ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 872 การตัดสินใจ
ตอนที่ 872 การตัดสินใจ
ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดเย่เชียนจึงเลื่อนเวลาออกไปหนึ่งเดือนและเมื่อเขาแก้ปัญหาตระกูลชางกวนได้ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเย่เชียนคิดอะไรอยู่ยกเว้นไป๋ฮวยเท่านั้นที่รู้
เมื่อหันไปมองหูวเค่อแล้วเย่เชียนก็ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ยังเหลือเวลาอีกเดือนหนึ่ง..ถ้าผมตายไปคุณจะเสียใจมั้ยที่รู้จักผม”
หูวเค่อก็ส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าและพูดว่า “ไม่!..ไม่!..คุณจะไม่ตายเพราะในสายตาของฉันคุณแข็งแกร่งมากและไม่ว่าจะเจอความยากลำบากและอุปสรรคอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณแล้วมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ..คุณจะปลอดภัย..คุณต้องไม่เป็นไร”
“หมาป่าต้องตายบนภูเขาและแม่ทัพก็ต้องตายในสนามรบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..ในโลกใบนี้ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพันตลอดไปและยิ่งกว่านั้นศัตรูที่ผมต้องเผชิญคือพี่ชายที่ดีที่สุดของผมและเป็นคนที่รู้จักผมดีที่สุด” เย่เชียนพูดต่อ “คุณช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วยและอย่าบอกพี่หลัน..โรวโร่ว..ฉินหยูและหยาเอ๋อร์โดยเด็ดขาด..ผมไม่ต้องการให้พวกเธอกังวลเกี่ยวกับผม..ถ้าผมต้องตายในศึกตัดสินครั้งนี้จริงๆผมก็ฝากบอกพวกเธอด้วย..บอกว่าผมฝากคุณมาขอโทษและผมก็เป็นหนี้ทุกคนจริงๆและคงชดใช้ ให้ได้ในชีวิหน้าเท่านั้น”
“สารเลวที่สุด” ไม่ว่าหูวเค่อจะดูเย็นชาแค่ไหนแต่เย่เชียนก็รู้สึกได้นิดหน่อยและยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีมาโดยตลอดและไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเย่เชียนหมายถึงอะไร “ในใจของคุณพี่น้องสำคัญมากเลยใช่มั้ย?..เพื่อเห็นแก่พี่น้องแล้วคุณสามารถทอดทิ้งพวกเราได้ใช่มั้ย?..ถ้าคุณตายไปพวกเราจะอยู่ยังไง..หลินเอ๋อร์กับห่าวหรานจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีพ่อ..อย่าลืมสิคุณมีครอบครัวแล้วนะคุณไม่ใช่แค่ผู้ชายเพราะคุณเป็นทั้งสามีและพ่อ..คุณเป็นคนไร้ความรับผิดชอบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เย่เชียนไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันและเมื่อมองไปที่หูวเค่อที่น้ำตาอาบแก้มอยู่นั้นเย่เชียนก็ยื่นมือออกมาแล้วจับมือของเธอ จากนั้นเขาก็เหลือบมองหม่าเต๋อหงด้วยรอยยิ้มเขินอายและละอายใจเล็กน้อย
“เสี่ยวเย่เชียนฉันไม่สนหรอกว่าความสัมพันธ์ของเอ็งกับไป๋ฮวยจะลึกซึ้งแค่ไหนแต่ถ้าสิ่งที่เอ็งพูดเป็นความจริงไป๋ฮวยก็สามารถช่วงเอ็งได้..แต่ถ้าเอ็งเลือกแบบนั้นมันจะเสี่ยงมากเลยนะ..เราจะเชื่อใจเขาได้งั้นเหรอนี่มันคือความเป็นความตายเลยนะ” หม่าเต๋อหงพูด
“คุณไม่เข้าใจหรอกฉันเป็นหนี้เขามากเกินไปแล้วและมันถึงเวลาต้องชดใช้คืนสักที..ถ้าผมยังติดหนี้เขาอยู่แบบนี้ผมเกรงว่าชีวิตนี้ผมคงจะไม่สามารถจ่ายคืนได้อีกแล้ว” เย่เชียนพูด
