ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 869 ลัทธิมาร
ตอนที่ 869 ลัทธิมาร
ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะคำพูดของเย่เชียนนั้นทำให้สิ่งต่างๆกระจ่างแจ้งขึ้นอย่างมากและหม่าเต๋อหงกับหูวเค่อก็ต้องฉุกคิดอย่างจริงจัง มันอาจจะเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่า? ลัทธิมารกล้าที่จะเสี่ยงต่อสู้กับประเทศทั้งประเทศจริงๆอย่างงั้นหรือ? ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนจะมีคำสั่งที่เข้มงวดในตอนแรกแต่การต่อสู้ของโลกศิลปะการต่อสู้โบราณจะต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสังคม อย่างไรก็ตามโลกของศิลปะการต่อสู้โบราณในปัจจุบันนั้นได้ผสมผสานเข้ากับสังคมสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์และเมื่อการต่อสู้เกิดขึ้นจริงมันจะไม่กระทบต่อประเทศชาติและโลกภายนอกได้อย่างไร?
อย่างตอนนี้หม่าเต๋อหงเป็นนายพลของเขตทหารปักกิ่งดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีอำนาจสูงและรัฐบาลจีนจะไม่นั่งดูเขาถูกลัทธิมารคุกคามใช่มั้ย? ถึงแม้ว่ารัฐบาลจีนจะไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ของพวกเขาแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของหม่าเต๋อหงจะอยู่เฉยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรือ? มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนและสงครามที่จะเริ่มต้นในเวลานั้นจะไม่ใช่แค่การต่อสู้ในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเท่านั้นแต่จะเป็นโลกภายนอกทั้งหมด
จากมุมมองของเย่เชียนนั้นการกระทำทั้งหมดของลัทธิมารเป็นเพียงเรื่องของความขุ่นเคืองและพวกเขาก็แค่ไม่พอใจที่เขาถูกจำกัดพื้นที่ราวกับถูกกักขังอยู่ในภูมิภาคตะวันตก แต่สำนักเสาหลักและแปดตระกูลใหญ่กลับสามารถอยู่ในที่ที่เจริญและเมืองศิวิไลเหล่านี้ได้ ดังนั้นจุดประสงค์ของพวกเขาจึงควรเป็นเพียงอย่างเดียวและนั่นคือเพื่อให้สามารถหยั่งรากในพื้นที่ที่พัฒนาแล้วตามแนวชายฝั่งภาคกลางและตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง
“แล้วลัทธิมารมีจุดประสงค์อะไร” หม่าเต๋อหงถาม
“มันยากที่จะพูดแต่อย่างน้อยๆผมก็คิดว่าลัทธิมารคงจะโง่ขนาดนั้น” เย่เชียนไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขา “การรู้จักตัวเองและรู้จักศัตรูนั้นเราจะไม่มีวันพ่ายแพ้..แต่คุณกับผมก็อยู่ที่นี้และกำลังคุยกันเพื่อจัดการกับลัทธิมารซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ถ้าหากเรายังไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัด”
“แค่มีคนไว้ใจในชีวิตสักคนก็เพียงพอแล้ว” ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นและเสียงพูดที่ดังมาจากข้างนอกก็ดังขึ้น ทั้งสามคนก็หันไปมองและเห็นชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ เขาดูสูงแข็งแรงและทรงพลังพร้อมกับดวงตาที่แน่วแน่ ซึ่งเมื่อมองแวบแรกเย่เชียนก็ตกตะลึงอย่างมาก
เย่เชียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หันไปหาหม่าเต๋อหงและหูวเค่อ “ขอแนะนำผู้บัญชาการทหารสูงสุด..หยานตง..ผู้นำลัทธิมาร..เจ้าของฉายาเจ้าแห่งประตูปีศาจ!” หม่าเต๋อหงแนะนำ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็ไม่แปลกใจอีกต่อไปเพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีรัศมีออร่าและความยิ่งใหญ่เช่นนี้เผยออกมารอบๆตัว
