ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 894 หนีอย่างหมดท่า
ตอนที่ 894 หนีอย่างหมดท่า
ในห้องวีไอพีมีผู้ชายสี่คนนั่งอยู่และเป็นคนหนุ่มสาวทั้งหมด ซึ่งคาดว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็นลูกหลานมหาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลอย่างแน่นอน เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาพวกเขาก็เหลือบมองจากด้านข้างและไม่แสดงท่าทีใดๆทั้งสิ้น
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูแล้วหลี่เหว่ย,เฟิงหลานและตู้ซุนก็เดินออกไปเนื่องจากพวกเขาได้เล่นไปแล้วก่อนหน้านี้มันจึงไม่มีความหมายอะไรถ้าพวกเขาจะอยู่ต่อ เย่เชียนก็ฉีกยิ้มเล็กน้อยและเดินไปที่ที่นั่งและนั่งลงจากนั้นก็เหลือบมองชายหนุ่มทั้งสามคนแล้วพูดว่า “เราจะเล่นกันแค่นี้เองเหรอ?”
“ไม่เป็นไร..ขอแค่มีเงินก็พอแล้ว” ชายหนุ่มที่หน้าตาดูเศร้าๆพูดและดูเหมือนว่าเขาเสียจะเงินไปเยอะแล้วเพราะข้างหน้าของเขามีชิปไม่มากนักและถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะร่ำรวยแค่ไหนแต่ถ้าสูญเสียมากเกินไปก็สามารถทำสีหน้าเปลี่ยนไปและขมขื่นได้เสมอ ท้ายที่สุดแล้วเงินเหล่านั้นก็ไม่ได้ตกมาจากท้องฟ้าเพราะงั้นถ้าหากสูญเสียมากจนเกินไปพวกเขาก็ยังเสียใจและเจ็บปวดกับมัน
กระต่ายสาวบันนี่หยิบชิปมาวางตรงหน้าของเย่เชียนแล้วพูดว่า “ท่านคะนี่คือชิปที่คุณสั่งค่ะ”
“ขอบคุณ!” เย่เชียนพูดแล้วยื่นชิปให้เธอโดยไม่ได้มองว่ามันเยอะมากแค่ไหนจากนั้นก็พูดต่อ “คุณช่วยเล่นเป็นเพื่อนผมหน่อยจะได้มั้ย?”
กระต่ายสาวบันนี่ยื่นมือออกมาหยิบชิปแล้วรู้สึกว่าหัวใจเธอเต้นแรงอย่างมากเพราะชิปที่เย่เชียนให้มานั้นมากถึง 100,000 หยวน ซึ่งทำให้เธอตกใจมากเพราะการทำงานที่นี่ค่าตอบแทนและเงินเดือนต่อเดือนของเธอคือประมาณ 20,000 หยวนรวมทิปที่ได้จากนักพนัน แต่ไม่มีใครเคยโยนเงินให้กับคนอื่นถึง 100,000 หยวนเช่นนี้และเย่เชียนก็เป็นคนแรกและอาจจะเป็นคนสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ จากนั้นกระต่ายสาวบันนี่ก็นั่งลงข้างๆเย่เชียนและถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าร่วมการเดิมพันด้วยก็ตามแต่เธอก็เห็นว่าเย่เชียนนั้นใจดีมากและรู้สึกว่าเย่เชียนไม่ใช่คนเลวที่หวังอะไรจากตัวเธอเลยดังนั้นเธอจึงไม่ปฏิเสธ
เย่เชียนนั้นไม่ได้ถามชื่อเธอและไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือฉวยโอกาสจากกระต่ายสาวบันนี่เลยแม้แต่น้อย เขาแค่มองดูการแสดงออกของนักพนันทั้งสามคนบนโต๊ะและพบว่ามันน่าสนใจมาก เมื่อเริ่มเกมแรกอย่างเป็นทางการเจ้ามือการพนันคนสวยก็เริ่มแจกไพ่และจากนั้นก็ขอเดิมพันบนกระดาน
เย่เชียนนั้นมีท่าทีที่สงบและไม่ได้ดูไพ่โป๊กเกอร์ของเขาเลยนอกจากใบแรกแต่เขาก็ทุ่มเงินไปถึงหนึ่งล้านชิป ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นักพนันต่างก็ตกใจและแม้แต่กระต่ายสาวบันนี่ที่อยู่ข้างๆก็ตกใจเช่นกัน ซึ่งการเดิมพันโดยไม่ได้ดูไพ่ในมือนั้นเป็นสิ่งที่บ้าบิ่นมากจนชายหนุ่มผิวดำก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “น้องชายนายทำตัวโออ่าเกินไปหรือเปล่า..นายไม่แม้แต่จะดูไพ่ในมือเลยแต่กลับเดิมพันถึงหนึ่งล้านชิป..ฉันคิดว่าเงินทั้งหมดของนายจะต้องเสียไปอย่างง่ายๆแน่นอน”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “การพนันก็คือการพนันและแน่นอนว่าการพนันย่อมมีความเสี่ยงเสมอ..ดังนั้นถ้าคุณเห็นไพ่ในมือแล้วแต่คุณก็ไม่รู้ว่าไพ่ใบต่อไปจะเป็นไพ่อะไรเพราะงั้นทำไมเราถึงต้องลุ้นด้วย?..นอกจากนี้ไพ่ของผมใบแรกของผมก็เป็นไพ่Aceเพราะงั้นทำไมคุณถึงไม่ลองเสี่ยงดูล่ะ?”
