ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 880 เป็นไปตามคาด
ตอนที่ 880 เป็นไปตามคาด
ในห้องชั้นบนสุดของโรงแรมเย่เชียนกำลังนอนอยู่บนเตียงและฟังเสียงน้ำจากห้องน้ำและเหม่อลอย ในใจของเย่เชียนเหมือนกวางวิ่งไปมาและกระโดดอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยฉากที่มีเสน่ห์ในห้องน้ำเพราะอันที่จริงเย่เชียนเข้าใจความคิดของหูวเค่อเป็นอย่างดีเพราะเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น ดังนั้นความหวังเดียวของหูวเค่อคือการได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีค่ามากที่สุดกับเย่เชียนและเธอก็ไม่อยากพลาดช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในชีวิตและทิ้งความเสียใจให้ตัวเองในอนาคตและเธอก็หวังว่าเธอจะสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อผูกมัดเย่เชียนให้แน่นเพื่อที่เขาจะได้มีความกังวลจนเปลี่ยนเป็นพลังเมื่อเขาต่อสู้กับไป๋ฮวย
ผู้คนมีความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดเพราะความห่วงใยและความกังวลใจนั่นเอง ยิ่งมีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อมากเท่าใดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกกระแสน้ำในการเผชิญกับความทุกข์ยากมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีใครรู้เลยว่าทักษะการต่อสู้ของไป๋ฮวยนั้นสูงแค่ไหนและแม้แต่เย่เชียนก็ไม่รู้ ซึ่งไม่ว่าเย่เชียนจะพัฒนาไปแค่ไหนแต่ก็ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เขาเผชิญหน้ากับไป๋ฮวยอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะอยู่เหนือเขาเสมอ
ในเวลานี้ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกอย่างช้าๆและหูวเค่อก็พิงประตูและร่างกายของเธอก็มีแต่ผ้าขนหนูจนเผยให้เห็นผิวขาวๆอมชมพูเนื่องจากเธออาบน้ำร้อน ซึ่งมีเสน่ห์เป็นพิเศษและผมยาวที่เปียกโชกจะกระจัดกระจายอยู่ที่ด้านหลังศีรษะอย่างน่าหลงใหล ต้นขาที่เรียวเหมือนอาวุธที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกจนสามารถทำให้ผู้ชายทุกคนหลงใหลได้ หน้าอกสีขาวส่วนใหญ่เผยออกมาตามจังหวะการหายใจ ซึ่งมันไม่ได้ใหญ่มากและดูจับถนัดมือกำลังพอดี
ปากของเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายและลงจากเตียงเพื่อเดินไปหาหูวเค่อและคว้าไหล่อันหอมหวานของหูวเค่อด้วยมือทั้งสองและมองดูกันและกันอย่างเสน่หา จากนั้นเย่เชียนก็ค่อยๆจูบเธอ
เมื่อเห็นใบหน้าของเย่เชียนใกล้เข้ามาเรื่อยๆหัวใจของหูวเค่อก็ดูเหมือนจะเต้นรัวขึ้นและเต้นแรงจนดูเหมือนว่าเธอจะรับความตื่นเต้นไม่ได้ เช่นเดียวกับการนั่งรถไฟเหาะหัวใจทั้งดวงดูเหมือนจะกระโดดออกจากร่างกายของเธอ หูวเค่อนั้นรอวันนี้มานานที่เธอหวังว่าจะมอบร่างกายและจิตใจทั้งหมดให้กับเย่เชียนในคืนที่สวยงามที่สุด ครั้งหนึ่งเธอเคยเพ้อฝันถึงฉากคืนนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแต่เมื่อเผชิญกับช่วงเวลานี้จริงๆเธอก็ยังประหม่าอยู่ดี
หูวเค่อก็กอดเย่เชียนแน่นราวกับว่าเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเย่เชียนและเธอก็รู้สึกปลอดภัย ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมาหูวเค่อเข้มแข็งอยู่เสมอและเป็นลูกคนเดียวที่ทำอาชีพต่างๆมากมายได้เป็นอย่างดี แต่ในใจของเธอนั้นชัดเจนมากว่าเธอยังเปราะบางและอ่อนแอและเธอก็ต้องการให้ใครสักคนมาดูแลเธอและพิงไหล่ของเขา เมื่อตอนที่เธออยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ดูเหมือนว่าหูวเค่อจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเย่เชียนเลยแต่เธอรู้ดีอยู่ในใจว่าเธอกำลังค่อยๆเปลี่ยนไปและถูกผู้ชายคนนี้กัดเซาะหัวใจของเธอไปทีละนิด เย่เชียนเข้าใจว่าเธอคือคนที่ขี้อายแต่การกระทำของหูวเค่อนั้นสามารถกระตุ้นเย่เชียนได้มากขึ้นเรื่อยๆราวกับสัตว์ตัวผู้ที่แสดงความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรงเมื่อเห็นสัตว์ตัวเมียที่อ่อนแอนั่นเอง
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อยนี่เธอเมาแล้วเหรอ?”
