ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 865 พยายามด้วยตัวเอง
ตอนที่ 865 พยายามด้วยตัวเอง
ณ ห้องประชุมของเครือน่านฟ้ากรุ๊ป!
เย่เชียนชำเลืองมองไปยังผู้จัดการแผนกทั้งหมดที่อยู่ตรงนั้นและพูดอย่างช้าๆ “เมื่อวานมีบางอย่างทำให้ผมไม่ได้มาที่บริษัท..ผมได้ยินมาว่าเมื่อเช้านี้ทุกคนคุยกันเรื่องธุรกิจโฆษณาของบริษัทในปีนี้เพราะงั้นการประชุมนี้จึงจัดขึ้นเพื่อมาหารือกัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เชียนแล้วเหล่าผู้บริหารผู้จัดการก็แอบดีใจและอดคิดไม่ได้เพราะดูเหมือนว่าเร็วๆนี้จะมีการต่อสู้ที่น่าจับตามองอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเช้านี้ชางกวนเจ้อพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมอบธุรกิจโฆษณาทั้งหมดให้บริษัททะเลสี่ทิศดูแลแต่ทว่าในช่วงเย็นเย่เชียนกลับจัดประชุมอีกครั้งและเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะโต้แย้งชางกวนเจ้อ
“การลงทุนด้านโฆษณาประจำปีของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นค่อนข้างสำคัญและการลงทุนด้านโฆษณาของสาขาปักกิ่งเพียงสาขาเดียวก็มีงบประมาณอยู่ที่ประมาณยี่สิบล้านต่อปี..ซึ่งปักกิ่งนั้นเป็นเมืองหลวงของจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองและวัฒนธรรมและจะเป็นจุดสนใจของเหล่านักธุรกิจรายใหญ่มากมายในอนาคตเพราะงั้นสำนักงานใหญ่จึงตัดสินใจว่าในอนาคตธุรกิจโฆษณาทั้งหมดของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปจะถูกจัดการโดยสำนักงานใหญ่..ดังนั้นภาระบนและหน้าที่รับผิดชอบของเราจึงหนักมาก” เย่เชียนพูดอย่างช้าๆ “ดังนั้นมันจึงสำคัญมากที่จะต้องเลือกบริษัทโฆษณาที่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้และต้องมีชื่อเสียงควบคู่กับมาตรฐานที่สูงไปด้วย..ผมเพิ่งมาที่เมืองนี้จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆในปักกิ่งมากนักเพราะงั้นผมจึงอยากให้ทุกคนแบ่งปันความคิดเห็นของพวกคุณว่าบริษัทโฆษณารายไหนดีกว่ากัน”
เหล่าผู้บริหารผู้จัดการต่างก็กระซิบและพูดคุยกันแต่ไม่มีใครพูดออกมาเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของเย่เชียนจนไม่มีใครกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นใดๆเป็นคนแรก
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่าไม่มีการแสดงความคิดเห็นดังนั้นเย่เชียนจึงหันไปมองชางกวนเจ้อและพูดว่า “รองผู้จัดการชางผมได้ยินมาว่าวันนี้คุณขัดต่อความคิดเห็นของผู้บริหารคนอื่นๆและคุณต้องการมอบธุรกิจโฆษณาปีนี้ให้บริษัททะเลสี่ทิศดูแลใช่มั้ย?..ผมอยากรู้ว่าคุณใช้พื้นฐานอะไรในการตัดสินใจ?”