หลังจากที่อีกสามคนมองไปที่ไพ่ของพวกเขาแล้วพวกเขาโยนไพ่ทิ้งไปทีละคน ส่วนชายหนุ่มผิวดำก็สูดลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และพูดว่า “ฉันไม่เชื่อว่าหรอกนายจะโชคดีขนาดนั้น..เกทับ!”
เมื่อไพ่ใบที่สองถูกแจกเย่เชียนก็ได้ไพ่Aceอีกใบจากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนว่าโชคของผมจะไม่เลวเลยนะ..ผมขอเกทับสองล้าน!”
“ห๊ะ!” ชายหนุ่มผิวดำพูด
……
ในรอบต่อไไพ่ก็ถูกแจกมาเรื่อยๆและไพ่ของเย่เชียนก็มีAceถึงสองใบและเก้าอีกหนึ่งใบ ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มผิวดำก็เขาอดยิ้มไม่ได้แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะโชคดีกว่านายนะน้องชาย..เทหมดหน้าตัก!”
กระต่ายสาวบันนี่ที่ได้ยินเช่นนั้นใจเธอก็เต้นรัวอย่างมากและเธอก็มองไปที่เย่เชียนอย่างประหม่าเพราะถ้าไพ่ใบต่อไปของเย่เชียนเป็นAceล่ะก็เย่เชียนจะชนะแต่เย่เชียนนั้นไม่ได้ดูไพ่ใบสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ มันจะเป็นไปได้อย่างไรหรือเป็นไปได้ไหมที่เขาจงใจทำให้เธอไม่ประหม่าเมื่อรู้ผล จากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและหันไปมองกระต่ายสาวบันนี่แล้วพูดว่า “ทำไมคุณไม่ช่วยผมดูไพ่ใบสุดท้ายล่ะ”
“ฉันเหรอ?” กระต่ายสาวพูดด้วยความแปลกใจ
“แน่นอน” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไอ้น้องชายนี่นายจะมาที่นี่เพื่อหาผู้หญิงหรือเล่นพนันกันแน่?..รีบๆตัดสินใจซะว่าจะสู้หรือจะหมอบไพ่” ชายหนุ่มหน้าดำพูดอย่างประหม่า
“จะรีบตายงั้นเหรอ?..ของแบบนี้มันต้องใช้เวลากันบ้าง!” เย่เชียนจ้องไปที่เขาและพูดจากนั้นเย่เชียนก็โบกมือให้กระต่ายสาวบันนี่ข้างๆเพื่อให้ดูไพ่ เมื่อเห็นเช่นนั้นกระต่ายสาวบันนี่ก็หยิบไพ่ขึ้นมาอย่างประหม่าและมือของเธอก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งเธอเองยังคงท่องอยู่ในใจว่า ‘A..A..A’ ในใจของเธอและเธอก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังจะกระโดดออกจากอกของเธอ จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “อย่ากังวลไปเลยผมเชื่อคุณ”
กระต่ายสาวบันนี่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆและรวบรวมความกล้าเพื่อดูไพ่จากนั้นสีหน้าของเธอก็หยุดนิ่งทันที ส่วนชายหนุ่มผิวดำที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นแล้วเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนนายจะโชคไม่ดีนะน้องชาย”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและโยนเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่บนโต๊ะแล้วพูดว่า “เทหน้าตัก!”
ชายหนุ่มผิวดำก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นายกำลังพยายามทำให้ฉันกลัวงั้นเหรอ..นายยังไม่ได้ดูไพ่เลยด้วยซ้ำ..นายดูสีหน้าของแม่สาวคนนี้สิมันนี้บ่งบอกชัดว่านายกำลังจะแพ้..ฉันถามหน่อยนี่นายแกล้งโง่หรือเปล่า?
