ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 712 ยึดอำนาจ ตอนที่ 10
ตอนที่ 712 ยึดอำนาจ ตอนที่ 10
เย่เชียนนั้นเป็นผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าและมีทรัพยากรอันมหาศาลไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรเครือข่ายหรือทรัพยากรทางเศรษฐกิจและเพียงแค่เครือน่านฟ้ากรุ๊ปช่องทางเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนหวั่นเกรง ดังนั้นนากาซาวะจึงหวั่นเกรงเย่เชียนอย่างยิ่งและต้องการกำจัดเย่เชียนจากนั้นก็ยึดครององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเอาไว้ภายใต้เธอกละเมื่อถึงตอนนั้นความแข็งแกร่งขององค์ชาโด้ซากุระก็จะรุ่งโรจน์อย่างยิ่ง
นอกจากนี้เย่เชียนเองก็ยังมีชิบะโชโกะลูกสาวของรองหัวหน้าสมาคมมังกรดำอย่างชิบะชิเงโอะ ดังนั้นหากนากาซาวะเคโกะสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้เธอก็จะสามารถถือไพ่เหนือกว่าสมาคมมังกรดำอย่างยิ่งและสามารถใช้ชิบะโชโกะเพื่อกดดันชิบะชิเงโอะได้อีกด้วย
ดังนั้นนากาซาวะเคโกะจึงไม่คิดที่จะฆ่าเย่เชียนในตอนนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็รู้ดีเช่นกันว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะให้เย่เชียนยอมเพราะเย่เชียนเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอปวดหัวโดยไม่ต้องพูดถึงกองกำลังเขี้ยวหมาป่าของเขาเลย ดังนั้นเธอจึงต้องจึบซ่งหลันก่อนจากนั้นจึงค่อยข่มขู่เย่เชียนเพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นเย่เชียนจะต้องฟังเธออย่างแน่นอน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ฮัตโตริชิฮิโระก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณเย่..คุณไปช่วยคุณซ่งก่อนเถอะผมไม่เป็นไร..คนพวกนี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
เย่เชียนหันกลับไปมองที่ฮัตโตริชิฮิโระในขณะที่รับมือกับการโจมตีของอีกฝ่ายและพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ..พี่หลันสามารถจัดการเองได้” ถึงแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นแต่เย่เชียนก็ค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซ่งหลันอยู่ดีเพราะท้ายที่สุดซ่งหลันก็ไม่ได้ต่อสู้มาหลายปีแล้วดังนั้นจึงทำให้ทักษะของเธอลดลงไปเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากได้ยินคำสั่งของนากาซาวะเคโกะแล้วทหารเหล่านั้นก็หันไปโจมตีซงหลันทันทีจากนั้นพวกเขาก็ใช้มีดแทงเข้าไปทางซ่งหลันโดยตรง ซึ่งพวกเขาเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดและมีทักษะการต่อสู้ที่ดีและนอกจากนี้พวกเขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนวิชานินจาผ่านองค์กรชาโด้ซากุระดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อ่อนแอเลย
“นี่!..เมื่อไหร่พวกพี่จะออกมาช่วย..จะรอดูการแสดงไปถึงเมื่อไหร่?” เย่เชียนพึมพำ
ทันทีที่คำพูดของเย่เชียนจบลงพวกเขาก็เห็นคนกระโดดลงมาจากเพดานพร้อมกับมีดในมือแล้วเจาะเข้าไปที่หน้าอกของผู้นำกลุ่มทหาร ซึ่งคนดังกล่าวไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นหลินเฟิงที่ซ่อนตัวอยู่บนเพดานมุมมืดๆเพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งหลังจากใช้มีดเจาะเข้าไปที่หน้าอกของชายหนุ่มแล้วหลินเฟิงก็เตะเขาออกไป แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อยดังนั้นเขาจึงถูกเตะและกระเด็นออกไปแล้วตายในทันที
หลินเฟิงนั้นเป็นผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลและมีทักษะวิชาลับไร้เงาและเขาก็เชี่ยวชาญในการลอบสังหารอย่างมาก ซึ่งอีกฝ่ายจะไม่สามารถตอบโต้หรือป้องกันได้เลย
หลังจากนั้นหมาป่าผีไป๋ฮวยก็กระโดดลงมาเช่นกันและมีดในมือของเขาเลื้อยไปเลื้อยมาราวกับงูและโจมตีอย่างรุนแรงและรวดเร็วและเพียงในชั่วพริบตาเขาก็ได้ฆ่าเหล่าทหารหลายคนที่เข้าไปโจมตีซ่งหลัน
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่จะต้องมา”
ไป๋ฮวยก็ยิ้มอย่างเย็นชาและไม่สนใจเย่เชียนอีกต่อไป หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ไอ้พวกบ้ารังแกกุลสตรีได้ยังไง..บังอาจมาทำร้ายน้องสะใภ้ของฉันงั้นเหรอ!”
