ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 871 กำหนดวันท้าประลอง
ตอนที่ 871 กำหนดวันท้าประลอง
เมื่อเวลาผ่านทุกๆหนึ่งชั่วโมงเย่เชียนก็ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้าเพื่อให้ไป๋ฮวยสามารถระบุตำแหน่งของเขาได้ เย่เชียนรู้ดีว่าไป๋ฮวยจะต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมากและเหนื่อยกว่าตัวเองในเวลานี้เพราะการเดินไปรอบๆในทะเลทรายนั้นไม่ง่ายเลย เย่เชียนสันนิษฐานว่าไป๋ฮวยคงจะเหนื่อยมากเพื่อที่จะหาแหล่งน้ำให้เจอโดยเร็วที่สุด พี่น้องเขี้ยวหมาป่าต่างก็พูดกันว่าไป๋ฮวยนั้นไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาและเป็นคนสันโดษแต่ทว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนเลือดร้อนตั้งแต่หัวจรดเท้า
แร้งบนท้องฟ้าดูเหมือนจะได้กลิ่นลมหายใจแห่งความตายและพวกมันก็ยังคงบินโฉบอยู่เหนือเย่เชียนและไหร่ที่เย่เชียนล้มลงพวกมันก็จะรีบลงมาโดยไม่ลังเลแล้วจิกกัดเย่เชียนทีละนิด ในตอนนี้เย่เชียนดูเหมือนจะรู้สึกได้ชัดเจนว่าชีวิตของเขากำลังสูญเสียไปทีละนิดราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นกลืนกินลมหายใจและชีวิตของเขาไปทีละน้อย
เย่เชียนอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าถ้าเขาได้รับโอกาสให้เริ่มต้นใหม่เขาจะยังเลือกเส้นทางนี้หรือเขาจะเลือกมาที่ทะเลทรายที่โหดเหี้ยมแห่งนี้อยู่หรือเปล่า ซึ่งคำตอบคือใช่ถึงแม้ว่าเขาจะได้เลือกอีกครั้งเขาก็เลือกที่จะมาเหมือนที่ไป๋ฮวยพูดชะตากรรมของผู้คนต้องอยู่ในมือของพวกเขาเองและมีเพียงคนขี้ขลาดเท่านั้นที่จะตกพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา เย่เชียนนั้นมีชีวิตที่เลวร้ายบนท้องถนนมามากพอแล้วและเขาก็จำเป็นจะต้องมีโลกของตัวเอง
“ปัง!” ด้วยกระสุนนัดสุดท้ายเย่เชียนก็ไม่สามารถอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไปและล้มลงอย่างช้าๆเพราะเขาไม่มีแรงที่จะยืนหยัดอีกต่อไปแล้ว จาดระยะไหลร่างของเย่เชียนก็ยังไม่ปรากฏดังนั้นเย่เชียนจึงยิ้มอย่างเศร้าสร้อยและพร้อมทำตามข้อตกลงสุดท้ายของเขากับไป๋ฮวย ซึ่งตอนนี้มันถึงเวลาที่เขาจะต้องฆ่าตัวตายแล้วจริงๆเมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็หยิบมีดออกจากเอวของเขาอย่างช้าๆและยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วพึมพำว่า “ไป๋ฮวย..หากมีชาติหน้าเราคงจะได้เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกันอีกครั้งและผมจะปกป้องพี่เอง”
เย่เชียนก็ค่อยๆจ่อมีดไปที่หัวใจของเขาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆและกำลังจะแทงมันเข้าที่หัวใจของเขาอย่างสิ้นหวัง
“เย่เชียน!” ทันใดนั้นเสียงของไป๋ฮวยก็ดังขึ้นในหูของเขาและเย่เชียนก็ตกใจจากนั้นมือของเขาก็หยุดในทันทีและเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นว่าไป๋ฮวยกำลังวิ่งเข้ามาหาเขาโดยมีพ่อค้าอูฐอยู่ข้างหลังเขาด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็ยิ้มอย่างความสุขมาก ไม่ใช่เพราะเขาไม่ต้องตายแต่เป็นเพราะเขาสามารถเป็นเพื่อนกับไป๋ฮวยต่อไปได้และเขายังสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันในอนาคตนั่นเอง