“แล้วเขาเคยคิดที่จะขอให้เอ็งจ่ายคืนหรือเปล่า..ถ้าเขาทำตามที่เอ็งพูดจริงๆฉันก็คิดว่าเขาไม่ต้องการให้เอ็งจ่ายคืนหรอก” หม่าเต๋อหงพูด “พ่อของเอ็งเป็นผู้ชายที่กล้าหาญเพราะงั้นเอ็งจะยอมแพ้ทั้งๆที่ยังไม่ได้ต่อสู้ได้ยังไง..มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับลัทธิมารเลยถ้าพวกนั้นจะเข้ามาเหยียบแผ่นดินใหญ่..แต่ถ้าเอ็งยอมแพ้ก่อนสู้แบบนี้ทุกคนจะดูถูกเอ็ง”
“ตอนที่ผมอยู่ที่สำนักงานใหญ่เขี้ยวหมาป่าผมกับเขาอยู่ในหน่วยเดียวกันและเขาก็เก่งกว่าผมในทุกๆด้าน..ในเขี้ยวหมาป่าเขาเป็นที่รู้จักในฐานะยอดนักสู้อันดับหนึ่งและไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยทักษะความแม่นปืนหรือความสามารถในการต่อสู้ทางทหารอื่นๆเขาก็แข็งแกร่งกว่าผมมาก..ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหนก็เหมือนโดนเขาแซงหน้าเสมอ..ต่อมาผมได้เรียนศิลปะการต่อสู้โบราณแต่ก็พบว่าตัวเองยังอ่อนแอเพื่ออยู่ต่อหน้าเขา ” เย่เชียนพูดช้าๆ “แต่ผมรู้ดีว่าในใจของเขามีปมที่ไม่มีวันแก้ไขได้และถ้าหากปมนี้ไม่ถูกลบไปมันจะบังคับเขาให้ทำลายตัวเองในสักวันหนึ่งและนี่อาจเป็นโอกาสเดียวและวิธีเดียวที่จะเปิดใจของเขา..ถ้าผมสามารถส่งต่อองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าให้อยู่ในมือของเขาได้ล่ะก็ผมก็โล่งใจ”
หม่าเต๋อหงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และคิดกับตัวเองว่าเย่เชียนดื้อรั้นเหมือนพ่อของเขาจริงๆและดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนใจเย่เชียนได้เลย เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองหูวเค่อโดยหวังว่าเธอจะสามารถใช้ความอ่อนโยนของเธอเพื่อโน้มน้าวใจของเย่เชียนได้ เพราะวีรบุรุษและชายชาตินักรบมักจะอ่อนไหวกับความงามและผู้หญิงที่ตนรักเสมอ ดังนั้นเขาจึงหวังว่าหูวเค่อจะสามารถช่วยเย่เชียนได้
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่นว่า “เอาล่ะมันยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนและผมต้องจดจ่อกับการกำจัดตระกูลชางกวน..แต่ว่านะเค่อเอ๋อร์คุณคิดยังไงกับสิ่งที่หยานตงพูดบ้าง?..ดูเหมือนเขาจะสื่อถึงอะไรบางอย่างและผมก็คิดว่าเขาน่าจะรู้เรื่องที่เกี่ยวกับสำนักหยุนหยานเหมินด้วย..คุณควรจะรีบโทรหาอาจารย์ของคุณและบอกให้เธอระวังเอาไว้นะ”
หูวเค่อก็พยักหน้าอย่างหนักหน่วงและพูดว่า “เย่เชียนคุณต้องสัญญากับฉันว่าถ้าหากการต่อสู้ชี้ชะตาระหว่างคุณกับไป๋ฮวยมาถึงคุณนะต้องชนะนะเพราะฉันคิดว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการ..แต่ถ้าคุณตายฉันจะตายตามคุณไปด้วย”
เย่เชียนถึงกับตกใจและหันไปมองหูวเค่อทันทีและรู้สึกเต็มเปี่ยมด้วยความรักในหัวใจ ซึ่งเย่เชียนไม่พูดอะไรและพยักหน้าเล็กน้อยเพราะในตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าจะพูดอย่างไรดี
“เสี่ยวเชียนเหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวและถึงแม้ว่าฉันจะไม่เห็นด้วยกับความขัดแย้งของเอ็งกับตระกูลชางกวนก็เถอะแต่ในเมื่อสิ่งต่างๆมาถึงขั้นนี้แล้วฉันก็ทำได้แค่ต้องสนับสนุนเอ็ง..พูดง่ายๆก็คือเอ็งต้องการให้ปู่อย่างฉันช่วยอะไรบ้าง?” หม่าเต๋อหงพูด สิ่งต่างๆได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้วดังนั้นหม่าเต๋อหงจึงรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรเขาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้และสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือช่วยเย่เชียนเย่เชียนจัดการตระกูลชางกวนโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เย่เชียนมีสมาธิและมีเวลาเตรียมตัวในการต่อสู้กับไป๋ฮวย