เย่เชียน็แสยะยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนฮัตโตริชิฮิโระก็รู้สึกประหลาดใจอย่างลับๆเพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในตระกูลนินจาทั้งหมด ซึ่งเขานั้นไม่ได้สงสัยในความสามารถของหลินเฟิงกับไป๋ฮวยแต่อย่างไร แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือการที่เย่เชียนได้เตรียมการเอาไว้ก่อนอย่างชัดเจนและเตรียมคนเหล่านี้เอาไว้เพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม เมื่อเห็นเช่นนี้เขาก็คิดว่าเย่เชียนนั้นน่ากลัวเกินไปและฮัตโตริชิฮิโระก็แอบตัดสินใจอย่างลับๆว่าเขาจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับเย่เชียนในอนาคตอย่างเด็ดขาด
ทางด้านชิงเฟิงที่คอยรักษาการณ์อยู่ข้างนอกเมื่อเขาเห็นหลินเฟิงและไป๋ฮวยปรากฏตัวขึ้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงโบกมือให้สัญญาณเหล่าสมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าและหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็รีบเข้าไปยังด้านในทันที เดิมทีชิงเฟิงก็ไม่อยากพลาดการแสดงดีๆดังนั้นหากเขาไม่เคลื่อนไหวเขาก็จะผิดหวังเพราะในเมื่อเขามาที่นี่หากเขาไม่แสดงทักษะของเขาที่ฝึกฝนมานานมันจะน่าเสียดายอย่างมาก
“บอส!..พวกผมมาแล้ว!” ชิงเฟิงมาที่ประตูและรีบตะโกนเข้าไปอย่างเกรี้ยวกราด
เย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไอบ้านี่!..ฉันบอกว่าอย่าทำอะไรให้มันโจ่งแจ้ง..เอาเถอะรีบไปคุ้มกันผู้อาวุโสฮัตโตริ..แล้วก็ฆ่าทุกคนซะยกเว้นผู้หญิงคนนั้น!”
ผู้หญิงที่เย่เชียนชี้ให้ชิงเฟิงดูก็คือนากาซาวะเคโกะ เนื่องจากผู้หญิงคนนี้คือสมาชิกขององค์กรชาโด้ซากุระดังนั้นเย่เชียนจึงต้องการที่จะเก็บเธอเอาไว้เพื่อที่จะทรมานและเค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากปากของเธอ ซึ่งหลังจากที่ชิงเฟิงได้รับคำสั่งของเย่เชียนเขาก็โบกมือและสั่งให้สมาชิกของหน่วยกรงเล็บหมาป่าจำนวนหนึ่งไปคอยคุ้มกันฮัตโตริชิฮิโระส่วนสมาชิกคนอื่นๆก็ไปไล่ฆ่าคนของนากาซาวะเคโกะอย่างดุเดือด ชิงเฟิงนั้นเป็นดั่งปรมาจารย์ผู้ปรารถนาให้โลกเกิดความโกลาหลเพราะก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันคงจะน่าตื่นเต้นมากที่ติดตามเย่เชียนมาที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อมาทำสงครามแต่เขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้คุ้มกันจึงทำให้เขารู้สึกเสียใจมากแต่ทว่าในตอนนี้เขาก็ได้ออกปฏิบัติภารกิจที่น่าตื่นเต้นเขาจึงรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
เมื่อดันโซบายาชิเห็นว่าโอกาสรอดชีวิตของเขามีเพิ่มมากขึ้นแล้วความมั่นใจของเขาก็เพิ่มขึ้นในทันใดและขาก็ลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เขาต้องการที่จะกำจัดเย่เชียนเช่นกันดังนั้นเขาจะปล่อยเย่เชียนไปได้อย่างไร? ซึ่งต่างจากเย่เชียนเพราะสิ่งที่เขาให้ความสนใจคือเขาจะต้องตอบแทนผู้มีพระคุณและใครที่เป็นหนี้บุญคุณเขาก็ต้องชดใช้คืนหากถึงเวลาอันควร ดังนั้นดันโซบายาชิที่เคยวางแผนจะกำจัดตัวเองเพื่อแสดงความจงรักภักดีให้กับสมาคมมังกรดำนั้นเย่เชียนจะไม่มีวันให้อภัย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเย่เชียนต้องการให้ฮัตโตริชิฮิโระขึ้นเป็นผู้นำสำนักนินจาอิงะคนต่อไปล่ะก็เขาต้องกำจัดดันโซบายาชิเท่านั้น