ข้างหลังหยานตงมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามและเมื่อเย่เชียนเห็นเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านและตกตะลึงจากนั้นเย่เชียนก็พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย “ฉันคิดเสมอว่ามันหายากที่จะมีสหายที่จริงใจในโลกใบนี้แต่ฉันไม่ได้คาดหวังเลยว่าชีวิตนี้ฉันจะเจอถึงสองคนติดต่อกัน..ตอนแรกก็ไป๋ฮวยส่วนตอนนี้ก็เย่เชียน” หยานตงพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ถ้าผมจำไม่ผิดคุณคือผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าที่มีชื่อรหัสว่าโค้ดเนมว่าราชาหมาป่าใช่มั้ย?..และยังเป็นลูกชายของเย่เจิ้งหรานแห่งตระกูลเย่ในไหหลำ..เย่เชียนใช่มั้ย?”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “การถูกผู้นำของลัทธิมารจดจำแบบนี้ผมไม่รู้เลยว่าควรจะดีใจหรือกลัวดี”
“เอ็งไม่ต้องกลัวเพราะฉันได้ยินจากไป๋ฮวยว่าเอ็งมันไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน..แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ต้อนรับฉันนะ” จากนั้นเขาก็หันสายตาของเขาไปมองที่หูวเค่อแล้วพูดว่า “ฉันกับอาจารย์ของเธอเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมานานเพราะงั้นฉันก็คือผู้อาวุโสของเธอด้วย..อย่างน้อยๆเธอก็ควรจะเรียกฉันว่าผู้อาวุโสใช่มั้ย?”
หูวเค่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “ค่ะผู้อาวุโสหยาน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยานตงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กน้อยเอ๋ยฉันเฝ้าดูเธอเติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็กแล้วทำไมเธอถึงมองฉันเป็นศัตรูถึงขนาดนั้นล่ะ” จากนั้นเขาก็มองไปที่หม่าเต๋อหงอย่างดุเดือดและพูดว่า “คงเป็นเพราะพวกคนเฒ่าคนแก่พวกนี้ที่ปลูกฝังความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ใช่มั้ย?..ดูสิลูกๆหลานๆสมัยนี้ต่างก็คิดว่าฉันเป็นคนที่ชั่วร้าย..เฮ้อ..ซินเอ๋อร์ก็เหมือนกันยัยนั่นคงจะเกลียดฉันมากใช่มั้ยล่ะ?”
ซินเออร์? เย่เชียนและหูวเค่อต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่าซินเอ๋อร์ที่หยานตงพูดถึงน่าจะหมายถึงฮัวหยาซินผู้นำของสำนักหยุนหยานเหมินใช่มั้ย? ดูเหมือนว่าจะมีความลับที่ไม่รู้จักระหว่างพวกเขา อย่างไรก็ตามหูวเค่อก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากอาจารย์ของเธอเลยดังนั้นเธอจึงยังคงแปลกใจอย่างมาก
หม่าเต๋อหงก็มีความชัดเจนตามธรรมชาติดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่หยานตงเรียกฮัวหยาซินเช่นนี้ ซึ่งหูวเค่อเคยได้ยินแค่เรื่องของฮัวหยาซินที่มีความขุ่นเคืองใจกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนที่เกิดจากมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้แค่นั้น แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้น
“หืม..ทำไมเธอถึงมองอย่างนั้น..มันผิดเหรอที่ฉันเรียกอาจารย์ของเธอว่าอย่างนั้น?” หยานตงพูดด้วยรอยยิ้ม “บางทีพวกลูกๆหลานๆคงจะไม่รู้สินะว่าซินเอ๋อร์คือนางฟ้าตัวจริง..มีคนมากมายที่ไล่ตามเธอและตาแก่นั่นก็เหมือนกัน..ตอนแรกฉันคิดว่าเขาเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนแต่น่าเสียดายที่ซินเอ๋อร์ไม่ได้สนใจเขา” หยานตงพูดขณะมองไปที่หม่าเต๋อหงพร้อมกับใบหน้าของเขาที่เต็มไปรสชาติของการล้อเล่น
หม่าเต๋อหงก็จ้องมองหยานตงอย่างดุเดือดและพูดว่า “มันน่าละอายใจจริงๆที่จะพูดกับลูกหลานเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้..เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว!”
