นถ้าหากสามารถติดต่อม่อหนานได้ ซึ่งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเย่เชียนก็ถามว่า “อาจารย์จ้าวมีวิธีไหนบ้างที่คุณสามารถติดต่อม่อหนานได้..ถ้าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้คือเขาจริงๆ ผมคิดว่าม่อหลงควรจะไปพบเขาโดยเร็วที่สุดเพราะบางทีมันอาจจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้โดยที่ไม่มีการนองเลือด”
“ใช่แล้วถ้าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ เขาก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของฉัน” ม่อหลงพูด “ถ้าเราสามารถติดต่อกับเขาได้บางทีเราอาจจะแก้ปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายไปได้”
“ฉันจะลองหาทางดู” จ้าวซือเหลาพูด “ฉันจะให้สาวกของหมิงม่อทิ้งสัญลักษณ์ลับเอาไว้ทุกที่และถ้าม่อหนานเห็นเขาก็ควรจะติดต่อเรามา”
“ผมต้องรบกวนอาจารย์จ้าวด้วยนะครับ” เย่เชียนพูด “ผมต้องขอบคุณอาจารย์จ้าวสำหรับเรื่องของคืนนี้ด้วย..ถ้าไม่ใช่การช่วยเหลือของคุณผมเกรงว่าสิ่งต่างๆ คงจะไม่ราบรื่นแบบนี้”
“นี่เป็นหน้าที่ของฉันเหมือนกัน” จ้าวซือเหลาพูด “ม่อหลงเป็นผู้สืบทอดของสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นปัญหาของเขาก็เป็นปัญหาของพวกเราเช่นกัน..นอกจากนี้พวกนินจาญี่ปุ่นก็หยิ่งผยองเกินไปตั้งแต่สมัยไหนแล้ว”
เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ แต่ไม่ได้พูดเพราะจ้าวซือเหลาเองก็เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ผ่านยุคสมัยต่อต้านญี่ปุ่นดังนั้นความเกลียดชังของเขาต่อประเทศญี่ปุ่นจึงมากโดยธรรมชาติและเขาเองก็อยู่ในโลกศิลปะการต่อสู้จีนโบราณที่ผ่านการต่อสู้ในสนามรบมานับไม่ถ้วนและกวาดล้างการรุกรานของญี่ปุ่นมานานหลายปี ดังนั้นความภาคภูมิใจในชาติเกิดของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าคนทั่วๆ ไปมาก
จ้าวซือเหลาหันไปมองเย่เชียนแล้วพูดว่า “ฉันฟังหวงฟู่ชิงเตี๋ยนชื่นชมเจ้ามาหลายต่อหลายครั้งแล้ว..ในสายตาของตาแก่นั่นเจ้าดูเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก..ฉันเองก็ไม่เคยเชื่อในวิสัยทัศน์ของเขามาก่อนแต่คราวนี้เขาคิดถูก..เจ้าเป็นชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่หายากจริงๆ ..เจ้าจะก้าวข้ามพ่อของเจ้าได้อย่างแน่นอนในอนาคต..ฉันได้ยินหวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดว่าในเวลาน้อยกว่าสามปีเจ้าได้ขัดเกลาระดับศิลปะการต่อสู้จีนโบราณไปถึงระดับสูงได้ซึ่งนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้เลย”
“อันที่จริงมันเป็นเพราะพ่อของผมเพราะงั้นผมจึงมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ” เย่เชียนพูด
“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามเจ้าไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตนไปหรอก” จ้าวซือเหลาพูด “ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ม่อหลงเป็นพี่น้องกับเจ้าได้..เดี๋ยวเมื่อมีโอกาสฉันจะพาสาวกหมิงม่อทุกคนมาขอบคุณเจ้าและขอบคุณที่ดูแลม่อหลงสายเลือดของตระกูลม่อมาตลอดหลายปี”
“อาจารย์จ้าวก็พูดเกินไป” เย่เชียนพูด “ผมกับม่อหลงเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันเพราะงั้นเป็นธรรมดาที่เราจะดูแลกันและกัน..เพราะงั้นอาจารย์จ้าววางใจได้เลยเพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับม่อหลงในอนาคตผมเย่เชียนคนนี้จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเขาและผมจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไฟแรงกันจริงๆ ..ดูเหมือนว่ามันจะหมดยุคคนเฒ่าคนแก่อย่างฉันไปแล้วสินะ” จ้าวซือเหลาพูด จากนั้นเขาก็หันไปมองม่อหลงแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นผู้สืบทอดสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นเจ้าคงไม่โกรธเคืองฉันใช่มั้ยที่ฉันจัดการอะไรแบบคนโบราณน่ะ”