พวกเขาโชคดีเพราะไป๋ฮวยนั้นเดินวนๆอยู่ในทะเลทรายเป็นเวลานานและเมื่อเขาได้ยินเสียงปืนจากเย่เชียนแล้วนั่นก็สนับสนุนให้เขาเดินต่อไปและเดินต่อไป เพื่อเย่เชียนแล้วเขาต้องหาน้ำและต้องหามันให้พบเท่านั้นอย่างไรก็ตามร่างกายของเขาก็เริ่มเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆและถึงแม้จะใช้พลังใจครั้งสุดท้ายมันก็ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไปแล้วเช่นกันจนไป๋ฮวยล้มลงกับพื้นทรายแต่ทว่าดูเหมือนว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับพวกเขาราวกับจะทดสอบพวกเขาในครั้งนี้เพราะจู่ๆพ่อค้าอูฐก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาและจากนั้นไป๋ฮวยก็ได้รับการช่วยเหลือ
ไป๋ฮวยถือน้ำที่เขาได้รับมาจากพ่อค้าอูฐและรีบวิ่งไปยังจุดที่เย่เชียนอยู่อย่างไม่หยุดยั้งเพราะกระสุนปืนถูกยิงออกไปห้าครั้งแล้วและเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าหากเสียงปืนนัดสุเท้ายดังขึ้นนั่นก็แสดงว่ามันถึงเวลาที่เย่เชียนจะต้องตายแล้ว ดังนั้นไป๋ฮวยจึงไม่กล้าที่จะรอช้าและรีบวิ่งออกไปอย่างสุดชีวิตจนล้มลุกคลุกคลานซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เมื่อเขาล้มเขาก็ลุกขึ่นมาใหม่ทุกครั้ง
เมื่อเขาเห็นเย่เชียนกำลังถือมีดเอาไว้ในมือในมือของเขาอยู่ไป๋ฮวยก็ตะโกนเสียงดังและในที่สุดเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวของเย่เชียนได้ในวินาทีสุดท้าย จากนั้นไป๋ฮวยก็วิ่งไปข้างๆเย่เชียนและทนความอ่อนล้าของร่างกายไม่ไหวอีกต่อไปจนเขาล้มลงอย่างกะทันหัน
ไม่ว่าจิตสำนึกของเย่เชียนจะดีมากแค่ไหนแต่มันก็ยังยากที่จะยอมรับว่าเขาต้องต่อสู้กับชีวิตและความตายกับไป๋ฮวยในที่แห่งนี้อยู่ดีแต่ท้ายที่สุดไป๋ฮวยก็สามารถกอบกู้และช่วยชีวิตเพื่อนที่สำคัญที่สุดของเขา แต่ที่สำคัญกว่านั้นเย่เชียนรู้ดีว่าการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดนี้ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งและเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมกับไป๋ฮวยเลย
หูวเค่อก็เคยได้ยินเย่เชียนพูดถึงหมาป่าผีไป๋ฮวยอยู่บ่อยๆและเธอก็มีความชัดเจนมากเกี่ยวกับตำแหน่งของไป๋ฮวยในใจของเย่เชียน ซึ่งไม่มีใครแทนที่ได้เลยและในขณะนี้เย่เชียนกำลังเผชิญกับทางเลือกดังกล่าวดังนั้นหูวเค่อจึงรู้ว่าหัวใจของเย่เชียนจะต้องเจ็บปวดอย่างมาก
“ผมรู้ว่าการต่อสู้ระหว่างเราครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และจากครั้งสุดท้ายที่เราสู้กันในอียิปต์ผมก็รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องได้สู้กันอีก..ถึงแม้ว่าผมจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับแต่ความจริงก็คือความจริงและมันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปได้เลย” เย่เชียนพูด “ถ้างั้นเงื่อนไขแรกถ้าผมตายไปผมหวังว่าพี่จะไม่ทำร้ายพี่น้องเขี้ยวหมาป่าคนอื่นๆและจะไม่ไปยุ่งกับพวกเขาอีก”
“เงื่อนไขนี้ค่อนข้างไร้สาระ” ไป๋ฮวยพูดว่า “นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันต้องการทำลายเขี้ยวหมาป่าเพราะงั้นฉันจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ยังไง?..หากนายต้องการปกป้องเขี้ยวหมาป่าล่ะก็สิ่งที่นายทำได้คือมีชีวิตอยู่ต่อและพยายามเอาชนะฉันให้ได้..ไม่งั้นต่อให้นายตายไปฉันก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตที่อยู่ดีมีสุขอย่างแน่นอน” หลังจากหยุดไปชั่วขณะไป๋ฮวยก็พูดต่อ “อย่าแม้แต่จะคิดที่จะใช้เงื่อนไขนี้เพื่อที่จะไม่ต่อสู้กับฉัน..เพราะฉันก็มีวิธีอื่นแต่ฉันหวังว่านายจะไม่บังคับให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ฉันไม่อยากจะทำ!”
