ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 929 ติดหนี้
ตอนที่ 929 ติดหนี้
ยากที่จะบอกได้ว่าหลี่เหว่ยนั้นเป็นคนโรแมนติกหรือขี้เล่นกันแน่แต่ข้อเท็จจริงก็สามารถอธิบายทุกอย่างได้และอาจเป็นไปได้ว่าหลี่เหว่ยมีความรู้สึกไม่มั่นคงอย่างมากเกี่ยวกับความรัก ดังนั้นเขาจึงมักจะแสวงหาความรักอย่างต่อเนื่องแต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้นั่นคือหลี่เหว่ยได้มอบความรู้สึกที่แท้จริงของเขาในทุกความรักกับทุกๆคน ดังนั้นจึงไม่มีผู้หญิงคนไหนเกลียดเขาจนถึงตอนนี้
ความรักคือสิ่งที่บางครั้งก็ไม่ชัดเจนเช่นกันและไม่มีถูกหรือผิดเพียงแต่ทั้งสองฝ่ายจะรับและรู้สึกไม่เหมือนกันนั่นเอง ทุกครั้งที่ความสัมพันธ์สิ้นสุดลงหลี่เหว่ยก็ยังคงอุทิศตนให้กับผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเขาและจะช่วยเหลือพวกเธอโดยไม่ลังเลเมื่อพวกเธอต้องการความช่วยเหลือ สามารถพูดได้ว่าเขารู้สึกผิดหรือหาข้ออ้างเพื่อปลอบใจตัวเองแต่ความจริงก็คือความจริงเพราะจนถึงตอนนี้ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับหลี่เหว่ยไม่มีใครเกลียดเขาเลยเช่นเดียวกับซือจื้อ
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซือจื้อแล้วหลี่เหว่ยก็รู้สึกไม่สบายใจและรีบพูดว่า “เอาล่ะอย่าร้องไห้ไปเลยฉันไม่อยากเห็นผู้หญิงร้องไห้มากที่สุด..เมื่อกี้นี้ฉันผิดเองที่พูดจาไม่ดีกับเธอ”
“รู้ตัวสักทีนะหลายปีที่ผ่านมาฉันคิดถึงนายตลอดเวลาจนฉันไม่สามารถกินหรือนอนได้เลย..นายอยู่ในใจฉันทั้งวันและดูฉันสิน้ำหนักของฉันลดไปตั้งเยอะ” ซือจื้อพูด
หลี่เหว่ยทำหน้ามุ่ยและครุ่นคิดอย่างลับๆ ‘ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะแย่มากเลยสินะ’ แต่หลี่เหว่ยย่อมไม่พูดออกมาเขาเพียงยิ้มอย่างละอายใจแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่ามันเป็นความผิดของฉันแต่นั่นมันก็ผ่านมาแล้ว..ตอนนี้เธอลากฉันมาโรงแรมแล้วและนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป..ลืมมันไปซะเถอะ”
“ฉันไม่สนถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ความรักจากนายก็ตามฉันขอแค่ร่างกายของนายก็พอแล้ว” หลังจากซือจื้อพูดจบเธอก็กระโจนเข้าหาหลี่เหว่ยทันทีและท่าทางของเธอก็ดูจริงจังมาก ซือจื้อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆเธอกลายเป็นแบบนี้หรือเป็นไปได้ไหมที่เธอควบคุมอารมณ์ไม่ได้? อันที่จริงซือจื้อเพียงต้องการมัดใจหลี่เหว่ยด้วยวิธีนี้
หลี่เหว่ยถึงกับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะมีที่นอนรอเขาอยู่บนเตียงมาก่อนแต่อย่างน้อยๆแต่เขาไม่เคยเจอแบบนี้ ในเวลานี้ซือจื้อก็ได้ใช้ท่วงท่าอันเร่าร้อนและยิ่งไปกว่านั้นในใจของหลี่เหว่ยซือจื้อก็ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมากแต่เขาก็ไม่สบายใจเช่นกัน