“ไม่ต้องห่วง..ผมมีเงินเยอะ” เย่เชียนก็หยิบบุหรี่แล้วคีบใส่ปากจากนั้นกระต่ายสาวบันนี่ก็จุดไฟให้
“ฉันไม่เชื่อนายหรอก!” ชายหนุ่มผิวดำพูด “หงายไพ่!”
เย่เชียนก็พยักหน้าให้กระต่ายสาวบันนี่จากนั้นเธอก็หงายไพ่และปรากฏว่ามันคือ “Ace” เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มผิวดำก็ตกตะลึงและจ้องไปที่กระต่ายสาวบันนี่แล้วพูดว่า “แม่งเอ๊ย..เธอรู้ว่ามันคือAceแล้วทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้นกัน?”
“ฉัน…ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไพ่Ace” กระต่ายสาวบันนี่พูดด้วยความกลัวเล็กน้อย
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “โทษทีนะพี่ชายดูเหมือนว่าโชคของผมจะดีกว่าคุณ”
ชายหนุ่มผิวดำก็โยนไพ่ลงบนโต๊ะแล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “นายมันไอ้โง่!” หลังจากพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและเดินออกไป จากนั้นเย่เชียนก็ยื่นชิปสองสามชิ้นให้กระต่ายสาวบันนี่อย่างสุ่มๆซึ่งมันมีมูลค่ารวมไม่น้อยไปกว่า 500,000 ชิปจนกระต่ายสาวบันนี่ตกใจ จากนั้นก็เธอรู้สึกมีความสุขอย่างมากและไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยพบแขกที่ใจกว้างเช่นนี้มาก่อนแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับคนอย่างเย่เชียน
หลังจากเล่นอีกสองสามรอบโชคของเย่เชียนก็ดูเหมือนจะดีมากเพราะและเขาได้เงินมาไม่ต่ำกว่า 20 ล้านและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ว่านี่เป็นความตั้งใจของเจ้ามือคนสวยที่คอยช่วยเขาก็ตามเพราะเย่เชียนเชื่อว่านี่จะต้องเป็นคำสั่งของตู้ซุนอย่างแน่นอน อย่าดูถูกเจ้ามือในคาสิโนเหล่านี้เพราะคนประเภทนี้นั้นคือยอดฝีมือและนักพนันตัวจริงที่ถูกผันตัวมาทำงานสุจริตนั่นเอง ซึ่งเธอสามารถสลับไพ่ใบไหนก็ได้ที่เธอต้องและการมันก็ง่ายมากเช่นกัน
เจ้ามือคนสวยและกระต่ายสาวบันนี่ก็ได้รับรางวัลอย่างน้อยๆคนสองล้านชิปและหลังจากเล่นไปสองสามเกมเย่เชียนก็รู้สึกว่ามันไม่มีความสนุกอีกต่อไปเพราะการชนะหรือแพ้นั้นถูกควบคุมโดยเจ้ามือจนไม่มีความตื่นเต้นเลย
กระต่ายสาวบันนี่ก็เปลี่ยนชิปทั้งหมดเป็นเช็คเงินสดแล้วยื่นให้เย่เชียนและพูดว่า “ท่านคะนี่คือเงินของคุณค่ะ” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งกระต่ายสาวบันนี่ก็ยื่นชิปทั้งหมดคืนให้กับเย่เชียนแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษค่ะ..ฉันคงรับเอาไว้ไม่ได้”
เย่เชียนก็ตกตะลึงเล็กน้อยและเหลือบมองไปที่กระต่ายสาวแล้วถามว่า “ทำไมล่ะ?”
