ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 882 คู่สร้างคู่สม
ตอนที่ 882 คู่สร้างคู่สม
ตั้งแต่เข้าร่วมเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแล้วชางกวนเจ้อก็ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าใกล้ซือจื้อ เหตุผลแรกก็คือความสวยงามของซือจื้อนั้นทำให้เขาหลงเสน่ห์ของเธอและเหตุผลที่สองเพราะซือจื้อมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกการเงินของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงควรค่าแก่การหลอกใช้มากที่สุด แน่นอนว่าซือจื้อก็ชัดเจนในเรื่องนี้ทั้งหมดและนอกจากนี้เธอยังเข้าใจดีว่าหากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งไม่เกิดปัญหาร้ายแรงก็คาดว่าคงจะยากที่จะทำให้เย่เชียนเข้ามาดูแลจัดการและเธอจะไม่มีทางรู้ที่อยู่ของหลี่เหว่ยได้เลย ดังนั้นเธอจึงร่วมมือกับการกระทำของชางกวนเจ้อและทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว
แน่นอนว่าสิ่งต่างๆก็เป็นไปตามที่ซือจื้อคิดและตราบใดที่เย่เชียนมาที่นี่เธอก็แน่ใจว่าจะสามารถหาที่อยู่ของหลี่เหว่ยได้ ซึ่งทุกๆอย่างเป็นไปตามที่เธอวางแผนเอาไว้เพราะในที่สุดหลี่เหว่ยก็ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ
ซือจื้อนั้นไม่สนใจชื่อเสียงยศลาภหรือเงินทองเลยเพราะเธอสนใจเพียงหลี่เหว่ยเท่านั้น สิ่งที่เธอคาดหวังคือเธอจะได้พบหลี่เหว่ยหรือไม่ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจข่าวลือเหล่านั้นในบริษัทและไม่คิดที่จะแก้ไขข่าวลือดังกล่าว หลังจากที่เย่เชียนเข้ามายังเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งเขาก็คิดผิดว่าซือจื้อนั้นเป็นคนรักของชางกวนเจ้อ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจงใจอยากจะเข้าใกล้เธอซึ่งเป็นเรื่องที่เกินคาดสำหรับซือจื้อเล็กน้อยแต่มันก็ยากที่จะสอบถามเย่เชียนเกี่ยวกับหลี่เหว่ยอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนั้น
หลังจากได้ยินการสนทนาระหว่างเย่เชียนและหูวเค่อในบริษัทในวันนี้ซือจื้อก็ขับรถตามเย่เชียนไปจนถึงสนามบินและเมื่อเห็นหน้าตาที่ดูร่าเริงของหลี่เหว่ยแล้วความโกรธของซือจื้อก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้อีกต่อไปและความแค้นที่สะสมอยู่ในใจของเธอมานานหลายปีก็ปะทุออกมาในทันที
อย่างไรก็ตามหลี่เหว่ยก็ยังหนีเธอซึ่งทำให้ซือจื้อรู้สึกเสียใจอย่างมากเพราะในฐานะผู้หญิงที่ไล่ตามผู้ชายมานานและใช้หลายวิธีโดยไม่คำนึงถึงความอับอายของเธอและการโดนผู้ชายปฏิเสธแล้วหลบหน้าเช่นนี้เธอจะทนได้อย่างไร
“ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น..ฉันอยากได้ตัวนายเพราะนายเป็นของฉัน!..ไม่มีใครสามารถพรากนายไปจากฉันได้” ซือจื้อพูดอย่างหนักแน่น
เย่เชียนกับเฟิงหลานก็มองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น ซึ่งบางทีซือจื้อคนนี้อาจเป็นศัตรูตัวฉกาจและมารหัวใจของหลี่เหว่ยจริงๆ “มันยังมีผู้หญิงอีกตั้งหลายคนที่รอฉันอยู่เพราะงั้นถ้าเธอไม่ปล่อยใจฉันเธอจะมีความสุขงั้นเหรอ?” หลี่เหว่ยตะโกน “ต่อให้เราจะแต่งงานกันก็เถอะแต่ถ้าฉันไม่ได้อยู่กับเธอแล้วปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังแบบนั้นมันคงไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอต้องการหรอกใช่มั้ย?”