ซือจื้อไม่ใช่ผู้หญิงที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้แต่ภายใต้ความโหยหาอย่างสุดขีดหัวใจและสติของเธอก็บิดเบี้ยวไปอย่างสิ้นเชิง เธอหวังว่าจะใช้ร่างกายและทุกอย่างเพื่อมัดใจหลี่เหว่ยเอาไว้ “ซูซี่อย่าทำแบบนี้” หลี่เหว่ยผลักซือจื้อออกไปโดยหวังว่าเธอจะได้สติ ทันใดนั้นหลี่เหว่ยก็รู้สึกผิดอย่างแรงกล้าในหัวใจของเขาและรู้สึกว่าเขาได้ทำร้ายหัวใจของซือจื้อและทำร้ายจิตใจของเธออย่างมาก
“หึ…” ซือจื้อพยายามต่อสู้กับหลี่เหว่ยที่ขัดขืนอย่างบ้าคลั่งและไม่ยอมลดละแต่อย่างใด
“ซูซี่อย่าทำอย่างนี้” หลี่เหว่ยผลักซือจื้อออกไปอย่างรุนแรงเพราะเขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่รุนแรงจากช่วงล่างของเขา เขารู้ว่าถ้าเขาไม่หยุดเธอเขาจะต้องถูกความต้องการครอบงำจริงๆ ซือจื้อถูกผลักออกไปและไม่พูดอะไรและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา
“วันนี้ฉันทำไม่ได้ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะทำมัน..ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ” หลี่เหว่ยพูด สิ่งนี้เรียกได้ว่ามันเป็นหนี้ชีวิตและคาดว่านอกเหนือจากหลี่เหว่ยแล้วจะไม่มีคนอื่นในโลกนี้ใช่ไหมที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้? อย่างไรก็ตามประโยคถัดมาของซือจื้อก็ให้หลี่เหว่ยสะเทือนใจอย่างมาก
“เสียใจอะไรของนาย..การที่นายทำแบบนี้นั่นแหละที่ทำให้ฉันเสียใจ..อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาอ้าง” ซือจื้อพูด “การมีลูกด้วยกันมันยากนักเหรอ..ฉันรักนายฉันแค่อยากอยู่กับนาย..ต่อหน้าของนายแล้วฉันไม่สนใจศักดิ์ศรีของผู้หญิงหรืออะไรทั้งนั้นเพราะฉันรักนาย!”
หลี่เหว่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ซูซี่..ฉันเคยตาบอดในความรักมาก่อนและฉันไม่รู้ว่าฉันต้องการความรักแบบไหนและไม่รู้ว่าฉันมีความรักหรือเปล่า..แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันแน่ใจคือเธอแตกต่างไปจากคนอื่น..ฉันขอเวลาคิดหน่อยจะได้ไหม..ฉันสัญญาว่าระหว่างนี้ฉันจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย..เธอเข้าใจมั้ย?”
นี่เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่หลี่เหว่ยเคยทำมาเพราะเย่เชียนและเฟิงหลานได้พยายามปลูกฝังความคิดดังกล่าวในตัวเขาและหวังให้เขาพบความรักที่เหมาะสมและมั่นคง ถึงแม้ว่าหลี่เหว่ยจะต่อต้านด้วยวาจาอย่างมากราวกับว่าเขาไม่สนใจแต่คำพูดของทั้งสองก็ยังมีอิทธิพลที่ละเอียดอ่อนในใจของเขาอย่างมาก
ซือจื้อมองไปที่หลี่เหว่ยและพูดว่า “จริงเหรอ?..นายไม่ได้จะโกหกฉันใช่มั้ย?”