“หืม..ฉันจะไปละอายใจเรื่องอะไร” หยานตงพูด “ฉันพูดสิ่งต่างๆอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีอะไรน่าละอายเกี่ยวกับเรื่องนี้..แกสิที่ควรจะเป็นคนละอายใจ”
หม่าเต๋อหงก็สูดลมหายใจด้วยความโกรธและหันหน้าหนีไปและไม่สนใจในสิ่งที่หยานตงพูดอีกต่อไป ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วหม่าเต๋อหงนั้นไม่สามารถโต้เถียงกับคนอย่างหยานตงได้ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่พูดดีกว่าเพราะยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งถูกหยายตงสวนกลับเท่านั้น
หยานตงก็ไม่ได้สุภาพใดๆและเดินมานั่งที่โซฟาอย่างสบายๆและเหลือบมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเขาแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องแนะนำแกให้รู้จักเขาใช่มั้ย?..เอ็งน่าจะรู้จักเขาแล้ว”
“อดีตสมาชิกขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า..โค้ดเนมหมาป่าผีไป๋ฮวย” หม่าเต๋อหงพูด
“ฉันคุยกับไป๋ฮวยมาตั้งแต่สองวันก่อนแล้วแต่เมื่อได้เห็นเอ็งในวันนี้มันช่างเกิดความคาดหมายจริงๆ..นี่สินะวีรบุรุษรุ่นใหม่” หยานตงมองไปที่เย่เชียนและพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อยี่สิบปีที่แล้วฟู่จื้อซานได้ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับพ่อของเอ็ง..ความสามารถพ่อของเอ็งทำให้ฉันชื่นชมเขามาก..แต่ฉันก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าลูกชายของเขาจะเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่แบบนี้..สิ่งที่เอ็งพูดเมื่อกี้นี้มันช่างวิเศษจริงๆมันหายากมากที่จะมีมิตรสหายและศัตรูที่มองสิ่งต่างๆได้กว้างขวางขนาดนี้..ชีวิตนี้ฉันได้เจอคนแบบนี้ถึงสองคนพร้อมกันเพราะงั้นต่อให้ตายไปก็ไม่เสียใจ”
เยถ่เชียนมองไปที่หมาป่าผีไป๋ฮวยและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเดินมากับหยานตง ซึ่งเย่เชียนไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไรแต่ไม่ว่าไป๋ฮวยต้องการทำอะไรเย่เชียนก็เชื่อว่าไปฮวยจะไม่มีวันทำร้ายเขาอย่างแน่นอน เย่เชียนเชื่อมั่นในสิ่งนี้อย่างมากและการแสดงของหยานตงก็ทำให้เย่เชียนสบายใจและความเคารพที่เย่เชียนมีต่อหยานตงก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ชายและเป็นชายชาตินักรบที่แท้จริง
จากนั้นหยานตงก็หันไปมองหูวเค่อและพูดว่า “การล่มสลายและความสามัคคีมันเริ่มจากภายใน..กลับไปบอกอาจารย์ของเธอว่าควรจะฟังฉันบ้าง..หลังจากนี้ก็ระวังสิ่งต่างๆให้ดี”
หูวเค่อก็ตกใจและเห็นได้ชัดว่าคำพูดของหยานตงนั้นมีความหมายบางอย่างและนั่นคือสำนักหยุนเหยานเหมินมีคนทรยศแต่หูวเค่อนั้นไม่แน่ใจว่านี่เป็นกลวิธีและเล่ห์เหลี่ยมของหยานตงหรือข้อเท็จจริงกันแน่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นเย่เชียนก็เหลือบมองเธอและพยักหน้าให้เธอซึ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่หยานตงพูดอาจเป็นความจริง
“หยานตง..แกต้องการอะไรกันแน่?” หม่าเต๋อหงก็มองไปที่หยานตงแล้วพูด
หยานตงก็ยักไหล่และพูดว่า “เดิมทีฉันได้วางแผนจะจัดการประลองครั้งใหญ่กับพวกแกเพราะในแง่ของพลังและความสามารถนั้นลัทธิมารของฉันแข็งแกร่งกว่าเสาหลักและตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณทั้งหมด..แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาลัทธิมารของฉันต้องฝ่าวิกฤตที่ยากลำบากในดินแดนตะวันตกจนฉันรู้สึกอึดอัดมาก..ทำไมพวกแกถึงได้อยู่ในที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฉันต้องอยู่ที่ห่างไกลแบบนั้น..ฉันก็แค่ต้องการพิสูจน์ว่าลัทธิมารของฉันแข็งแกร่งกว่าพวกแกทุกคน..อย่างไรก็ตามฉันได้พบกับไป๋ฮวยเมื่อไม่กี่วันก่อนและเขาก็เตือนฉันเหมือนกับที่เย่เชียนพูดกับพวกแกเพราะงั้นเรามาประลองกันเถอะ..ส่วนฝ่ายไหนที่แพ้ก็จะต้องยอมทำตามและเชื่อฟังอีกฝ่าย!”