“ตระกูลชางกวนเป็นตระกูลธุรกิจและผมจะต่อสู้กับเขาในเชิงธุรกิจ..ดังนั้นผมจึงหวังว่าคุณปู่จะไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องนี้และขอแค่ให้คุณคอยดูแลเสถียรภาพของเมืองปักกิ่งให้ดีที่สุดและกีดกันไม่ให้ใครเข้ามาแทรกแซงแค่นั้นก็พอ” เย่เชียนพูด แน่นอนถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่จำกัดของเย่เชียนเขาคงไม่ทำการร้องขอเช่นนี้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆของเมืองปักกิ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องก็ตามแต่เขาก็สามารถไล่จัดการทีละคนได้แต่ตอนนี้เหลือเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ดังนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่และกองกำลังอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องล่ะก็สิ่งต่างๆก็จะยิ่งยุ่งยากขึ้นอย่างมาก
“ได้ไม่มีปัญหา” หม่าเต๋อหงเห็นด้วยเพราะด้วยอิทธิพลของตระกูลหม่าในเวทีการเมืองและแวดวงทหารในเมืองปักกิ่งแล้วเย่เชียนก็เชื่อว่าตราบใดที่หม่าเต๋อหงพูดอะไรเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆก็จะนั่งอยู่ที่บ้านอย่างเชื่อฟังและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และแน่นอนว่าข้อมูลนี้ยังต้องถูกเก็บเป็นความลับและไม่สามารถรั่วไหลออกมาได้เลย
“ขอบคุณครับ!” เย่เชียนพูด “เอาล่ะนี่ก็เย็นแล้วผมต้องข้อตัวกลับเหมือนกัน..ผมไม่เก่งพอที่จะเป็นCEOได้..ผมต้องทำงานแปดชั่วโมงต่อวันและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบริษัทมันน่าเบื่อจริงๆ” เย่เชียนพูดและหันไปมองหูวเค่อด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็ยื่นมือเพื่อชวนเธอลุกขึ้นและบอกลาหม่าเต๋อหงแล้วออกจากบ้านของหม่าเต๋อหงไป
“ตอนนี้คุณจะไปไหน” หลังจากขึ้นรถเย่เชียนเหลือบมองไปที่หูวเค่อแล้วถามว่า “คุณอยากกลับไปคุยกับอาจารย์ของคุณมั้ย?”
“ไม่จำเป็น..เดี๋ยวฉันจะโทรไปหาท่านทีหลัง” หูวเค่อพูด “คุณพาฉันไปที่โรงแรมที่คุณพักได้เลย..ฉันอยากคุยกับคุณ..อยากอยู่กับคุณตลอดเวลา”
เย่เชียนรู้ความคิดของหูวเค่อเพราะเธอต้องการใช้เวลาที่เหลืออยู่หนึ่งเดือนกับเขาให้ได้มากที่สุด ซึ่งเย่เชียนก็ตื่นเต้นมากที่มีคนรักแบบนี้ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรใดๆแล้วขับรถไปที่โรงแรมทันที
หลังจากส่งหูวเค่อไปที่ห้องพักแล้วเย่เชียนก็บอกให้เธอพักผ่อนก่อนเพราะเขาต้องรีบไปที่บริษัทโดยเร็วเพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาวิกฤติและเย่เชียนก็ไม่อยากเสียเวลามากเกินไปไม่งั้นมันจะมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะล้มเหลว
เมื่อเขามาถึงบริษัทเขาก็นั่งอยู่ในออฟฟิศและเมื่อชางกวนเจ้อเดินเข้ามาพร้อมกับสัญญาในมือและนั่งลงตรงข้ามกับเย่เชียนแล้วยื่นให้พร้อมกับพูดว่า “คุณเย่นี่เป็นสัญญาที่ส่งมาโดยบริษัททะเลสี่ทิศคุณลองดูสิ..ถ้าไม่มีปัญหาอะไรคุณก็เซ็นชื่อลงนามเลย..จากนั้นผมจะให้ฝ่ายการเงินออกงบประมาณให้”
เย่เชียนยื่นมือรับสัญญามาแล้วเปิดดูแบบผ่านๆจากนั้นก็ถามว่า “ใครเป็นคนร่างสัญญานี้?”