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของชางกวนเจ้อดูขุ่นเคืองเล็กน้อยเพราะเดิมทีเขาต้องการจะดูแลธุรกิจโฆษณาแต่เย่เชียนที่เพิ่งมาที่เมืองนี้กลับต้องการแย่งสิ่งที่เขาพยายามไป ซึ่งถึงแม้ว่างบประมาณจะเพียงแค่ 20 ล้านหยวนและไม่ได้มากถึงขนาดนั้นแต่เมื่อเซ็นสัญญาแล้วเขาจะสามารถใช้โอกาสเพื่อลงทุนเพิ่มได้และเงินที่เขาจะได้รับในตอนนั้นจะไม่ใช่แค่ 20 ล้านเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่เคยคิดที่จะพัฒนาเครือน่านฟ้ากรุ๊ปแต่อย่างใดเพราะเหตุผลที่เขามาที่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปก็คือการใช้โอกาสนี้เพื่อคว้าโอกาสในการทำกำไรให้กับบริษัททะเลสี่ทิศและตัวเขาเอง เขาไม่ได้โง่เพราะแน่นอนว่าเขารู้ว่าในฐานะบริษัทชั้นนำ 20 อันดับแรกของโลกอย่างเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั้นเขาไม่สามารถทำลายมันได้ตามต้องการแต่สาขาปักกิ่งที่ก่อตั้งขึ้นได้ไม่นานและรากฐานก็ยังไม่มั่นคงดังนั้นเขาจึงสามารถทำได้และใช้ประโยชน์จากมัน เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากจัดการกับผู้จัดการสาขาเฉียนเย่แล้วตำแหน่งผู้จัดการของสาขาปักกิ่งก็จะเป็นของเขาอย่างแน่นอนแต่เขาไม่คิดว่าเย่เชียนจะโผล่มาอย่างกะทันหัน ดังนั้นเขาจึงไม่สบอารมณ์โดยธรรมชาติ
“อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลยเพราะคนอื่นๆก็ควรมีความชัดเจนว่าบริษัททะเลสี่ทิศเป็นบริษัทเก่าในเมืองปักกิ่งและเป็นหนึ่งในห้าร้อยบริษัทชั้นนำของโลกและมีประวัติการทำงานมากกว่าร้อยปีในปักกิ่ง..ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทีมผู้บริหารหรือบริษัทนั้นชื่อเสียงและผลงานก็ดีมากและผมก็ได้วิเคราะห์แผนงานที่ส่งมาจากพวกเขาแล้วด้วย..เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆแล้วพวกเขาก็เหนือกว่าจริงๆ..ด้วยเหตุนี้ผมจึงส่งมอบธุรกิจโฆษณาให้กับบริษัททะเลสี่ทิศและผมก็มั่นใจมาก” ชางกวนเจ้อพูด
“บริษัททะเลสี่ทิศ?” เย่เชียนก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัททะเลสี่ทิศแต่เท่าที่ผมรู้ธุรกิจหลักของบริษัทของพวกเขาไม่ใช่ธุรกิจโฆษณาและต่อให้ไม่กี่ปีมานี้บริษัทจะค่อนข้างแข็งแกร่งขึ้นก็ตามแต่ก็ยังไม่เหมาะกับธุรกิจโฆษณาอยู่ดี..นอกจากนี้พวกเขาเป็นบริษัทครอบครัวและผมคิดว่ามันจะขาดความคิดสร้างสรรค์และวิสัยทัศน์ไป..คุณรู้ไหมว่าตอนนี้สังคมนี้มีความก้าวหน้าที่รวดเร็วและล้ำหน้าทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นเพราะงั้นธุรกิจแบบครอบครัวดังกล่าวจึงไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป..เราควรจะจ้างบริษัทมืออาชีพแบบเฉพาะทางไปเลย..แบบนี้จะดีกว่าบริษัททะเลสี่ทิศไม่ใช่เหรอ?”
เหล่าผู้บริหารผู้จัดการเห็นว่าเย่เชียนนั้นโจมตีชางกวนเจ้อตรงๆและพวกเขาทั้งหมดก็รอดูท่าที ซึ่งในพวกนั้นไม่ใช่จิ้งจอกเฒ่าที่ทำงานหนักในห้างสรรพสินค้ามาช้านานดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจเมื่อเห็นพายุเช่นนี้ พวกเขาไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ระหว่างเย่เชียนกับชางกวนเจ้อแต่อย่างใด
“ธุรกิจแบบครอบครัวก็มีช่องโหว่อยู่บ้างแต่บริษัทดังกล่าวมีความเหนียวแน่นมากกว่าและสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้และนอกจากนี้บริษัททะเลสี่ทิศหยั่งรากลึกในเมืองปักกิ่งและความสัมพันธ์ในทุกๆด้านก็ดีมาก..หากเราสามารถร่วมมือกับพวกเขาได้มันจะดีสำหรับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปของเรา..มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเพราะงั้นถ้าคุณเย่ไม่เชื่อผมก็สามารถแสดงข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับบริษัททะเลสี่ทิศและแผนงานวิสัยทัศน์ของพวกเขาให้คุณดูได้..มันมากเกินไปหรือเปล่าที่คุณจะโต้แย้งโดยที่ยังไม่ทราบสถานการณ์และข้อมูลเชิงลึก?”