“หยานตงฉันรู้ว่าลัทธิมารของแกนั้นแข็งแกร่งแต่ทว่าตั้งแต่เจิ้งหรานตายไปฝ่ายฉันก็ไม่มีใครสามารถเผชิญหน้ากับฝ่ายของแกได้เลย..เพราะงั้นมันคงจะไร้สาระมากถ้าพวกเรายอมตกลง” หม่าเต๋อหงพูด
“แล้วแกกลัวมั้ย?” หยานตงยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ดูเหมือนว่าแกจะแก่แล้วจริงๆ..ไม่ใช่แค่แกไม่มีความทะเยอทะยานแต่แกยังไม่กล้าด้วย..ถ้าหากแกไม่เต็มใจเรื่องการประลองล่ะก็ถ้างั้นทางเลือกสุดท้ายคือเราจะเริ่มสงครามกันอย่างเป็นทางการและในเวลานั้นฉันหยางตงผู้นี้จะสร้างหายะให้กับทุกคนเอง!”
หม่าเต๋อหงนั้นรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของหยานตงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนและการต่อสู้กับเขาแบบตัวต่อตัวนั่นคือการเดินไปหาความตายอย่างไม่ต้องสงสัยและไม่มีโอกาสชนะอย่างแน่นอน ซึ่งในเวลานั้นลัทธิมารจะปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาต้องการงั้นหรือ? อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่เห็นด้วยล่ะก็สิ่งต่างๆก็จะแย่ลงไปอีกแต่การตกลงหรือเห็นด้วยกับเงื่อนไขดังกล่าวนั้นเขาก็อาจจะมีโอกาสชนะก็เป็นได้
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินใจได้ในทันทีและปู่ของผมก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนของตระกูลทั้งหมดได้..ถ้าเขาตกลงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรถ้าหากคนอื่นๆไม่ยอม” เย่เชียนพูดต่อ “ผมคิดว่าผู้อาวุโสหยานไม่ควรที่จะรีบร้อนเกินไปไม่ใช่เหรอ”
หยานตงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “บอกตามตรงถึงที่นั่นจะเป็นทะเลทรายในภูมิภาคตะวันตกและค่อนข้างรกร้างก็ตามแต่มันก็สะดวกสบาย..ต่อให้เมืองใหญ่ๆแบบนี้จะเจริญรุ่งเรืองแค่ไหนแต่มันก็น่ารำคาญอยู่ดี..เพราะงั้นคำพูดของเอ็งนั้นก็ไม่มีปัญหาถ้าอีกฝ่ายต้องการเวลาฉันก็ไม่มีข้อโต้แย้งอะไร..แต่มีเงื่อนไขหนึ่งที่พวกเอ็งต้องเข้าใจให้ชัดเจน”
“ผู้อาวุโสหยานมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ” เย่เชียนพูด
หยานตงก็พยักหน้าและหันไปมองหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วพูดว่า “ไป๋ฮวยนี่เป็นเรื่องของเอ็งเพราะงั้นเอ็งก็ควรจะพูดด้วยตัวเอง”
“ครับ!” ไป๋ฮวยพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่เย่เชียนแล้วพูดอย่างช้าๆว่า “นายกับฉันจะต้องต่อสู้กันก่อนศึกสงครามฝ่าย..ถ้าหากนายชนะล่ะก็หลังจากนี้เป็นเวลาสองปีลัทธิมารจะไม่ย่างก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกเพื่อให้ฝ่ายนายได้เตรียมตัวให้พร้อม..แต่ถ้าหากนายแพ้ล่ะก็ฝ่ายนายจะต้องส่งคนมาประลองศึกสงครามฝ่ายในทันที!”
.