นากาซาวะเคโกะก็ประหลาดใจเมื่อเห็นคนของเธอถูกฆ่าไปทีละคนและเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเพราะก่อนหน้านี้เธอคิดว่าวันนี้เธอได้เปรียบและทุกอย่างจะต้องอยู่ในการควบคุมของเธอแต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนั้นเป็นแผนการของเย่เชียนดังนั้นเธอจึงเกลียดเย่เชียนมากขึ้นไปอีกเพราะถ้าเย่เชียนไม่เข้ามาแทรกแซงล่ะก็แผนการของเธอคงจะไม่ถูกทำลายอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนากาซาวะเคโกะก็รู้สึกได้ว่าตรางใดที่ยังมีเย่เชียนอยู่เขาก็จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาองค์กรชาโด้ซากุระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วนากาซาวะเคโกะก็เข้าใจดีว่าความหวังของเธอที่จะยึดอำนาจสำนักนินจาอิงะนั้นได้พังทลายลงไปแล้วและแม้แต่ชีวิตของเธอเองก็อาจจะต้องจบลงที่นี่ ถึงแม้ว่าเธอต้องการหลบหนีไปก็ตามแต่เธอก็มองไม่เห็นโอกาสเลยแม้แต่น้อย
การต่อสู้ที่ดุเดือดในตอนนี้ดันโซบายาชิก็รู้ดีว่าทักษะการต่อสู้ของเขานั้นไม่สามารถเทียบกับนากาซาวะเคโกะได้เลย แต่ตราบใดที่เขายังสามารถรักษาชีวิตของตัวเองต่อไปได้ล่ะก็เขาอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตถ้าหากเย่เชียนกำจัดอีกฝ่ายหมดแล้ว
นากาซาวะเคโกะก็กังวลและประม่าจนทำให้ความเร็วในการโจมตีของเธอเปลี่ยนไปและดูร้อนรนอย่างมากเพราะเธอรู้ว่าดันโซบายาชินั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ดังนั้นแน่นอนว่าเธอจะไม่ปล่อยให้เขาได้สิ่งที่ต้องการเพราะมันจะเป็นอันตรายต่อเธอมากถ้าหากเธอยังมัวเสียเวลาอยู่กับดันโซบายาชิ ดังนั้นนากาซาวะเคโกะจึงเพิ่มความรุนแรงและความรวดเร็วในการโจมตีมากกว่าเดิม
นากาซาวะเคโกะนั้นอยู่กับดันโซบายาชิมาหลายปีแล้วและรู้จุดอ่อนในศิลปะการต่อสู้ของดันโซบายาชิเป็นอย่างดี ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้การโจมตีของนากาซาวะเคโกะราบรื่นขึ้นมากและทุกๆครั้งที่ดันโซบายาชิเคลื่อนไหวนากาซาวะเคโกะก็สามารถรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อไปหรือกำลังจะใช้กระบวนท่าไหน
ไม่มีศิลปะการต่อสู้ใดๆในโลกใบนี้ที่สมบูรณ์ไร้ที่ติเพราะกุญแจสำคัญคือผู้ใช้ต้องมีระดับการฝึกฝนที่สูงและสามารถซ่อนข้อบกพร่องระหว่างการเคลื่อนไหวและกระบวนท่าได้ นอกจากนี้เนื่องจากความเร็วในการโจมตีที่รวดเร็วถึงแม้ว่าคู่ต่อสู้จะพบข้อบกพร่องแต่ก็ไม่มีเวลาตอบสนองได้เลย
ดังนั้นการที่นากาซาวะเคโกะได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อบกพร่องในศิลปะการต่อสู้ของดันโซบายาชิจึงมีผลกระทบอย่างมากต่อประสิทธิภาพการต่อสู้ของดันโซบายาชิอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ว่าอาวุธที่นากาซาวะเคโกะใช้จะเป็นเพียงแค่มีดสั้นแต่เป็นเพราะเธอรู้ข้อบกพร่องในการเคลื่อนไหวของดันโซบายาชิดังนั้นจึงสามารถตอบโต้และสามารถสวนกลับได้อย่างสมบูรณ์แบบจนดาบยาวคาตานะในมือของดันโซบายาชิไม่สามารถใช้ความได้เปรียบได้เลย
