ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 664 มังกรซ่อนเขี้ยว
ตอนที่ 664 มังกรซ่อนเขี้ยว
เมื่อหมาป่าผีไป๋ฮวยทำสิ่งต่างๆแล้วเขาก็มักจะเป็นคนที่ไร้เหตุผลและนั่นเป็นสาเหตุที่พี่น้องคนอื่นๆในเขี้ยวหมาป่าไม่ชอบเขาแต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะร่วมมือกับเย่เชียนแล้วแต่ไป๋ฮวยนั้นก็ไม่จำเป็นต้องบอกเย่เชียนทุกเรื่องเพราะเขาก็ยังคงทำตามแผนเดิมของเขาและไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในเย่เชียนและไม่ใช่ว่าเขากำลังหักหลังหรืออะไรแต่นี่บุคลิกและนิสัยของเขานั่นเอง เขานั้นไม่ชอบพูดคุยกับคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ ซึ่งถ้าหากคนอย่างหมาป่าผีไป๋ฮวยมีความตั้งใจที่จะหักหลังหรือกำจัดเย่เชียนล่ะก็เขาก็จะไม่เลือกที่จะมาที่ประเทศญี่ปุ่นเลยและเขาก็ไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับเย่เชียนเลย
ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆดังนั้นไป๋ฮวยคนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันเพราะเขาหลอกใช้จ้าวซินเพื่อช่วยแก๊งเจ้าพ่อฝูชิงในการกำจัดสายลับและกำจัดผู้ช่วยของโย่วซวนออกไป ซึ่งนี่เป็นความช่วยเหลือที่ยอดเยี่ยมสำหรับเย่เชียนเลยก็ว่าได้และไม่ว่าไป๋ฮวยจะตั้งใจช่วยหรือกระทำการตามอำเภอใจก็ตามแต่มันก็สามารถช่วยให้แผนของเย่เชียนดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
อย่างไรก็ตามแต่เดิมไป๋ฮวยนั้นไม่ได้คิดที่จะฆ่าจ้าวซินแต่ทว่าจ้าวซินโง่เขลาเกินไปเพราะเขาเกือบจะทำแผนของไป๋ฮวยพังทลายดังนั้นไป๋ฮวยจึงคิดว่าเขาคงจะปล่อยจ้าวซินมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แล้วไม่เช่นนั้นแผนการของเขาอาจจะพังทลายจริงๆขึ้นมาก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นไป๋ฮวยเองก็ไม่กลัวว่าโย่วซวนจะสงสัยสิ่งต่างๆจากการตายของจ้าวซินเลย เพื่อให้แผนการสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นแล้วเขาก็พร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งหมดนี้เย่เชียนและหลินเฟิงถูกทิ้งเอาไว้ในความมืดและไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นพวกเขาจึงงุนงงและสงสัยอย่างมากเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในการประชุมภายในของแก๊งเจ่าพ่อฝูชิงครั้งนี้
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินเฟิงพูดแล้วเย่เชียนก็พยักหน้าเบาๆ นอกจากนี้เขายังต้องยอมรับว่าคำพูดของหลินเฟิงนั้นสมเหตุสมผล เพราะอันที่จริงในแก๊งฝูชิงแล้วนอกจากซานเย่ก็ไม่มีใครสามารถท้าทายหรือเผชิญหน้ากับโย่วซวนได้อีกแล้ว นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมดูเหมือนว่าซานเย่จะลงเรือลำเดียวกันกับจ้าวซินแล้ว
เมื่อคิดเช่นนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “แล้วคนที่ฆ่าหยานคุนล่ะคือใคร?..ถ้าผมเดาไม่ผิดหยานคุนจะต้องเป็นไพ่ตายของโย่วซวนที่จะใส่ร้ายจ้าวไค่แน่ๆ..แต่ว่านะด้วยการคุ้มกันที่แน่นหนาขนาดนี้ก็ยังมีคนลอบเข้ามาสังหารหยานคุนได้อีก..พี่หลินคิดว่าใครเป็นคนทำ?”
“น่าจะเป็นคนของซานเย่” หลินเฟิงพูด “เขาเป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิกเพราะงั้นมันก็ไม่ยากอะไรที่จะหานักฆ่าและผ่านการคุ้มกันที่แน่นหนาขนาดนั้นมาได้หรอก..ซึ่งนั่นหมายความว่าซานเย่รู้รายละเอียดแผนการของโย่วซวนมาก่อนหน้านั้นแล้ว..เพราะงั้นถ้าหากเป็นในกรณีนี้มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ซานเย่จะปล่อยให้โย่วซวนรอดไปง่ายๆแบบนี้ใช่ไหม?”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เย่เชียนพูด “ถ้าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของซานเย่จริงๆล่ะก็เห็นได้ชัดเลยว่าซานเย่คนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ..ว่าแต่พี่หลินรู้เรื่องของซานเย่คนนี้มากแค่ไหนหรอ?”