“การที่รองผู้จัดการชางพูดแบบนี้มันเป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาให้ผลประโยชน์อะไรบางอย่างกับคุณ..หรือพวกเขาติดสินบนคุณหรือเปล่า?” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“ไร้สาระ” ชางกวนเจ้อตัวสั่นและพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “คุณเย่ผมก็แค่กำลังชี้แจงเรื่องต่างๆแต่คุณกลับกล่าวหาและดูถูกผมโดยไม่มีเหตุผล..คุณมีแรงจูงใจอะไร?”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “รองผู้จัดการชางอย่าเพิ่งโมโหสิผมก็แค่ล้อเล่น..จริงๆแล้วผมเข้าใจกฎของอุตสาหกรรมและธุรกิจที่พูดไม่ได้เช่น..ซองจดหมายสีแดงและเงินใต้โต๊ะนั้นก็เป็นเรื่องปกติและผมก็ไม่ได้รังเกียจหรือโต้แย้งเพราะอันที่จริงตราบใดที่บริษัททะเลสี่ทิศมีจุดแข็งแบบนั้นจริงมันก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะมอบธุรกิจโฆษณาให้กับพวกเขาหรอก” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “เนื่องจากรองผู้จัดการชางไว้วางใจบริษัททะเลสี่ทิศมากถึงขนาดนั้นถ้างั้นก็ว่ากันตามนั้นเลย..เอาล่ะหลังจากที่คุณร่างเอสการสัญญาแล้วก็นำมันมาให้ผมเซ็น..ว่าแต่อย่าลืมชวนผมไปทานมื้อเย็นด้วยล่ะ”
ชางกวนเจ้อก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก ส่วนผู้บริหารผู้จัดการคนอื่นที่เข้าร่วมการประชุมก็ประหลาดใจเช่นกัน เดิมทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถเห็นการแสดงที่ดีของการต่อสู้ระหว่างมังกรและเสือได้แต่ตอนนี้มันกลายเป็นจุดจบที่ค่อนข้างเกินคาดจริงๆ
ซือจื้อที่อยู่ข้างๆก็เหลือบมองเย่เชียนด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ว่าเย่เชียนกำลังคิดอะไรอยู่เพราะในความเป็นจริงตั้งแต่ที่เย่เชียนมายังเครือน่านฟ้ากรุ๊ปสาขานี้เธอก็รู้สึกได้ว่าเย่เชียนตั้งใจที่จะเล็งเป้าไปที่ชางกวนเจ้อและตอนนี้เธอก็ยืนอยู่บนเรือลำเดียวกับชางกวนเจ้อดังนั้นเธอจะไม่แปลกใจได้ยังไง
เย่เชียนกวาดสายตามองเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมแล้วพูดว่า “อะไรเหรอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า..ทำไมทุกคนถึงมองมาที่ผมด้วยสีหน้าแบบนั้นล่ะ..ฉันแค่พูดถึงเรื่องต่างๆผมไม่ใช่เผด็จการและทุกอย่างก็เป็นประชาธิปไตยแล้ว..อีกอย่างรองผู้จัดการชางก็เชื่อในบริษัททะเลสี่ทิศอย่างมากเพราะงั้นการที่ธุรกิจโฆษณาถูกส่งมอบให้พวกเขาก็ต้องเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”
เหล่าผู้เข้าประชุมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะเมื่อเย่เชียนมาที่บริษัทในวันแรกเขาตำหนิชางกวนเจ้อและถึงแม้ว่าเย่เชียนจะไม่ได้ระบุชื่อเขาโดยตรงแต่ทุกคนก็รู้ว่าเย่เชียนตั้งใจเล็งเป้าไปที่ชางกวนเจ้อ อย่างไรก็ตามในเวลาเพียงไม่กี่วันเย่เชียนก็กลายเป็นแบบนี้ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกว่าเย่เชียนยังไร้ความสามารถและพ่ายแพ้ให้กับชางกวนเจ้อแล้ว