“ฉันรู้..แต่ตอนนี้นายยังเป็นแค่เด็กที่ยังไม่รู้จักโตยังไม่รู้จักความรับผิดชอบก็เท่านั้นเอง..เพราะงั้นไม่เป็นไรฉันเต็มใจรอให้นายเติบโตอย่างช้าๆเป็นผู้ใหญ่จริงๆ..ฉันจะรอในวันที่นายมีความรับผิดชอบเพราะฉันชอบนายเพราะฉันรักนายและไม่ว่านายจะทำอะไรฉันก็จะตามนายไปทุกที่” ซือจื้อพูด
“ยัยป้าขอร้องล่ะปล่อยฉันไปเถอะ..เธอจะทำอะไรก็ได้ตราบใดที่เธอไม่รบกวนฉัน” หลี่เหว่ยพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆ
“ไม่..ฉันไม่ต้องการอะไรฉันแค่ต้องการให้นายอยู่เคียงข้างฉันแค่นั้นก็พอ” ซือจื้อพูด
“โอ้พระเจ้า..นี่มันโลกแบบไหนกัน?” หลี่เหว่ยร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า
เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งสองยังวิ่งไล่จับกันอย่างไม่รู้จบเย่เชียนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเมื่อหลี่เหว่ยวิ่งผ่านเย่เชียนก็คว้าตัวเขาเอาไว้แล้วพูดว่า “เอาล่ะพอได้แล้วไอ้บ้านี่..อย่าทำตัวน่าอายสิวะทุกคนมองมาที่เรากันหมดแล้ว”
“บอสปล่อยผม..บอสปล่อยผมไป..ขอร้องล่ะบอสอย่าโยนผมเข้าไปในกองไฟ” หลี่เหว่ยกังวลราวกับมดบนหม้อไฟและดิ้นรนอยู่ตลอดเวลาแต่น่าเสียดายเพราะไม่ว่าเขาจะทำยังไงเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากมือของเย่เชียนได้
ซือจื้อที่วิ่งไล่ตามอยู่ก็เหลือบมองเย่เชียนอย่างซาบซึ้งจากนั้นก็เดินมาบีบหูของหลี่เหว่ยแล้วพูดว่า “ทำไมนายไม่วิ่งหนีอีกล่ะ..หืม..ฉันขอบอกเลยนะว่าชีวิตนี้นายจะไม่สามารถหนีไปจากฉันได้” ถึงแม้ว่าคำพูดของเธอจะดูตลกแต่ก็มีรสชาติของความตายซึ่งยังคงทำให้ผู้คนที่ได้ยินหวาดกลัวเล็กน้อย
“โอ๊ย..ปล่อยนะมันเจ็บ” หลี่เหว่ยขมวดคิ้วและตะโกน ถึงแม้ว่าหลี่เหว่ยมักจะเจ้าชู้แต่เขาปฏิบัติต่อผู้หญิงเป็นอย่างดีเสมอมา ซึ่งหลังจากอยู่ในเขี้ยวหมาป่ามานานหลายปีดังนั้นเงินเดือนและโบนัสของเขาก็ค่อนข้างมากเช่นกัน ซึ่งเขาก็แบ่งจ่ายและให้กับผู้หญิงเหล่านั้นอย่างทั่วถึงและอันที่จริงในปัจจุบันสำหรับผู้หญิงแล้วหลี่เหว่ยก็เป็นสุภาพบุรุษและใจกว้างกับพวกเธอเสมอ
“ถ้าปล่อยแล้วนายจะหนีอีกมั้ย?” ซือจื้อพูด
“ไม่หนีแล้ว..ไม่หนีจริงๆ” หลี่เหว่ยพูดอย่างช่วยไม่ได้
ซือจื้อปล่อยมือของเธอและดวงตาของเธอก็เป็นประกายระยิบระยับอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตอนนี้หน้าของเธอดูเศร้าโศกและอยากจะร้องไห้จากนั้นเธอก็สะอึกสะอื้นและพูดว่า “หลี่เหว่ยนายมันไอ้สารเลว..นายรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนกว่าฉันจะหานายเจอ?”