ความหมายของไป๋ฮวยนั้นชัดเจนและนั่นคือเย่เชียนจะไม่สามารถต่อรองอะไรกับเขาได้ในเรื่องนี้และถ้าเย่เชียนต้องการปกป้องเขี้ยวหมาป่าล่ะก็โอกาสเดียวก็คือการที่เย่เชียนเอาชนะเขาได้นั่นเอง ถ้าเย่เชียนคิดที่จะใช้เงื่อนไขนี้เพื่อจะหาข้ออ้างที่จะไม่สู้ล่ะก็ไป๋ฮวยก็จะทำสิ่งที่เลวร้ายเพื่อบังคับให้เย่เชียนยอมจำนน
ไป๋ฮวยนั้นเป็นคนที่รู้จักเย่เชียนมากที่สุดและไม่ว่าเย่เชียนจะไปไหนเขาก็จะเป็นคนแรกที่พบเย่เชียนเสมอ ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่รู้จักจุดอ่อนของเย่เชียนดีที่สุดและเขาก็รู้วิธีเปลี่ยนความอ่อนแอของคนคนหนึ่งให้กลายเป็นความแข็งแกร่งของอีกคนหนึ่งได้ นี่เป็นแรงจูงใจภายใต้ความกดดัน
เช่นเดียวกับที่ไป๋ฮวยรู้จักเย่เชียนและเย่เชียนก็รู้จักไป๋ฮวย ซึ่งในความเป็นจริงเขารู้ดีว่าไป๋ฮวยจะไม่มีวันเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ เพราะสิ่งที่ไป๋ฮวยต้องการคือการต่อสู้ที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกันและเมื่อเย่เชียนไม่มีความรอบคอบเช่นนี้เขาก็ต้องแสดงความเมตตาในการต่อสู้ที่เด็ดขาดและในเวลานั้นการต่อสู้ชี้ชะตาก็จะไม่ยุติธรรมอีกต่อไป เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันเรื่องเงื่อนไขอื่นกันเถอะ..ผมยังมีสิ่งที่ต้องทำในปักกิ่งอยู่และหลังจากที่ผมกำจัดตระกูลชางกวนได้แล้วเราจะมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง..ตกลงมั้ย?”
หยานตงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เย่เชียนก็คือเย่เชียนจริงๆ..ช่างแตกต่างออกไปจากคนทั่วไปจริงๆ..ในเวลานี้คนส่วนใหญ่ไม่คิดที่จะท้าทายตระกูลชางเลยและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อกำจัดลัทธิมารของฉัน..ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเอ็งคิดที่จะจัดการกับตระกูลชางกวน..เอ็งไม่กลัวว่ามันจะล้มเหลวเลยเหรอ?”