ตอนนี้เมื่อนากาซาวะเคโกะเห็นคนของเธอจำนวนมากถูกฆ่าตายไปแล้วเธอก็กระวนกระวายและประหม่าอย่างมาก ส่วนทางด้านของเย่เชียนก็มีความสุขเพราะเขาเพียงแค่ยืนดูดันโซบายาชิสู้กับนากาซาวะเคโกะอย่างเงียบๆ ซึ่งถึงแม้ว่าดันโซบายาชิจะเรียนวิชาดาบตำราจีนก็ตามแต่สุดท้ายเขาก็ต้องใช้วิชาดาบของสำนักนินจาอิงะเป็นหลักอยู่ดี นอกจากนี้นากาซาวะเคโกะยังเป็นสมาชิกขององค์กรชาโด้ซากุระดังนั้นทักษะการต่อสู้ที่เธอใช้นั้นก็ซับซ้อนและแปลกประหลาดอย่างมาก ดังนั้นเย่เชียนจึงไม่คิดที่จะพลาดโอกาสดังกล่าวไปและเขาก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปแทรกแซงแต่เขาเลือกใช้ประโยชน์จากเวลานี้เพื่อศึกษาทักษะการต่อสู้ของเหล่านินจา เพราะถ้าหากเย่เชียนไม่สามารถรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาในอนาคตนั้นจะมีทักษะอย่างไรมันก็จะรับมือได้ยากและยิ่งไปกว่านั้นทักษะการต่อสู้ของเย่เชียนก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกและอาจจะไม่เก่งเท่านากาซาวะเคโกะดังนั้นเขาจึงต้องสังเกตและจดจำอย่างเคร่งครัด
ขณะที่การรุกของนากาซาวะเคโกะค่อยๆรุนแรงขึ้นความกดดันของดันโซบายาชิก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกันและสิ่งเดียวที่เขาถูกบังคับให้ต้องทำคือหลบหลีกเท่านั้น เมื่อดันโซบายาชิเหล่มองเย่เชียนที่ยืนดูอยู่ข้างๆอย่างสบายใจเฉิบแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เย่เชียน!..ทำไมคุณไม่เข้ามาช่วยและฆ่าผู้หญิงคนนี้ด้วยกันล่ะ?”
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสดันโซ..นี่คุณกำลังขอร้องผมอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดันโซบายาชิก็กัดฟันอย่างเดือดดาลแล้วพูดว่า “เย่เชียน..คุณมันจอมฉวยโอกาส”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” เย่เชียนพูด “ผู้อาวุโสดันโซลืมไปแล้วหรอว่าก่อนหน้านี้คุณยังคิดที่จะฆ่าผมอยู่เลย..แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงต้องช่วยคุณด้วย?..เพราะงั้นคุณต้องสู้อย่างสมศักดิ์ศรี..ผมรับปากเลยว่ามันจะไม่มีใครเข้าไปรบกวนการต่อสู้ของคุณอย่างแน่นอน..อีกอย่างไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรผมก็เลือกที่จะร่วมมือกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อฆ่าคุณเสียยังดีกว่า”
ดันโซบายาชิถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหยุดพูดไป หากเขายังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้เขาก็คงมีชีวิตอยู่มาอย่างเปล่าประโยชน์เพราะทัศนคติของเย่เชียนนั้นชัดเจนมากแล้วว่าสิ่งที่เย่เชียนต้องการก็คือเขาไม่ต้องการให้ตนมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถอนตัวดังนั้นเขาต้องรับมือกับมันให้ถึงที่สุด
.
.
.
.
.
.
.