หลี่เหว่ยก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็หัวเราะและพูดอย่างขมขื่นว่า “แล้วเธอคิดว่าฉันชอบที่จะหนีงั้นเหรอ..ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเธอสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซือจื้อก็กระชากคอเสื้อของหลี่เหว่ยอย่างดุเดือดแล้วพูดว่า “ถ้านายกล้าที่จะหนีฉันอีกในอนาคตฉันจะหักขาของนายทิ้งเพื่อที่นายจะได้อยู่ข้างๆฉันไปตลอดชีวิตที่เหลือของนาย”
“ยัยป้าเธอมันโรคจิต..ทำไมเธอต้องใจร้ายกับฉันด้วย” หลี่เหว่ยพูดด้วยความขมขื่น เขาไม่สงสัยในคำพูดของซือจื้อเลยเพราะเขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำได้จริงๆและสิ่งเดียวที่หลี่เหว่ยเสียใจในตอนนี้คือทำไมเขาถึงไปจีบผู้หญิงคนนี้เพราะตอนนั้นหลี่เหว่ยคิดว่าผู้หญิงคนนี้เล่นสนุกด้วยได้และหลังจากที่แยกทางกันถ้ามีความจำเป็นก็แค่ติดต่อกลับมาเป็นระยะๆเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนหมากฝรั่งที่ติดหนึบไม่ไปไหนและไล่ตามเขาไปทุกที่จนหลี่เหว่ยแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
“เอาล่ะหยุดสร้างปัญหากันได้แล้ว” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “โดนแบบนี้ก็สมควรแล้ว..ใครบอกให้นายไล่เด็ดดอกไม้ไปทั่วทุกที่กัน..เป็นไงล่ะตอนนี้นายถูกฟ้าลงโทษแล้ว” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็หันไปหาซือจื้อแล้วพูดว่า “ผมไม่คาดคิดเลยว่าเหตุผลที่คุณเข้ามาในเครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็เพื่อจุดประสงค์นี้”
ทั้งหลี่เหว่ยและซือจื้อก็ไม่ได้พูดอะไรเลยและดูเหมือนทั้งคู่จะเสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “คุณซือคุณกลับไปก่อนดีกว่าเพราะผมกับหลี่เหว่ยเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกัน”
“ไม่!..ถ้าฉันปล่อยเขาไปฉันก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะหายไปไหนอีก” ซือจื้อพูด
“คุณอยู่กับเขาตลอดทั้งวันไม่ได้หรอก..คุณจะตามเขาไปกินอึด้วยงั้นเหรอ” เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ตอนนี้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนจับตามองเราอยู่เพราะงั้นถ้าเขารู้เรื่องนี้มันคงจะไม่ดี..ผมสัญญาว่าผมจะไม่ปล่อยให้เขาหนีไปไหน..ตกลงมั้ย?”
ซือจื้อก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วกวาดสายตามองออกไปรอบๆและเห็นรถของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจอดอยู่ ซึ่งเธอก็เดาได้ว่าทำไมหวงฟู่ชิงเตี๋ยนถึงยังไม่ลงจากรถและนั่นก็เป็นเพราะตัวตนที่เป็นความลับของเธอนั่นเอง จากนั้นซือจื้อก็หันกลับมาและมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดว่า “คุณเย่..คุณเป็นผู้นำองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่และเป็นลูกผู้ชายเพราะงั้นคุณไม่ควรผิดสัญญาหรือผิดคำพูดได้”
“แน่นอน..คุณสามารถไว้วางใจได้เลยเพราะเขาอยู่กับผมแล้วและเมื่อเรื่องนี้จบลงผมสัญญาว่าผมจะมอบเขาให้คุณจัดการอย่างเต็มที่..คุณสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการกับเขาได้เลย” เย่เชียนพูด