หูวเค่อก็จ้องมองเย่เชียนอย่างยั่วยวนแต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงรู้สึกว่าร่างกายของเธอร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆและเธอก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เย่เชียนหัวเราะและกอดหูเค่อแล้วพูดว่า “คืนนี้คุณต้องเป็นของผมนะคนสวยของผม” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็อุ้มหูวเค่อลงไปนอนบนเตียง
หากมีคนถามว่าเสียงอะไรที่ไพเราะที่สุดในโลกก็คงจะไม่ต้องสงสัยเลยเพราะ ณ เวลานี้เสียงครวญครางที่ดังก้องอยู่ในห้องแห่งนี้ไพเราะมากที่สุดนั่นเอง
……
ในตอนเช้าเย่เชียนก็ตื่นแต่เช้าและไม่เพียงแค่ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเพราะเมื่อคืนนี้มันไม่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยแต่เขารู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยพละกำลังและจิตวิญญาณของลูกผู้ชาย เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เขาอยู่ที่บ้านของแม่ม่ายดำจือเหวินแล้วเย่เชียนก็รีบหลับตาและนึกถึงสิ่งที่คล้ายกับเมล็ดถั่วเหลืองเพื่อทำสมาธิรวบรวมพลังในตันเถียนของเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมันก็หมุนอย่างรวดเร็วและพลังปราณที่หมุนเป็นเกลียวที่อยู่ในนั้นก็พลุ่งพล่านราวกับคลื่นยักษ์ ซึ่งเขาสามารถควบคุมมันได้มากกว่าเมื่อก่อนและพลังที่บีบอัดอยู่ในนั้นก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เย่เชียนมีความสุขอย่างมากจนเขาอดไม่ได้ที่จะคิดอย่างลับๆว่า “นี่คือสิ่งที่เรียกว่าข้ามขั้นหรือเปล่า?..ศิลปะการต่อสู้จีนโบราณก็มีแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเย่เชียนก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตามตราบใดที่มันไม่ทำอันตรายกับเย่เชียนแล้วเขาก็ไม่ได้กังวลเพราะเขาฝึกฝนมันโดยที่ไม่มีใครสอนหรือให้คำแนะนำ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาแค่อยากจะขอคำแนะนำจากใครสักคนแต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้เลยเพราะงั้นเย่เชียนต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
หูวเค่อนั้นหลับอย่างสบายมากด้วยรอยยิ้มหวานๆที่มุมปากของเธอเสียงหายใจที่เป็นจังหวะนั้นทำให้เย่เชียนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้มลงไปจูบใบหน้าของหูวเค่อเบาๆและดูเหมือนหูวเค่อจะรู้สึกได้เธอจึงพลิกตัวและเอียงมาหาเย่เชียน
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและค่อยๆขยับหูวเค่อไปด้านข้างเพื่อให้เธอนอนอย่างสบายตัว จากนั้นเย่เชียนก็ลุกขึ้นและไปอาบน้ำล้างตัวและหลังจากแต่งตัวเสร็จเย่เชียนก็โทรไปหาบริกรของโรงแรมและสั่งให้เขานำอาหารเช้ามาเสิร์ฟ บางครั้งผู้ชายเลือดเหล็กก็มักจะมีด้านที่อ่อนโยนกว่าผู้หญิงในบางครั้งและเย่เชียนก็เป็นแบบนั้น ซึ่งเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเขาสามารถฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆโดยไม่ลังเลแต่ถ้าหากเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เขารักแล้วล่ะก็เย่เชียนมักจะอ่อนโยนเหมือนผู้หญิงเสมอ
เย่เชียนเดินกลับไปที่เตียงและนั่งลงจากนั้นเย่เชียนก็ใช้มือเท้าคางเพื่อมองดูหูวเค่อที่กำลังหลับอยู่และอดไม่ได้ที่จะคิดว่าชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันหรือเขาควรไปทำอย่างอื่นดีไหม? จากนั้นความคิดนี้เป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งและจะหายไปในไม่ช้าเพราะเย่เชียนรู้ดีว่าเขาไม่เพียงแต่ต้องดูแลผู้หญิงที่เขารักเท่านั้นแต่ยังมีพี่น้องมากมายและความหวังของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่เขาต้องแบกรับตลอดไปทั้งกัปตันเทียนเฟิง,มารุยามะมิซูกิ,เฉินฟู่เฉิง ฯลฯ และแม้แต่พ่อของเขาเอง ซึ่งเย่เชียนคิดว่าพวกเขาทั้งหมดมีความคาดหวังในตัวเขาสูงมาก
อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ชอบการต่อสู้และการผจญภัยแบบนี้เสมอเพราะเย่เชียนรู้สึกว่าชีวิตของเขามีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้ชายไม่จำเป็นต้องมีอาชีพการงานเพียงอย่างเดียวเพราะสิ่งที่สำคัญคือต้องมีการผจญภัยที่ควรค่าแก่การจดจำนั่นเอง
หูวเค่อก็พลิกตัวกลับมาและพูดด้วยความงุนงงว่า “ขอฉันนอนต่ออีกหน่อย..ฉันเพลียมาก”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “เมื่อคืนนี้ใครบอกให้คุณทำถึงขนาดนั้นกันล่ะ..คุณจะใช้พลังให้หมดจนตายเลยหรือไง?”