“ไม่เลยครับ..อาจารย์จ้าวเป็นผู้อาวุโสของสำนักม่อจื๊อเพราะงั้นผมเคารพอาจารย์อย่างใจจริง” ม่อหลงพูด
จ้าวซือเหลาก็พยักหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดว่า “เอาเถอะตอนนี้ฉันก็แค่คนแก่ๆ คนหนึ่งและมันก็หมดยุคของฉันแล้ว..ตอนนี้มันคือยุคสมัยของคนหนุ่มสาว..แต่ถึงแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะถูกบัญชาโดยปู่ของเจ้าก็ตามแต่พวกเราก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น..ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าที่จะตัดสินใจว่าเจ้าจะทำยังไงในอนาคต”
ม่อหลงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็มองไปที่จ้าวซือเหลาอย่างว่างเปล่าแล้วพูดว่า “ผมไม่เข้าใจว่าอาจารย์จ้าวพูดถึงอะไร”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้าวซือเหลาก็ยิ้มอย่างเฉยเมยและพูดว่า “ฉันแก่มากแล้วเพราะงั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บศาสตร์ศิลปะการต่อสู้โบราณนี้เอาไว้กับฉัน..มาทำให้มันมีประโยชน์กันมาเถอะ..เอาล่ะม่อหลงหันหน้ามาหาฉัน..เดี๋ยวฉันจะส่งทุกอย่างไปให้เจ้าเอง”
เย่เชียนกับม่อหลงถึงกับตกตะลึงและเย่เชียนก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ศิลปะการต่อสู้มันถ่ายทอดต่อกันได้ด้วยงั้นหรอครับ?”
“แน่นอน..แต่นี่ไม่ได้เกินจริงเหมือนในนวนิยายศิลปะการต่อสู้” จ้าวซือเหลาพูด “พลังงานส่วนใหญ่ที่นักสู้โบราณขัดเกลาเอาไว้จะถูกเก็บเอาไว้ในตันเถียนและมันก็จะถูกดึงออกมาใช้ในยามจำเป็น..ฉันกับม่อหลงนั้นเราเหมือนกันและศิลปะการต่อสู้โบราณตำราสำนักม่อจื๊อนั้นมีบางอย่างที่เหมือนกันเพราะฉะนั้นตราบใดที่ฉันถ่ายทอดพลังปราณในร่างกายของฉันเข้าไปในร่างกายของม่อหลงผ่านเส้นประสาทและจุดฝังเข็มของร่างกายล่ะก็มันจะซึมซับและไหลเข้าสู่ตัวของม่อหลงได้”
“ไม่..ผมรับเอาไว้ไม่ได้..ถ้าอาจารย์ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้มาให้ผมแล้วอาจารย์…” ม่อหลงค้านอย่างหนักหน่วง
จ้าวซือเหลาก็ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บศิลปะการต่อสู้ของฉันเอาไว้ในร่างกายของฉัน..มีแต่จะฝังลงหลุมไปพร้อมๆ กับฉันเท่านั้น..เจ้าไม่ต้องกังวลไปเพราะนี่ไม่ใช่นวนิยายศิลปะการต่อสู้ที่เมื่อถ่ายทอดให้อีกคนแล้วคนๆนั้นจะต้องตาย..มันไม่ใช่แบบนั้น..เดี๋ยวฉันจะกักเก็บพลังปราณเอาไว้เล็กน้อยเพราะงั้นไม่ต้องห่วง”
“ไม่..ถึงอย่างนั้นผมก็รับเอาไว้ไม่ได้” ม่อหลงพูด
“พี่ม่อหลง..นี่คือความตั้งใจของท่านอาจารย์จ้าวเพราะงั้นพี่ควรจะรับเอาไว้..ผมเห็นว่าอาจารย์จ้าวนั้นจริงใจมากและเขาก็อยากให้พี่แข็งแกร่งขึ้น..อีกอย่างอาจารย์จ้าวก็บอกแล้วว่าพี่อาจจะดูดซับมันได้ไม่หมดเพราะงั้นไม่มีอะไรที่ต้องเสี่ยงหรอก..พี่ต้องใช้พลังนั้นเพื่อทำสิ่งที่พี่ต้องการเพราะงั้นรับมันเอาไว้เถอะ” เย่เชียนพูด
จ้าวซือเหลาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว..คนหนุ่มสาวอย่าได้กลัวไปเลย..เย่เชียนพูดถูกเจ้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลม่อและสำนักม่อจื๊อจะต้องได้รับการฟื้นฟูในอนาคตดังนั้นอย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง..ตอนนี้เจ้าต้องทำจิตใจให้สงบและรวบรวมพลังปราณเอาไว้ในตันเถียน..เอาล่ะมันอาจจะเจ็บปวดเล็กน้อยในกระบวนการนี้..เจ้าห้ามถอยห่างเด็ดขาดไม่งั้นเจ้าจะโดนคลื่นพลังโจมตีและเจ้าจะสูญเสียพลังของเจ้าไป”
.
.
.