ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 897 ลองเสี่ยง
ตอนที่ 897 ลองเสี่ยง
เย่เชียนนั้นไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ชางกวนหยานยู่พูดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่าแต่เย่เชียนก็เต็มใจที่จะลองดูเพราะถึงแม้ว่าชางกวนหยานยู่จะหลอกเขาแต่เขาก็ไม่ได้เสียอะไรอยู่แล้ว อย่างมากที่สุดเขาก็แค่ต้องใช้วิธีการอื่นแต่ถ้าหากสิ่งที่ชางกวนหยานยู่พูดนั้นเป็นความจริงวิธีนี้ก็ย่อมดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมองไปที่ดวงตาของชางกวนหยานยู่แล้วดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกหกและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนก็เคยเห็นลูกหลานมหาเศรษฐีมากมายที่หวังจะฮุบสมบัติและมรดกของตระกูล ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยที่ชางกวนหยานยู่จะทำเช่นนั้นจริงๆ ในตอนนี้ตู้ซุนก็จัดห้องส่วนตัวVIPให้ชางกวนหยานยู่และหาผู้หญิงสวยๆมาบริการเขา ซึ่งตู้ชุนก็ยังคงให้บอดี้การ์ดสองสามคนคอยเฝ้าเขาอยู่ที่ด้านนอกประตู
ในล็อบบี้คาสิโนที่ชั้นหนึ่งเย่เชียนกับเฟิงหลานก็ไปเที่ยวเล่นแต่เฟิงหลานก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “บอสนี่เป็นคำพูดของชางกวนหยานยู่นะมันจะเชื่อได้เหรอ”
เย่เชียนก็ยิ้มอย่างเฉยเมยแล้วพูดว่า “ที่นี่คือคาสิโนและทุกคนที่นี่ก็มาเพื่อพนันเพราะงั้นผมก็ยินดีที่จะเดิมพันสักครั้ง..ถึงแม้ว่าสิ่งที่ชางกวนหยานยู่พูดจะเป็นแผนการของเขาก็เถอะแต่ไม่เป็นไรเพราะจะเขาไม่สามารถหนีไปจากเงื้อมมือของพวกเราได้..แต่ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงนี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดและผมเชื่อว่ามันจะเป็นไปอย่างราบรื่นอีกด้วย”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ” เฟิงหลานถาม
“เราต้องรอชางกวนอู๋เต๋อมาถึงก่อน” เย่เชียนพูด “แค่ทำตามแผนของชางกวนหยานยู่เพราะผมคิดว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงเพราะผมเคยเห็นลูกหลานมหาเศรษฐีทำแบบนี้มาเยอะ..แต่เราต้องให้ตู้ซุนเตรียมบอดี้การ์ดมาเพิ่มเพราะเมื่อชางกวนอู๋เต๋อมาที่นี่ผมก็อยากรู้ทุกย่างก้าวการเคลื่อนไหวของเขา..ท้ายที่สุดถ้าชางกวนหยานยู่หลอกพวกเราล่ะก็อย่างน้อยๆเราจะไม่ให้พวกเขาได้ออกไปจากมาเก๊าแห่งนี้”
“รับทราบครับบอส” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วตบไหล่เฟิงหลานพร้อมกับพูดว่า “แท้จริงแล้วชีวิตคือการพนันและถ้าเราเดิมพันถูกเราก็จะก้างหน้าแต่ถ้าเราพนันผิดมันก็แค่ความผิดพลาดครั้งเดียว..มันอยู่ที่ว่าเราจะกล้าเดิมพันมั้ย..โชคมักจะเข้าข้างคนที่กล้าเพราะงั้นผมก็ยินดีที่ขจะเสี่ยงโชค”
เฟิงหลานก็ถึงกับผงะเล็กน้อยพยักหน้าจากนั้นก็พูดว่า “บอสเป็นเสาหลักจิตวิญญาณเขี้ยวหมาป่าของเราและหลายปีที่ผ่านมาการตัดสินใจทุกอย่างของบอสก็ได้รับการพิสูจน์แล้วดังนั้นพวกเราทุกคนก็ยินดีที่จะเชื่อในตัวบอสอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ..ถึงแม้ว่าการเลือกของบอสจะผิดพวกเราก็ไม่เสียใจ”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “จริงๆแล้วพี่น้องของเราทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองและสมาชิกผู้ก่อตั้งก็เหมือนกัน..ซึ่งพวกเรามีความเชื่อที่ทำให้เราผนึกกำลังกันอย่างแน่นแฟ้น”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันอย่างดุเดือดและไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันไปมองแล้วถึงกับตกจะตะลึงเพราะเธอเป็นคนที่เขาคุ้นเคยมากและเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนดูเหมือนว่าเธอจะผอมลงและมีแววตาที่เศร้าสร้อยอย่างมากแต่ร่างกายของเธอก็ยังมีความล่อตาล่อใจอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ที่ห้องล๊อบบี้แขกหลายคนก็หันมามองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจ อย่างไรก็ตามหลังจากเหลือบมองไปชั่วครู่ทุกคนก็หันกลับมาและไม่สนใจที่จะดูต่อเพราะของแบบนี้พวกเขาเห็นมาเยอะแล้วและไม่ค่อยมีอะไรให้ดู จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองเฟิงหลานแล้วถามว่า “พี่รู้มั้ยว่าคนเหล่านั้นเป็นใคร”
