ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 932 รักไร้ขอบเขต
ตอนที่ 932 รักไร้ขอบเขต
เย่เชียนและหูวเค่อไปโรงพยาบาลและที่เหลือก็พาซงเจิ้งหยวนกลับไปที่บ้านของหวงฟู่ชิงเตี๋ยน
อาการของเย่เชียนนั้นโดนมีดเจาะเข้าไปที่แขนและเกือบจะโดนเส้นประสาทและเส้นลมปราณในร่างกายของเย่เชียนแต่ไม่ได้ทำร้ายเส้นประสาท ไม่อย่างนั้นแขนของเย่เชียนก็คงจะใช้การไม่ได้อีก อาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บนั้นไม่เป็นไรแต่ถ้าเส้นประสาทเสียหายล่ะก็เย่เชียนจะต้องเสียแขนไปข้างหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตามหูวเค่อก็ยังคงสะดุ้งและทำให้เธอเสียใจ เย่เชียนนั้นเคยได้รับบาดเจ็บมาเป็นเวลานานแล้วเมื่อตอนที่เขาเป็นทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและไม่ว่าจะอาการร้ายแรงหรือเล็กน้อยก็นับไม่ถ้วน ตามร่างกายของเย่เชียนนั้นมีแต่รอยแผลเป็นและบาดแผลจากกระสุนปืนและมีดบนร่างกายของเขา ซึ่งส่วนที่ร้ายแรงที่สุดคือรอยกระสุนพุ่งเข้าที่หน้าอกของเขาโดยตรงและห่างจากหัวใจเพียงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น ดังนั้นอาการบาดเจ็บครั้งนี้จึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวสำหรับเย่เชียนและยิ่งไปกว่านั้นนี่คือการปกป้องหูวเค่อมันจึงคุ้มค่า!
เมื่อพวกเขามาถึงโรงพยาบาลมีดที่แขนของเย่เชียนก็ไม่ได้ถูกดึงออกมาเพราะในตอนนั้นพวกเขาไม่แน่ใจว่ามีดนั้นเจาะเส้นประสาทหรือเปล่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าดึงมีดออกมาง่ายๆเมื่อพวกเขามาถึงโรงพยาบาลหมอก็ได้ตรวจสอบครู่หนึ่งและยืนยันว่าเมื่อมีดไม่เจาะเส้นประสาท ดังนั้นเขาจึงสั่งให้พยาบาลฉีดยาชาให้เย่เชียนแต่เย่เชียนนั้นปฏิเสธเพราะสมาชิกเขี้ยวหมาป่านั้นมีความต้านทานต่อยาชาเกือบทุกชนิดและไม่สามารถส่งผลกระทบใดๆกับพวกเขาได้
พยาบาลที่อยู่ข้างๆก็ถึงกับผงะเพราะเธอไม่เคยเห็นใครแข็งแรงและอดทนเท่าเย่เชียนมาก่อน เมื่อหมอดึงมีดออกเย่เชียนก็ไม่พูดอะไรสักคำอย่างไรก็ตามความเจ็บปวดนั้นก็ไม่สามารถจินตนาการได้จนเหงื่อหยดออกมาจากหน้าผากของเย่เชียนและมือข้างหนึ่งก็จับขอบเตียงเอาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อที่แขนของเย่เชียนนั้นเกร็งอย่างมากและคงจะเจ็บปวดอย่างมาก
ทันทีที่ดึงมีดออกเลือดก็พุ่งออกมาทันทีจนหูวเค่อน้ำตาไหลออกมา เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยโง่ไม่เป็นไร แค่แผลเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง”