“ไม่!..ถ้าฉันโกหกเธอขอให้ฉันถูกรถชนตาย” หลี่เหว่ยสบถสาบานและเมื่อได้ยินเช่นนั้นซือจื้อก็รีบปิดปากของเขาแล้วพูดว่า “ไม่!..นายไม่ได้รับอนุญาตให้ตาย..ถ้านายตายฉันจะอยู่ยังไง”
หลี่เหว่ยยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เอาล่ะ..ตอนนี้เธอก็โล่งใจได้แล้ว..มาเถอะเรายังไม่เคยได้คุยกันดีๆเลยสักครั้งเพราะงั้นคืนนี้เรามาคุยกันเถอะ”
“ได้สิ!” ซือจื้อพยักหน้าเล็กน้อยและตอบ จากนั้นหลี่เหว่ยก็ช่วยพยุงซือจื้อมานั่งบนเตียงแต่ทันใดนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนเพราะหลี่เหว่ยไม่เคยคุยกับผู้หญิงหรือพูดคุยเกี่ยวกับความคิดของเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะพูดมากก็ตามแต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องไร้สาระและเรื่องเซ็กส์ซึ่งนั่นจะทำให้หลี่เหว่ยตื่นเต้นและพูดออกมาอย่างง่ายดาย
ในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้นพรรคพวกของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็โทรมาในที่สุดโดยบอกว่าพวกเขาได้รู้ที่อยู่ของซงเจิ้งหยวนและแหล่งกบดานของเหล่านินจาญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งพวกนั้นกบดานในโรงเรียนประถมที่ถูกทิ้งร้างนอกถนนวงแหวนที่ห้าและเคยเป็นโรงเรียนประถมที่ดีมากและคุณภาพการสอนก็ไม่ธรรมดาแต่ทว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วรถโรงเรียนกลับเกิดอุบัติเหตุหลายครั้งและในที่สุดก็ถูกรัฐบาลสั่งห้ามเปิดทำการเรียนการสอนอีก
ในตอนนั้นเหตุการณ์นี้น่าหดหู่ใจมากเพราะอุบัติเหตุรถโรงเรียนผลิกคว่ำทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 12 ราย และไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อมาก็เกิดอุบัติเหตุอีกครั้งโดยมีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 16 ราย ถึงแม้ว่าทางโรงเรียนจะจ่ายเงินชดเชยจำนวนหนึ่งและออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วชี้แจงว่าคนขับรถโรงเรียนเป็นพนักงานชั่วคราวแต่นี่ก็เป็นเพียงการปัดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
เดิมทีการอ้างว่าพนักงานชั่วคราวนั้นเป็นคำที่ดีแต่ทางครอบครัวผู้ประสบเหตุก็ไม่ยอมจนถึงที่สุด การแถลงการณ์ต่อสื่อว่าลูกจ้างชั่วคราวมาทำหน้าที่คนขับรถและเมื่อรถโรงเรียนประสบอุบัติเหตุก็จะไม่มีความผิดอย่างงั้นหรือ? ซึ่งถ้าหากบ้านพังตึกถล่มจนมีคนเสียชีวิตหลายรายก็จะโทษว่าคนงานก่อสร้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้หรือไม่? ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้านายชั่วคราวหรือลูกจ้างชั่วคราวก็ตามแต่ถ้าหากองค์กรนั้นๆรับคนเช่นนี้มาทำงานให้กับบริษัทหรือองค์กรของตัวเองแล้วล่ะก็พวกเขาต้องยอมรับความผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เนื่องจากผลกระทบครั้งใหญ่ของเหตุการณ์นี้ผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนี้จึงถูกจับเข้าคุกโดยตรงและโรงเรียนประถมแห่งนี้ก็ถูกสั่งปิดอย่างเป็นทางการจนถูกทิ้งร้าง ต่อมาผู้พัฒนารายหนึ่งได้ซื้อที่ดินไปแต่ติดปัญหาเงินทุนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขและกระบวนการอนุมัติการสร้างต่างๆก็ยังไม่แล้วเสร็จจึงถูกระงับโครงการเอาไว้