“พวกนั้นคือพวกปล่อยเงินกู้” เฟิงหลานพูด “คาสิโนทุกแห่งมีพวกปล่อยเงินกู้อยู่และในทางกลับกันพวกเขาจะคอยเป็นหูเป็นตาและดูแลความปลอดภัยของคาสิโนไปด้วยเพราะพวกเขาสามารถจัดการตัวปัญหาต่างๆได้..ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงเป็นหนี้พวกเขาเพราะงั้นพวกเขาถึงได้ทำแบบนั้น”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คาสิโนแห่งนี้เป็นดินแดนของเราและมันถูกกำหนดโดยพวกเราเพราะงั้นมันน่าเสียดายถ้าจะปล่อยให้ใครเข้ามาแทรกแซง..ซึ่งตอนนี้พวกเขากำลังสร้างปัญหาในคาสิโนของเราเพราะงั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยใช่มั้ย..ไปดูกันเถอะ”
เฟิงหลานพยักหน้าตามและส่งข้อความถึงตู้ซุนอย่างเงียบๆเพื่อบอกให้เขาลงมาที่นี่โดยเร็ว
“ฉันบอกเธอแล้วว่าถ้าเธอไม่คืนเงินฉันล่ะก็ฉันจะจับเธอไปขาย..เธอสวยขนาดนี้เพราะงั้นเธอน่าจะทำเงินได้ไม่น้อยเลย” ชายอ้วนหัวโล้นคนหนึ่งพูด
“แค่100,000หยวนเอง..ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะจ่ายคืนเร็วๆนี้” หญิงสาวพูด “ฉันรู้ว่าคุณต้องการแบล็กเมล์ฉันและต้องการจะโกงฉัน..คุณคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอ”
“หืม..เธอก็น่าจะรู้ว่าธุรกิจของพวกเราเป็นยังไง..เราเป็นองค์กรที่ปล่อยเงินกู้เพราะงั้นถ้าฉันให้เธอยืมหนึ่งแสนเธอก็ต้องจ่ายคืนมาหนึ่งล้าน” ชายอ้วนหัวโล้นพูด “เธอรู้มั้ยว่าที่นี่คือมาเก๊าและมันเป็นที่ของฉัน”
“ช่างเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่จริงๆ” เย่เชียนสูดลมหายใจอย่างเย็นชาและเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “คุณรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน..แล้วที่ไหนคือที่ของคุณ?”
เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงใครบางคนแทรกเข้ามาเธอจึงหันไปมองและเธอก็ถึงกับตกตะลึงและการแสดงออกของเธอก็ดูตื่นเต้นอย่างมากจนร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้และพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็หันไปมองเธอและยิ้มให้
ชายอ้วนหัวโล้นก็มองไปที่เย่เชียนอย่างดูถูกเหยียดหยามและพูดว่า “แกเป็นใครวะน้องชาย..แกต้องการเป็นฮีโร่ช่วยผู้หญิงงั้นเหรอ..นี่แกไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นใคร?”
“อย่ามาพูดกับผมแบบนี้..ผมไม่มีพี่ชายอย่างคุณ!” เย่เชียนพูด “สำหรับผมแล้วคุณมันก็ได้แต่พูดคุณควรรู้ว่าอะไรควรไม่ควรนะ”
“พูดได้ดีนี่” ชายอ้วนหัวโล้นพูด “เอาล่ะถ้างั้นฉันขอถามแกหน่อยเถอะว่าแกจะให้ฉันทำยังไงเพราะเธอเป็นหนี้ฉันแล้วไม่ยอมจ่ายคืน..แบบนี้ฉันทำผิดงั้นเหรอ..ถ้าเธอไม่จ่ายเงินคืนเธอก็ควรชำระหนี้ด้วยร่างกายของเธอ”
“คุณเป็นหนี้เขาเท่าไหร่?” เย่เชียนหันไปมองที่ผู้หญิงคนนั้นแล้วถาม
“ฉันขอยืมเงินไปหนึ่งแสนหยวนเมื่อสองวันก่อนแต่ตอนนี้เขากลับให้ฉันคืนเขาหนึ่งล้านหยวน” หญิงสาวเหลือบมองเย่เชียนอย่างขอโทษและพูด
“ตามกฎของเราดอกเบี้ยคิดเป็น30%ของเงินต้นและจะต้องไม่เกินนี้เพราะงั้นถ้าเธอยืมคุณไปหนึ่งแสนและกำหนดว่าจะคืนเร็วๆนี้ถ้างั้นดอกเบี้ยก็คิดได้แค่เดือนเดียวแต่คุณต้องการหนึ่งล้านหยวนนี่มันคือการขู่กรรโชกชัดๆ” เย่เชียนพูด