“เอาล่ะการประชุมวันนี้ก็มีเท่านี้..ผมขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาพักของพวกคุณจริงๆ” หลังจากพูดเสร็จเย่เชียนก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องประชุม ส่วนชางกวนเจ้อก็มีสีหน้าที่ดูว่างเปล่าและมองไปที่แผ่นหลังของเย่เชียนจากนั้นก็หันความสนใจไปที่ซือจื้อซึ่งกำลังยิ้มหวานๆและเดินจากไปจนชางกวนเจ้อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขาเพราะดูเหมือนว่าซือจื้อจะจัดการกับเย่เชียนแล้วดังนั้นเรื่องต่างๆจึงราบรื่นมาก
ชางกวนเจ้อก็ตระหนักดีถึงบุคลิกของซือจื้อและเธอก็ค่อนข้างฉลาดและเขาก็เชื่อว่าซือจื้อจะไม่ตกหลุมพรางในมือของเย่เชียนนจนเขาอดคิดในใจไม่ได้ว่าเย่เชียนคงจะหลงใหลซือจื้ออย่างสมบูรณ์แบบแล้วซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะในอนาคตเขาจะมีน้ำหนักและอำนาจมากขึ้นที่จะพูดสิ่งต่างๆที่นี่นั่นเอง
กลับมาที่ออฟฟิศเย่เชียนก็ฉีกยิ้มที่มุมปากของเขาและดูเหมือนว่าแผนการจะราบรื่นมากเพราะชางกวนเจ้อติดกับดักตามแผนที่เขาวางไว้ ซึ่งเขารู้ดีว่าการทำเช่นนี้จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้แต่ทว่ามันสามารถบรรลุผลเหมือนการเขย่าภูเขาและล่อเสือออกมาจากถ้ำได้เพราะคนจากตระกูลชางกวนจะคิดว่าตัวเขานั้นโง่จนประมาท
“ปัง..ปัง..ปัง!” เสียงเคาะประตูดังขึ้นและทำให้เย่เชียนตื่นจากความคิดของเขา “เข้ามา!” เย่เชียนพูด
ซือจื้อผลักประตูห้องออฟฟิศและเดินเข้าไปแล้วปิดประตูจากนั้นก็มานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเย่เชียนและแล้วถามว่า “ในการประชุมก่อนหน้านี้ทำไมคุณถึงเห็นด้วยกับคำแนะนำของรองผู้จัดการชางกวน?..คุณไม่รู้หรือว่าบริษัททะเลสี่ทิศเป็นทรัพย์สินของตระกูลชางกวนของเขาน่ะ?”
เย่เชียนก็แสร้งทำเป็นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ห๊ะอะไรนะ!..บริษัททะเลสี่ทิศเป็นทรัพย์สินของตระกูลชางกวนงั้นเหรอ?..คุณหมายความว่าบริษัททะเลสี่ทิศนั้นเป็นของชางกวนเจอใช่มั้ย?”
ซือจื้อก็ถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นการแสดงออกที่ดูประหลาดใจของเย่เชียนและเธอก็ไม่เห็นความสงสัยใดๆเลยแม้แต่น้อยและพูดด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คุณไม่รู้เลยเหรอ..ฉันคิดว่าคุณจะต้องคัดค้านอย่างแน่นอนเพราะอันที่จริงแล้วสมมุติว่าบริษัททะเลสี่ทิศจะไม่ใช่ธุรกิจของตระกูลชางกวนคุณก็ไม่ควรจะเห็นด้วย..คุณรู้หรือเปล่าว่าการที่คุณตัดสินใจแบบนี้นั้นมันกำลังเป็นไปตามแผนของรองผู้จัดการชางและมันจะยากสำหรับคุณที่จะบริหารบริษัทในอนาคต”
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่เชียนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อันที่จริงการที่บริษัททะเลสี่ทิศเป็นธุรกิจของตระกูลชางกวนนั้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอ..เพราะในกรณีนี้รองผู้จัดการชางจะสามารถควบคุมการดำเนินงานได้อย่างเต็มที่..อย่างที่ผมพูดนั่นแหละตราบใดที่มันดีต่อบริษัทมันก็ไม่สำคัญว่าผมจะทำงานกับบริษัทไหนหรือกับใคร”
.