เย่เชียนเหลือมองหูวเค่อและเห็นว่ารอยยิ้มที่มีความสุขได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหูวเค่อ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เธอก็รู้สึกเขินอายมากและพูดอย่างเขินอายๆว่า “ก็ในเมื่อเรามีความสุขกับมันเราก็ทำไปเถอะ..ฉันบอกคุณแล้วนะว่าต่อจากนี้ไปคุณจะมีฉันอยู่ข้างๆเสมอ..คิดและทำสิ่งต่างๆให้ดีเพื่อฉันนะ”
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “คำสั่งของภรรยาถือเป็นคำขาด!..เราจะไปบริษัทด้วยกันเพราะงั้นคุณก็รีบๆตื่นมากินข้าวเช้าและไปอาบน้ำแต่งตัว”
“ได้เลย!” หูวเค่อพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
หลังทานอาหารเช้าแล้วเย่เชียนก็ขับรถพาหูวเค่อไปที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งเพราะในแง่ของการจัดการธุรกิจนั้นหูวเค่อมีประสบการณ์มากกว่าเย่เชียนมาก ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้กิจการของบริษัทเป็นหน้าที่ของเธอเพราะเย่เชียนจะได้สามารถจดจ่อกับการกำจัดตระกูลชางกวนและที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ซือจื้อต้องการทำ แต่เย่เชียนก็เชื่อว่าถ้าหากหูวเค่อมาดูแลบริษัทล่ะก็การกระทำของซือจื้อจะถูกจำกัดมากขึ้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร
ตำแหน่งของหูวเค่อนั้นคือเลขาของเย่เชียนและเย่เชียนก็ประกาศอย่างเคร่งขรึมในที่ประชุมของบริษัทว่าการตัดสินใจทั้งหมดของหูวเค่อก็เหมือนคำพูดของเขาและเป็นคำขาด
ถึงแม้ว่าหูวเค่อกับชางกวนเจ้อต่างก็เป็นทายาทของตระกูลใหญ่ในปักกิ่งเหมือนกันก็ตามแต่หูวเค่อก็ไปอยู่ที่สำนักหยุนหยานเหมินตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนชางกวนเจ้อก็ไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นกันดังนั้นชางกวนเจ้อจึงไม่รู้จักหูวเค่อและไม่ได้สงสัยอะไรในตัวเธอ ซึ่งถ้าหากเขารู้ว่าปู่ของหูวเค่อเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีของจีนและเขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักหยุนเหยานเหมินล่ะก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร ในตอนนี้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่นและบริษัททะเลสี่ทิศก็ได้ตกหลุมพรางตามแผนสำเร็แล้วและที่เหลือก็คือการรวบรวมหุ้น 20% ในตลาดหุ้นและหุ้นที่อยู่ในมือของสมาชิกตระกูลชางกวนที่เหลือ ตราบใดที่เย่เชียนได้รับทั้งหมดนี้บริษัททะเลสี่ทิศก็จะตกอยู่ในมือของเขาและต่อให้ชางกวนซินหยูจะมีหุ้นอยู่ในมือ 40% ก็ตามถึงยังไงเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
บางทีอาจเป็นเพราะธุรกิจโฆษณาครั้งนี้เย่เชียนไม่ได้ทำให้ชางกวนเจ้อลำบากเพราะงั้นชางกวนเจ้อจึงไม่ได้คัดค้านใดๆต่อการบริหารจัดการของหูวเค่อและชางกวนเจ้อก็ไม่ต้องการให้เย่เชียนเข้ามาดูแลจัดการอยู่แล้วเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นเขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการและจะสามารถดำเนินตามแผนการของเขาได้โดยเร็วที่สุดในการทำลายเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขาปักกิ่งให้สำเร็จและนำความดีความชอบนี้ไปสู้บริษัททะเลสี่ทิศเพื่อให้ผู้อาวุโสในตระกูลมองเขาต่างออกไป
สำหรับซือจื้อเธอไม่ได้เผชิญหน้ากับหูวเค่อเหมือนที่เธอทำเมื่อวานแต่เธอกลับทำตัวอย่างสุภาพมาก ซึ่งทำให้เย่เชียนสับสนเล็กน้อย อย่างไรก็ตามผู้หญิงนั้นคาดเดาได้ยากเสมอดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากและหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเย่เชียนก็กำลังจะออกไปจากบริษัทแล้วจู่ๆโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเย่เชียนก็เห็นข้อมูลหลายอย่างเต็มหน้าจอแจ้งเตือนเพราะเขาปิดโทรศัพท์ระหว่างการประชุม ซึ่งเมื่อเปิดอ่านดูก็มีข้อมูลมากมายและหลังจากอ่านทีละข้อความแล้วก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เชียนแล้วเขาก็ตอบกลับข้อความทันที
“ใครน่ะ?..ดูมีความสุขมากเลยนะ” หูวเค่อมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจและถาม
“หลี่เหว่ย..เฟิงหลานและคนอื่นๆอยู่ที่นี่แล้ว” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
.
.
.
.
.
.
.