“คือฉัน..ฉันมาที่นี่เพื่อทำงานเพราะแค่ต้องการหารายได้โดยเร็วที่สุดเพื่อพาแม่ของฉันไปรักษา..แต่คุณให้เงินฉันมามากเกินไป ฉัน..ไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้ฉันไม่อยากขายตัวเองเพราะเงินนี้” กระต่ายสาวบันนี่ตัวสั่นเล็กน้อยและพูด เงินจำนวนสองล้านหยวนนั้นทำให้เธอกังวลใจอย่างมาก แต่เธอก็ไม่เต็มใจที่จะขายร่างของเธอในราคาสองล้านซึ่งตอนนี้เธอก็กลัวเล็กน้อยว่าเย่เชียนจะทำให้เธอต้องลำบากใจเพราะเหตุนี้เพราะถ้าหากเธอตกงานมันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะหาเงินเพื่อการรักษาพยาบาลของแม่ของเธอในอนาคตอย่างแน่นอน
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณสมควรได้รับมัน..นอกจากนี้ผมไม่เคยคิดที่จะให้คุณขายตัวเองเพื่อแลกกับเงินเลย..คุณดูถูกผมหรือดูถูกตัวเองกันแน่?” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “เอาเถอะเอาเงินจำนวนนี้ไปรักษาแม่ของคุณ..ส่วนการทำงานที่นี่มันก็ไม่ผิดหรอกคุณไม่จำเป็นต้องลาออก..ผมจะไปบอกผู้จัดการตู้ซุนเองว่าให้เขาช่วยดูแลคุณ” หลังจากพูดแล้วเย่เชียนก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในลิฟต์จากนั้นก็เดินไปที่สำนักงานชั้นบนสุด
กระต่ายสาวบันนี่ก็ถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงงและเธอนั้นเชื่อมาโดยตลอดว่าโลกใบนี้ไม่มีคนใจกว้างที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆเพราะทุกคนย่อมมีเป้าหมายเป็นของตัวเองและยังมีอีกหลายคนที่ยินดีจ่ายค่ารักษาให้แม่ของเธอแต่ทุกคนก็ต้องการร่างกายของเธอกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบคนอย่างเย่เชียนดังนั้นเธอจึงเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความขอบคุณจนพูดไม่ออกและทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเข้าไปในสำนักงานหลี่เหว่ย,เฟิงหลานและตู้ซุนต่างก็นั่งดื่มไวน์และพูดคุยกันและเมื่อเห็นเย่เชียนเดินเข้ามาพวกเขาก็ลุกขึ้นยืน “คุณเย่เป็นยังไงบ้าง” ตู้ชุนถาม
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่า “คุณทำทุกอย่างได้ดีมาก..แต่ผมไม่สนใจเรื่องการพนันมากนักแต่ก็สนุกดีที่ได้เห็นพวกลูกหลานมหาเศรษฐีเหล่านั้นแพ้อย่างหมดท่า”
ตู้ซุนก็ยิ้มและพูดว่า “คนเหล่านั้นเป็นลูกชายของนักธุรกิจรายใหญ่ในสิงคโปร์และทรัพย์สินของครอบครัวของพวกเขาก็มีอย่างน้อยๆหลายร้อยล้านและพวกเขาก็มักจะมาที่นี่..คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจอะไรเลยและการเสียเงินยี่สิบสามสิบล้านนั้นก็เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา”
“ถ้าผมมีลูกหลานที่ฟุ่มเฟือยแบบนี้ในอนาคตผมจะบีบคอพวกเขาให้ตายซะยังจะดีกว่า” เย่เชียนพูดและหลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หันกลับมาแล้วพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง..ชางกวนหยานยู่อยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“เขาอยู่ที่นี่” เฟิงหลานพูด “ตอนนี้เขาอยู่ที่ห้องใต้ดิน..ไอ้หมอนี่มันบ้าดีจริงๆเพราะในเวลาไม่ถึงสองวันเขาเสียเงินไปแล้วกว่าสองร้อยล้านหยวน”
“การพนันเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งและยากที่จะหยั่งถึงได้..แล้วเป็นไงเขายอมเซ็นโอนย้ายหุ้นหรือเปล่า?” เย่เชียนถาม
“ไอ้หมอนี่ค่อนข้างหยิ่งผยองเพราะเขาปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาและผมก็อยากที่จะทรมานเขาเจียนตายจริงๆ..แต่พี่เฟิงหลานบอกว่าเขาต้องรอให้บอสมาก่อนถึงจะตัดสินใจได้..ถือว่าครั้งนี้โชคดีไป” หลี่เหว่ยพูด
“ไม่ต้องยั้งมือ..ทรมานเขาต่อแล้วอัดวิดีโอแล้วส่งให้พ่อของเขาซะ” เย่เชียนพูด “จากนั้นก็บอกไปว่าให้เขามาประกันตัวลูกชายด้วยตัวเอง” หลังจากหยุดไปชั่วขณะแย่เชียนก็พูดต่อ “ไปกันเถอะ..ฉันละอยากเห็นสภาพของเขาจริงๆ”
“บอสเพิ่งลงมาจากเครื่องบินเพราะงั้นบอสต้องการพักก่อนมั้ย?” เฟิงหลานพูด
เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรผมอยากเห็นเขาทุกข์ทรมานมากกว่านี้..เตรียมตัวให้ดี”