อาการบาดเจ็บของฮัวหยาซินไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอีกต่อไปและเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงที่สำนักหยุนหยานเหมินถูกทำลายภายใต้การดูแลของเธอแล้วเธอก็รู้สึกผิดอย่างมากและเสียใจต่อบรรพบุรุษของสำนักหยุนหยานเหมิน ในตอนนี้ฮัวหยาซินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ฉันต้องการมีส่วนร่วมในภารกิจคืนนี้เพราะฉันจะเป็นคนฆ่าซงเจิ้งหยวนด้วยมือของฉันเอง” ถึงแม้ว่าเธอจะพูดอย่างหนักแน่นแต่ดวงตาของเธอก็ฉายแววโศกเศร้าอย่างชัดเจน ท้ายที่สุดซงเจิ้งหยวนก็เป็นศิษย์เอกของเธอและเป็นลูกศิษย์ที่เธอรักที่สุดแต่ลูกศิษย์คนนี้กลับทำในสิ่งที่ไม่มีวันได้ชดใช้และไม่สามารถให้อภัยได้
“ซินเอ๋อร์อาการบาดเจ็บของเธอยังไม่หายดีเพราะงั้นอยู่พักรักษาตัวที่นี่เถอะ..ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง..ฉันสัญญาว่าจะจับซงเจิ้งหยวนมาแบบมีชีวิตและให้เธอจัดการกับมันเอง” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด
“ใช่ค่ะท่านอาจารย์..คราวนี้คนของหน่วยมังกรซ่อนเล็บของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติจะเป็นทีมรับผิดชอบเรื่องนี้..ส่วนผู้อำนวยการหวงฟู่จะเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการ..ซึ่งฉันกับเย่เชียนก็จะเข้าร่วมด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด” หูวเค่อก็พูดอย่างเห็นด้วยว่า “อาจารย์พักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่าเพราะถ้าอาจารย์ไปในสภาพแบบนี้ทุกคนจะคอยเป็นกังวลนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฮัวหยาซินก็พูดว่า “ฉันจะทนแบบนั้นได้ยังไงเพราะนี่คือความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยุนหยานเหมิน..ในฐานะเจ้าสำนักแล้วฉันจะเพิกเฉยได้ยังไง?..ฉันคงไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษของสำนักหยุนหยานเหมินอีกแล้ว”
“อาจารย์ฮัวครับนี่ไม่ใช่เรื่องของสำนักหยุนหยานเหมินอีกต่อไปแล้วเพราะมันเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนชาวจีน!” เย่เชียนพูด “การกระทำของพวกนินจาญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจนเพราะงั้นในฐานะคนจีนแล้วผมจะไม่นั่งอยู่เฉยๆเหมือนกัน..นอกจากนี้ถ้าอาจารย์ฮัวไปด้วยหูวเค่อก็จะกังวล..ผมน่ะเข้าใจความรู้สึกของคุณดีเพราะงั้นท่านพักผ่อนอยู่ที่นี่และปล่อยให้พวกผมจัดการดีกว่า..ถึงเวลาแล้วที่เด็กรุ่นใหม่จะได้แสดงความสามารถเพราะพวกเราไม่สามารถอยู่ใต้ร่มเงาแห่งความรุ่งโรจน์ของยุคพวกคุณตลอดไปได้” จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วพูดว่า “ปู่ก็ด้วยอย่าไปที่นั่นเลย..ปู่ควรอยู่ที่นี่คอยดูแลอาจารย์ฮัว..ปู่ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าพวกมันกล้าบุกมาลอบโจมตีพวกเราถึงที่เพราะงั้นมันไม่มีอะไรแน่นอนว่าพวกมันจะไม่กลับมาที่นี่อีกหลังจากที่พวกเราเคลื่อนไหว..ถ้ามีปู่อยู่ที่นี่คอยดูแลอาจารย์ฮัวล่ะก็เราจะสบายใจได้”
“นั่นสิ..ได้เลย!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพยักหน้าแล้วพูดว่า “สิ่งที่เอ็งพูดมานั้นก็สมเหตุสมผลดี..เอาล่ะฉันจะมอบทีมปฏิบัติการของหน่วยมังกรซ่อนเล็บให้เอ็งคุมชั่วคราว..ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ต้องจัดการพวกมันให้ได้..อย่าให้พวกมันได้เห็นแสงตะวันในวันพรุ่งนี้อีก!”
.
.
.
.
.
.
.