“มันจะเป็นแผลเล็กๆน้อยๆได้ยังไงถ้ามันเข้าไปอีกนิดเดียวแขนของคุณก็จะขยับไม่ได้อีก” หมอพูดขณะใช้ยากับเย่เชียน “คนหนุ่มสาวไม่รู้จักถนอมร่างกายของตัวเองเอาซะเลย..คราวนี้โชคดีที่ไม่เป็นอะไรไม่อย่างนั้นคุณจะเสียใจไปตลอดชีวิต”
เย่เชียนก็ยิ้มเจื่อนๆและไม่ขัดจังหวะคำพูดของหมอ อย่างแรกเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายและถึงพูดไปหมอก็ไม่เชื่ออยู่ดี อย่างที่สองหมอคนนี้ก็เป็นหมอที่มีจรรยาบรรณที่ดีเพราะถ้าหากเป็นหมอปกติที่เห็นตัวเองแบบนี้พวกเขาก็จะตำหนิว่าเขาเป็นนักเลงที่ไม่สนใจการเรียนและเอาแต่ทะเลาะวิวาทกันตามท้องถนน ความแตกต่างคือพวกหมอพวกนั้นจะดูถูกเขาและแม้แต่จะเลี่ยงที่จะไม่รักษาเขาเลยไม่เหมือนหมอคนนี้
“นี่แฟนคุณเหรอ?” หมอหันไปมองหูวเค่อแล้วถาม
เย่เชียนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เขาเป็นภรรยาของผม”
“ไหนๆคุณก็มีภรรยาแล้วเพราะงั้นคุณควรรักตัวเองให้มากกว่านี้..ถ้าไม่คิดถึงตัวเองก็ควรคิดถึงภรรยาของคุณใช่ไหม..คุณอยากให้เธอเป็นห่วงคุณตลอดทั้งวันหรอ” หมอพูด “ผมเจอคนแบบคุณมาเยอะแล้ว..แต่คุณอาจจะไม่สนใจคำพูดของคนแก่คนเฒ่าอย่างผมหรอก”
เย่เชียนพูด “ไม่หรอกครับ..ผมจะไม่ปล่อยให้ภรรยาต้องเป็นกังวลอีกในอนาคต”
“เอ็งนี่ไม่เหมือนพวกหนุ่มสาวสมัยนี้เลย” หมอพูด “พวกคนหนุ่มสาวสมัยนี้ที่ผมเคยเจอมามักจะใจร้อนเวลาผู้ใหญ่พูดเรื่องนี้กับพวกเขา..แต่พวกนั้นก็ไม่สามารถทนความเจ็บปวดแบบคุณได้สักคน..เชื่อผมเถอะตราบใดที่คุณทำได้คุณจะสามารถมีอาชีพการงานที่ดีเป็นของตัวเองได้” หลังจากหยุดนิ่งราวกับกลัวว่าเย่เชียนจะไม่เชื่อหมอก็พูดเสริมอีกว่า “ผมอยู่มาตั้งนานแล้วและเจอคนมาก็เยอะเพราะงั้นการที่เรามีอะไรที่มั่นคงคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”
“ขอบคุณครับผมจะจำคำพูดของคุณเอาไว้” เย่เชียนพูด ทันใดนั้นเย่เชียนก็รู้สึกดีเพราะถ้าหมอคนนี้เป็นปู่ของเขามันจะดีแค่ไหน? เมื่อนึกถึงเย่เจียอู๋แล้วเย่เชียนก็รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยเหมาะสมกับคนที่เป็นปู่นัก อันที่จริงแล้วสิ่งที่เย่เชียนต้องการคือความรักแบบครอบครัว อย่างไรก็ตามเย่เชียนเข้าใจดีว่าความรักของผู้ชายก็เหมือนภูเขาตามคำกล่าวที่ว่าความรักของพ่อนั้นหนักแน่นดั่งภูเขาและความรักของแม่ก็เหมือนขุมนรก
อาการบาดเจ็บของเย่เชียนไม่ได้ร้ายแรงเพราะฉะนั้นหลังจากพันผ้าพันแผลแล้วเขาก็กินยาและจากไป แต่ก่อนจากไปหมอยังคงบอกเย่เชียนว่าอย่าเคลื่อนไหวรุนแรงใดๆและใช้กล้ามเนื้อแขนมากนักไม่งั้นบาดแผลจะฉีกขาดอีกครั้ง ท้ายที่สุดมันเป็นบาดแผลที่ทะลุไม่ง่ายที่จะหายดีนัก
หมอคนนี้ให้คำแนะนำที่ดีแก่เย่เชียนมากมาย หากหมอทั้งหมดในประเทศจีนเป็นเหมือนหมอคนนี้เย่เชียนก็เชื่อว่าจะมีอุบัติเหตุทางการแพทย์น้อยลงใช่ไหม?