ชางกวนเจ้อก็ถึงกับผงะเล็กน้อยและพูดว่า “แน่นอนว่ามันถูกร่างโดยฝ่ายการตลาดและผู้บริหารของบริษัททะเลสี่ทิศและพวกเขาก็มีที่ปรึกษากฎหมายพิเศษเหมือนกับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเรา..ถ้าคุณเย่กังวลคุณสามารถบอกให้ที่ปรึกษากฎหมายของเรามาดูสัญญาด้วยก็ได้”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมแค่ถามเฉยๆเพราะงั้นรองผู้จัดการชางไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้หรอก” ในขณะที่พูดเย่เชียนก็ลงนามในสัญญาด้วยปากกาแล้วเขาก็พูดว่า “ผมยังมีอีกอย่างที่ต้องรบกวนรองผู้จัดการชางด้วย..เมื่อเช้านี้ผมได้รับโทรศัพท์จากสำนักงานใหญ่โดยบอกว่าเราต้องการขยายธุรกิจสาขาปักกิ่งของเราดังนั้นเงินทุนของบริษัทจึงเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น..เราไม่สามารถออกงบประมาณได้ตามใจชอบ..แต่บริษัททะเลสี่ทิศเป็นบริษัทใหญ่ก็เพราะงั้นพวกเขาคงจะไม่มีปัญหาถ้าจะขอให้พวกเขาเพิ่มทุนโฆษณาให้ก่อน..ผมก็รู้ว่าเรื่องนี่ค่อนข้างผิดกฎหมายและนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ร่วมมือกันและยังหวังว่าพวกเขาจะสามารถแสดงความจริงใจได้บ้าง..รองผู้จัดการชางบอกพวกเขาไปว่าเมื่อการร่วมมือครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดีล่ะก็สำนักงานใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะอนุมัติให้สาขาปักกิ่งของเราของเราลงทุนโฆษณามากกว่าเดิมและจะเป็นหุ้นส่วนพิเศษกับบริษัททะเลสี่ทิศ..ผมหวังว่าพวกเขาจะเห็นอกเห็นใจและถ้าหากมีโอกาสผมอยากจะเชิญประธานบริษัททะเลสี่ทิศมาทานอาหารเย็นเพื่อแสดงความขอบคุณ”
ชางกวนเจ้ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเขาพยายามสังเกตปฏิกิริยาและท่าทางของเย่เชียนแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะการแสดงออกที่ดูเป็นธรรมชาติของเย่เชียนนั้นแสดงให้ชางกวนเจ้อเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง ซึ่งลงทุนโฆษณาครั้งนี้มันไม่ใช่น้อยๆเพราะเป็นเงินถึง 20 ล้านหยวนและถ้ามีอะไรผิดพลาดล่ะก็บริษัททะเลสี่ทิศจะขาดทุนอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าสัญญายังคงอยู่ในมือของเขาชางกวนเจ้อก็ยังโล่งใจเพราะตราบใดที่เขามีสัญญาอยู่ในมือเขาก็ไม่กลัวว่าเย่เชียนจะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเขา
“เรื่องนี้ค่อนข้างยากในการจัดการแต่ผมจะพยายามคุยกับบริษัททะเลสี่ทิศให้..หากเป็นไปได้เราจะขอให้พวกเขาระดมทุนให้เราก่อน” ชางกวนเจ้อพูด
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอรบกวนรองผู้จัดการชางด้วยครับ” เย่เชียนพูด “ฝากบอกCEOของบริษัททะเลสี่ทิศว่าผมจะเชิญเขาไปทานอาหารเย็นในเร็วๆนี้”
ชางกวนเจ้อพยักหน้าเล็กน้อย “ได้ครับ..ถ้าคุณเย่ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”