หลังจากยิ้มอย่างเฉยเมยเย่เชียนก็พูดว่า “ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำและผมก็ไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณของพวกคุณเลย..ผมไม่สนว่าตระกูลชางกวนจะมีส่วนร่วมในสงครามของพวกคุณหรือไม่ก็ตามเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ต้องพิจารณา..ผมรู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นและนั่นคือตระกูลชางกวนคิดที่จะท้าทายกับผมเพราะงั้นผมจึงไม่สามารถละเว้นพวกนั้นได้อย่างแน่นอน”
“เอ็งมันบ้าระห่ำจริงๆฉันชอบ!” หยานตงพูดแล้วหัวเราะ “เย่เชียน!..ฉันสัญญาเลยว่าตราบใดที่เอ็งชนะการประลองครั้งนี้ฉันกับลัทธิมารจะไม่มาเหยียบย่ำที่นี่อย่างเด็ดขาด”
“ผู้อาวุโสหยานดูมั่นใจมากเลยนะครับ” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“เปล่า..แค่ฉันไม่เคยเจอคนแบบพวกเอ็งมาก่อน” หยานตงพูด “เมื่อผู้ชายทำอะไรมันก็ควรจะทำอย่างเด็ดขาดและทำในสิ่งที่ต้องทำ..ซึ่งมันไม่จำเป็นต้องมีจรรยาบรรณอะไรมากนักตราบใดที่เราต้องการจะทำ”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มและเย่เชียนก็ชื่นชอบคนแบบนี้จริงๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเย่เจียอู๋และหม่าเต๋อหงแล้วเย่เชียนรู้สึกว่าหยานตงนั้นเป็นคนที่ควรค่าแก่การเคารพและดูเหมือนชายชาตินักรบมากที่สุด
“ตกลง..ฉันรับปาก!” ไป๋ฮวยพูด “ยังไงก็เถอะฉันให้เวลานายได้มากที่สุดคือหนึ่งเดือนเท่านั้น..ฉันคิดว่าเดือนเดียวมันก็น่าจะเพียงพอสำหรับนายที่จะจัดการกับตระกูลชางกวนแล้ว..และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงหรือตระกูลชางกวนจะมีจุดจบแบบไหนแต่เราต้องตัดสินกันหลังจากนี้หนึ่งเดือน!”
“ตกลง” เย่เชียนพยักหน้าและตกลง
“หนึ่งเดือนงั้นเหรอ..ศึกชี้ชะตาครั้งนี้คงเทียบได้กับศึกแรกในสมัยก่อนอย่างแน่นอน..ฉันอยากจะดูจริงๆ..พวกลูกหลานเอ๋ยอย่าทำให้บรรพบุรุษต้องผิดหวังล่ะ” หยานตงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะตาแก่หม่าฉันจะไม่รบกวนแกแล้ว..ครั้งหน้าเราจะดื่มชาด้วยกันถ้ามีโอกาส..อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ..สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือสายตาของแก..สิ่งที่ฉันพูดก่อนหน้านี้มันคือความจริงและฉันจะไม่ทำอะไรในช่วงเวลานี้” จากนั้นเขาก็หันไปมองหูวเค่อแล้วพูดว่า “สาวน้อยจำคำพูดของฉันเอาไว้..อย่าโทษร่างลัทธิมารเลย..ต่อให้ฉันจะเป็นคนบาปแต่ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะโยนความผิดและใส่ร้ายคนอื่น..มันจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
หูวเค่อตกตะลึงเล็กน้อยแล้วพยักหน้า
หยานตงหันไปมองไป๋ฮวยแล้วพูดว่า “ไป๋ฮวยไปกันเถอะ..เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเอ็งต้องเตรียมพร้อมให้ดีและอย่าทำให้ฉันต้องผิดหวัง”
ไป๋ฮวยก็ยิ้มอย่างเฉยมยและทำให้ยากที่จะเข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินตามหยานตงออกไป เมื่อเห็นหมาป่าผีไป๋ฮวยเดินออกไปเย่เชียนก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่ว่าเขาจะต้องการหนีเท่าไรเขาก็ยังหนีไม่พ้นอยู่ดี
“เย่เชียนคุณอยากสู้กับเขาจริงๆหรือเปล่า?..ทำไมเราไม่คิดหาวิธีอื่นกันล่ะ..บางทีอาจมีวิธีอื่นในการหยุดลัทธิมารก็ได้” หูวเค่อพูด
เย่เชียนก็พูดว่า “นี่มันไม่เกี่ยวกับลัทธิมาร..มันเคือเรื่องระหว่างผมกับไป๋ฮวยและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย..อันที่จริงผมรู้ดีว่าไป๋ฮวยหมายถึงอะไรเพราะเขาแค่ต้องการให้โอกาสผมเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะเป็นโอกาสเดียวที่จะหยุดลัทธิมารได้”
หูวเค่อและหม่าเต๋อหงก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าเย่เชียนหมายถึงอะไร เป็นไปได้ไหมที่ไป๋ฮวยเสนอเงื่อนไขดังกล่าวเพื่อช่วยพวกเขาจริงๆ? พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยแต่เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของเย่เชียนแล้วพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
.
.
.