“บอสทำแบบนั้นไม่ได้นะ..บอสจะโยนผมเข้าไปในกองไฟได้ยังไง..บอสทำให้ชีวิตของผมแย่ยิ่งกว่าความตายซะอีก” หลี่เหว่ยพูดด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า
“โบราณสอนเอาไว้ว่าเราไม่ควรพรากคู่ครองไปจากกัน..ฉันไม่ต้องการทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมแบบนั้นและฉันก็อยากที่จะรักษาคุณธรรมของตัวเองเอาไว้” เย่เชียนพูด “ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ะไม่เลวเลย..เธอเหมาะสมกับนายมาก”
“ก็ใช่สิบอสมีทุกอย่างแล้วนี่หน่า..ตอนนี้บอสมีชีวิตที่ดีเพราะบอสมีภรรยาตั้งหลายคนแต่ผมยังไม่มีเลยสักคน..บอสลืมอุดมคติที่ยิ่งใหญ่ของเราไปแล้วเหรอ..อย่างน้อยๆชีวิตนี้ก็ควรจะมีภรรยาสามคนและแฟนสาวอีกสี่คน..บอสอยากให้ผมผูกคอตายงั้นเหรอ” หลี่เหว่ยพูด
“อุดมคติยอดเยี่ยมจริงๆ..นายมีอุดมคติอะไรของนายอีก..หืม” ซือจื้อถาม
“ฉันคิดว่าชีวิตคนเรามันสั้นเพราะทันทีที่เราหลับตาและลืมตาขึ้นมาหนึ่งวันก็จะผ่านพ้นไปและต่อให้ไม่หลับตามันก็จะผ่านไปอยู่ดีเพราะงั้นเราจะเสียเวลาอีกไม่ได้..ผู้ชายอย่างเราถ้าหากวันหนึ่งเราตายไปล่ะก็ที่หน้าห้องไว้ทุกข์จะต้องมีผู้หญิงอย่างน้อยๆหนึ่งร้อยคน..ซึ่งพวกเธอต่างก็พาลูกๆมาแล้วชี้ไปที่รูปภาพในห้องโถงไว้ทุกข์และบอกลูกว่าแท้ที่จริงแล้วเขาคือพ่อของลูก..นี่ล่ะว้าวชีวิตที่เรียกว่าชีวิตจริงๆ” หลี่เหว่ยพูด
“ช่างกล้าพูดจริงๆ!” ซือจื้อพูดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “อุดมคติบ้าบออะไรไร้สาระ..นายมันไอ้สารเลว..นายคิดว่าตัวเองเป็นใครนายเป็นหมูหรือไง?”
เย่เชียนกับเฟิงหลานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเพราะสองคนนี้เป็นคู่ครองที่มีชีวิตชีวาจริงๆ ซึ่งไม่ต้องคิดเลยเพราะซือจื้อคนนี้เหมาะกับหลี่เหว่ยจริงๆ
“เอาล่ะหยุดพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว..คุณซือผมต้องรีบไปหาหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก่อนเพราะข่าวและข้อมูลของเขานั้นค่อนข้างดีเยี่ยมเลย” เย่เชียนพูด ส่วนซือจื้อก็จ้องมองหลี่เหว่ยอย่างไม่เต็มใจแต่เธอก็รู้สถานการณ์ในปัจจุบันดีและสถานะของเธอก็เป็นความลับอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าหลี่เหว่ยดูร่าเริงเล็กน้อยและเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลาก่อนนะที่รัก!”
“ไอ้สารเลว..นายหนีฉันไปไหนไม่ได้แล้ว..ไม่งั้นฉันจะตามหานายและหักขาของนายซะ” ซือจื้อทำหน้าบึ้งตึงและดูไม่เต็มใจ
“ก่อนเธอจะมาฉันจะฆ่าตัวตายก่อน” หลี่เหว่ยพูดอย่างเย้ยหยัน
“ไม่!..ฉันไม่อยากเป็นม่าย” ซือจื้อโต้กลับ
เย่เชียนกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้และขี้เกียจที่จะฟังอีกต่อไป ซึ่งสองคนนี้ดูเหมาะสมกันมากและพวกเขาก็หยาบคายพอๆกัน จากนั้นไม่นานซือจื้อก็เดินออกจากสนามบินไปอย่างไม่เต็มใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นหลี่เหว่ยก็เหลือบมองเย่เชียนและพูดว่า “บอส..บอสคงจะไม่ได้ทำอย่างที่พูดเมื่อกี้ใช่มั้ย?..บอสคงไม่คิดที่จะส่งน้องชายไปตายจริงๆหรอก”
.
.
.
.
.
.
.