“น้องชายในสัญญากู้ยืมฉันระบุเงื่อนไขเอาไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าเธอคืนเงินไม่ครบตามกำหนดค่าดอกเบี้ยจะขึ้นเป็นสิบเท่า..ในสัญญามีลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง” ชายอ้วนหัวโล้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วพูดอย่างมั่นใจ
เย่เชียนก็หยิบมันขึ้นมาและมองดูจากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเพียงเกมที่คุณวางเอาไว้..มันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจนใช่ไหม?..แต่คุณเล่นสกปรกแบบนี้มันผิดศีลธรรมชัดๆ”
“อะไรนะ?..แกต้องการแกล้งทำเป็นฮีโร่จริงๆใช่มั้ย?..ฉันจะบอกความจริงกับแกให้ว่าฉันชอบเธอและตราบใดที่เธอเต็มใจที่จะอยู่กับฉันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ฉันก็ไม่ต้องการเงินของเธออีกแล้ว..ฉันจะพาเธอไปขายและหาเงินเอง” ชายอ้วนหัวโล้นพูดอย่างเย่อหยิ่ง
เมื่อเฟิงหลานได้ยินเขาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และหันหน้าหนีไปเพราะเขาไม่อยากเห็นภาพเหล่านี้ ซึ่งเขาคิดว่าทำไมเย่เชียนถึงคิดที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และเหตุผลนั้นก็คือหญิงสาวคนนี้มีรูปลักษณ์ที่ดี อย่างไรก็ตามชายอ้วนหัวล้านนั้นก็โง่เขลาเกินไปที่จะพูดเหตุผลต่างๆออกมา
มุมปากของเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วเขาก็พูดว่า “ดูเหมือนว่าชีวิตของคุณจะสบายเกินไปแล้ว..คุณคิดว่าที่นี่เป็นดินแดนของคุณงั้นเหรอ” ทันทีที่เสียงพูดจบลงก็แทบไม่มีสัญญาณใดๆเพราะในเวลานี้เย่เชียนพุ่งเข้าไปเตะชายอ้วนหัวโล้นจนกระเด็นล้มลงกับพื้นอย่างแรงและน้ำลายก็ไหลออกมาเต็มปากทันที
เหล่านักพนันในล็อบบี้ก็หันหน้าไปมองแต่สีหน้าของพวกเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรมากนักเพราะพวกเขารู้เรื่องเบื้องหลังของคาสิโนแห่งนี้ไม่มากก็น้อยเพราะมันยากมากที่จะมีใครกล้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา แต่เมื่อเห็นเช่นนี้พวกเขาต่างก็ดูตื่นเต้นด้วยความสนใจอย่างมาก
กระต่ายสาวบันนี่ที่เคยบริการเย่เชียนก่อนหน้านี้ก็ตกใจเมื่อเห็นฉากนี้และเธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเย่เชียนแต่เมื่อเธอเห็นว่าเย่เชียนเตะชายอ้วนหัวโล้นออกไปเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกว่าเย่เชียนมีเสน่ห์อย่างมากเพราะนอกจากจะรวยแล้วยังเก่งอีกต่างหากแถมยังใจดีอีกด้วยซึ่งผู้ชายแบบนี้หาอีกเป็นร้อยๆปีก็อาจจะไม่เจออีกแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเธอมีความสนใจในตัวเย่เชียนอย่างแรงกล้า
เมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขาถูกทำร้ายเหล่าลูกน้องของชายอ้วนหัวโล้นก็ไม่กล้าที่จะลังเลและรีบวิ่งไปหาเย่เชียนทีละคน “หยุด!” ด้วยเสียงตะโกนนั้นตู้ซุนก็ออกเดินมาจากลิฟต์และมองดูนักพนันอย่างขอโทษและพูดว่า “ทุกคนเชิญเล่นต่อได้..มันก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ” จากนั้นเขาก็เดินไปหาเย่เชียนอย่างรวดเร็วและเหลือบมองเฟิงหลานด้านข้าง ซึ่งเฟิงหลานก็ยักไหล่เล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไร จากนั้นเขาก็พูดว่า ผมต้องขอโทษด้วยครับคุณเย่..คนเหล่านี้โง่เขลาเกินไปและผมก็หวังว่าคุณจะไม่โกรธเคือง”
“ผมแปลกใจมากเพราะนี่เป็นที่ของพวกเราเพราะงั้นเราจะปล่อยให้ใครมาสร้างปัญหาที่นี่ได้ยังไง?” เย่เชียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“ใช่ครับคุณเย่” ตู้ซุนพูด “พวกเขาทั้งหมดเป็นคนหยาบคายที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เพราะงั้นอย่าไปสนใจคนเหล่านี้เลย” จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ชายอ้วนหัวโล้นแล้วพูดว่า “คุณเปี๋ยคุณควรรีบขอโทษคุณเย่โดนด่วน!”