หลังจากขึ้นรถแล้วเขาก็ขับรถไปที่บ้านพักของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนและเมื่อมองไปที่หูวเค่อซึ่งยังเศร้าอยู่เล็กน้อยเย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ยัยโง่อย่าเป็นแบบนี้สิ..อาการบาดเจ็บเล็กน้อยแบบนี้เดี๋ยวอีกไม่นานก็ดีขึ้น..หลังจากเรื่องนี้จบลงผมจะพาคุณไปหาแม่”
ในตอนนี้หูวเค่อตกอยู่ในอ้อมแขนของเย่เชียนและร้องไห้สะอื้นไห้เบาๆ หูวเค่อผู้ซึ่งเป็นอิสระและเข้มแข็งอยู่เสมอกลับไม่อดกลั้นด้านที่อ่อนแอของเธอได้ในขณะนี้ “จะร้องไห้ทำไม..นี่คือสิ่งที่น่ายินดีไม่ใช่เหรอ” เย่เชียนพูดต่อ “ผมไม่ได้เจอแม่มานานแล้วเพราะงั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับไปหาท่าน”
“คุณป้าจะ…” หูวเค่อถามอย่างประหม่า
“คุณกลัวว่าแม่จะไม่ชอบคุณเหรอ” เย่เชียนพูดพร้อมกับหัวเราะ “ลูกสะใภ้ทุกคนกลัวแม่สามีเสมอ..ไม่ต้องกังวลไปแม่ของผมต้องชอบคุณแน่ๆ”
“ใช่ครับลูกสะใภ้ที่สวยและนิสัยดีอย่างคุณแม่สามีของคุณต้องชอบแน่ๆเมื่อเห็น” คนขับแท๊กซี่อดไม่ได้ที่จะพูดแทรก “ตอนที่ผมพาภรรยาของผมไปพบแม่ของผมก็เป็นแบบนี้แหละ..เธอเองก็ประหม่าและแน่นอนว่าแรกๆแม่ของผมก็ไม่ค่อยชอบเธอนักแต่คนแก่น่ะเกลี้ยกล่อมง่ายมาก..ผมจะสอนเคล็ดลับให้ถ้าคุณพบแม่สามีเมื่อไหร่คุณต้องปากหวานกับท่าน..ผมรับรองได้เลยว่าแม่สามีจะต้องชอบคุณแน่ๆ”
“คุณฟังเอาไว้นะนี่แหละประสบการณ์ที่ดี” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากหยุดไปชั่วขณะเขาก็พูดต่อ “คุณคนขับครับคุณกับภรรยาของคุณแต่งงานกันมาหลายปีแล้วใช่มั้ย?..ดูเหมือนว่าพวกคุณทั้งสองยังรักกันมากอยู่เลยคุณมีเคล็ดลับอะไรบอกผมหน่อยสิ”
พูดถึงเรื่องนี้คนขับก็พูดจาฉะฉานจริงๆเพราะเมื่อเปิดประเด็นสนทนาขึ้นมาคนขับแท๊กซี่ก็พูดอย่างลื่นไหลและเย่เชียนก็แสดงความคิดเห็นและถามเป็นครั้งคราวเพราะส่วนใหญ่คนขับแท๊กซี่จะพูดเสียมากกว่า
ภายในบ้านของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั้นซงเจิ้งหยวนนั่งคุกเข่าต่อหน้าฮัวหยาซินอย่างสั่นเทา โดยมีหลี่เหว่ยเล่าถึงสิ่งที่ซงเจิ้งหยวนได้ทำลงไปก่อนหน้านี้และเมื่อได้ยินเช่นนั้นฮัวหยาซินก็ตัวสั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วตบหน้าซงเจิ้งหยวนอย่างรุนแรงและตะโกนว่า “นี่แกคิดอะไรอยู่?..แกทำอะไรลงไป?..ทำไมแกถึงทำแบบนี้?..ทำไมแกถึงสมรู้ร่วมคิดกับพวกนินจาญี่ปุ่น?..แกฆ่าพี่น้องของแกทำไม?”
“ท่านอาจารย์ผมผิดไปแล้ว..ผมหลงผิดไปมันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบโปรดยกโทษให้ผมด้วย” ซงเจิ้งหยวนอ้อนวอนต่อฮัวหยาซิน
“ให้อภัยแกงั้นเหรอ?..ฉันให้อภัยแกได้ยังไง?..ถ้าฉันทำแบบนั้นฉันจะมีหน้าไปพบพี่น้องที่แกฆ่าได้ยังไงกัน?” ฮัวหยาซินพูด
“ผมถูกพวกมันหลอกใช้..พวกมันสัญญากับผมว่าจะไม่ทำร้ายอาจารย์..ไม่ว่าผมจะเป็นคนเลวแค่ไหนถึงยังไงผมก็ฆ่าพี่น้องของตัวเองอย่างแน่นอน..ผมแค่อยากเป็นเจ้าสำนักหยุนหยานเหมินเท่านั้นเอง..ผมคิดว่าตราบใดที่ผมผู้นำของหยุนหยานเหมินล่ะก็เค่อเอ๋อร์จะต้องรักผมอย่างแน่นอน” ซงเจิ้งหยวนพูดต่อ “ท่านอาจารย์ทั้งหมดมันเป็นเพราะเย่เชียน..ถ้าไม่ใช่เพราะมันล่ะก็เค่อเอ๋อร์จะเปลี่ยนไปได้ยังไง..ยัยนั่นตกหลุมรักเย่เชียนและมันเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้”
“จนถึงตอนนี้แกก็ยังไม่สำนึกผิดอยู่ดีและแกยังโทษคนอื่นสำหรับความผิดพลาดของแกอีก” ฮัวหยาซินพูดอย่างโกรธเกรี้ยวอย่างมาก “บอกฉันมาสิว่าแกจะให้ฉันลงโทษแกยังไง?”
“ซินเอ๋อร์เธอไม่ควรไว้ชีวิตเขาแบบนี้เธอควรฆ่าเขาซะ” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “ฉันบอกเธอไปแล้วว่าเธอไม่ควรไว้ใจเขามากเกินไปแต่เธอก็ไม่ฟัง..เขาต้องการแหกกฎของสำนักหยุนหยานเหมินเพื่อที่จะขึ้นเป็นผู้นำแบบนั้นมันไร้สาระมาก!..ไอ้ลูกหมาตัวนี้ไม่เพียงแค่ไม่สำนึกบุญคุณเท่านั้นแต่กลับจะฆ่าเธอด้วยซ้ำ”
“ท่านอาจารย์ผมผิดไปแล้วผมรู้ว่าผมทำอะไรลง..โปรดยกโทษให้ผมอีกสักครั้งเถอะ” ซงเจิ้งหยวนยังคงก้มหน้าและอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ผทจะเชื่อฟังทุกอย่างในอนาคตและผมสามารถเปลี่ยนอดีตได้อย่างแน่นอน..ผมจะเป็นคนใหม่ขอแค่อาจารย์ให้โอกาสผมและยกโทษให้ผมก็พอแล้ว”
“ให้โอกาสแกอย่างงั้นเหรอ..แล้วแกเคยให้โอกาสศิษย์น้องคนอื่นๆบ้างหรือเปล่า?” ขณะที่เสียงนั้นจบลงหูวเค่อก็ช่วยพยุงเย่เชียนเดินเข้ามาจากประตูแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ท่านอาจารย์คะอย่าไปยกโทษให้ไอ้สารเลวนี่เลย..เขาไม่มีวันกลับตัวกลับใจได้อีก..สำนักหยุนหยานเหมินถูกทำลายโดยเขาเพราะงั้นถ้าอาจารย์ไม่ฆ่าเขาล่ะก็อาจารย์จะมองหน้าบรรพบุรุษของสำนักหยุนหยานเหมินได้ยังไง”
.
.
.
.
.
.
.