“ชื่อเดิมของซานเย่คือเฉียนซานและเป็นผู้บุกเบิกของแก๊งฝูชิง..ถ้าพูดกันตามตรงซานเย่นั้นอาวุโสกว่าโย่วซวนเพราะงั้นซานเย่จึงมีศักดิ์ที่สูงกว่าหลายๆคน..ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำเขตของแก๊งต่างก็นับถือเขา..อันที่จริงแล้วการที่เซี่ยตงไป่สามารถขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าได้ก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากซานเย่คนนี้.ดังนั้นแม้แต่เซี่ยตงไป่เองก็ยังต้องไว้หน้าและเกรงใจซานเย่..แต่ซานเย่คนนี้มักจะลำเอียงเพราะสำหรับคนที่เขาชื่นชอบและพอใจแล้วคนคนนั้นก็สามารถพูดอะไรก็ได้แต่ถ้าหากคนที่เขาไม่พอใจพูดอะไรล่ะก็เขาจะโต้แย้งโดยไม่ฟังเหตุผลเลย” หลินเฟิงพูดช้าๆ “ในไม่กี่ปีที่ผ่านซานเย่ก็แทบจะไม่ได้เข้าร่วมการดำเนินงานต่างๆจองแก๊งเลย..แม้แต่การประชุมภายในของแก๊งฝูชิงครั้งก่อนเขาก็ไม่ได้ไปเข้าร่วมแต่ทว่าการประชุมภายในของแก๊งฝูชิงในครั้งนี้เขากลับเข้าร่วมอย่างกะทันหัน..ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขามีจุดประสงค์บางอย่างและนั่นคือการกำจัดโย่วซวน..แต่ฉันไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้โย่วซวนรอดกลับไปง่ายๆ?..ฉันเชื่อว่าคนอย่างซานเย่จะต้องมีหลักฐานที่ครบถ้วนอย่างแน่นอน”
“ดูเหมือนว่าโย่วซวนคงไม่ทำอะไรผิดพลาดเลยเพราะงั้นซานเย่ก็เลยไม่พบหลักฐานใดๆ..ซึ่งถึงแม้ว่าเขาจะรู้ตัวตนทีทแท้จริงของโย่วซวนแต่เขาก็คิดวิธีที่ดีไม่ได้เลยจริงๆจนเขาต้องทำเช่นนี้” เย่เชียนพูดต่อ “จากมุมมองของพี่..มันจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า?”
“ไม่น่าจะมี” หลินเฟิงพูด “ถึงแม้ว่าซานเย่คนนี้จะมีอารมณ์แปลกๆแต่เขาก็ยังภักดีต่อแก๊งฝูชิงอย่างมาก..ตราบใดที่เป็นประโยชน์ต่อแก๊งฝูชิงฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธ..ฉันคิดว่าเขาต้องการชุบชีวิตแก๊งฝูชิงให้ยิ่งใหญ่เหมือนเก่า..เพราะงั้นเราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับซานเย่หรอกเพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเราคือโย่วซวน”
“พูดถึงเรื่องนี้โย่วซวนมีพรสวรรค์จริงๆ..ถ้าไม่ใช่เพราะจุดยืนที่แตกต่างกันออกไปฉันก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเขาจริงๆ” เย่เชียนพูด “พี่เห็นที่การประชุมเมื่อกี้นี้ไหมโย่วซวนเอาตัวรอดเก่งมาก..เขารู้วิธีการพูดและการโน้มน้าวที่ดีเพราะเมื่อจ้าวซินสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาผมก็เห็นแล้วว่าใบหน้าของเซี่ยตงไป่เครียดอย่างมากเพราะงั้นผมจึงคิดว่าโย่วซวนจะทำยังไงต่อ..แต่ผมไม่คิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับได้อย่างราบรื่น”
“แน่นอนโย่วซวนเป็นคนที่น่าทึ่ง..ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋ฮวยบอกพวกเราล่ะก็เราคงจะเหมือนถูกขังเอาไว้ในความมืดโดยที่เราไม่รู้อะไรเลย” หลินเฟิงพูด “พูดก็พูดเถอะตอนนี้เซี่ยตงไป่ไม่ใช่เซี่ยตงไป่คนเดิมอีกต่อไปแล้วเพราะเขาถูกโย่วซวนหลอกอย่างสมบูรณ์แบบและในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้ดูแลสิ่งต่างๆในแก๊งและถ้าไม่ใช่เพราะจือยี่ล่ะก็ฉันเกรงว่าโย่วซวนคงจะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งฝูชิงไปแล้ว”
“จุดจบของผู้ยิ่งใหญ่..มันหมดยุคของเซี่ยตงไป่มาตั้งนานแล้วและมันก็เป็นเรื่องของครอบครัวและเราก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงอะไรได้” เย่เชียนพูด จากนั้นเขาก็ตบไหล่หลินเฟิงเบาๆแล้วพูดว่า “พี่หลินผมรู้ว่าพี่เป็นหนี้เซี่ยจือยี่..แต่ทุกคนนั้นปล่อยวางและลืมเรื่องเก่าๆกันไปหมดแล้วเพราะงั้นพี่ก็ควรจะปล่อยวางบ้าง..ถ้าเรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่พี่ก็ลืมๆมันไปซะ”
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งหลินเฟิงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “บางทีนายอาจจะพูดถูก..ฉันควรปล่อยวางเพราะตอนนี้ม่อหลงก็อยู่เคียงข้างเธอแล้วแบบนี้ฉันก็สบายใจได้”
“เมื่อพูดถึงม่อหลงผมก็ไม่กังวลอะไรเลยจริงๆเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ต่อต้านเรื่องอารมณ์เล็กน้อยแต่ดูเหมือนว่าแค่พวกเขาต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเข้าใจกันได้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่พี่หลินไม่ต้องห่วงหรอกเพราะผมเห็นแล้วว่าม่อหลงนั้นชอบเซี่ยจือยี่จริงๆ..ยิ่งไปกว่านั้นม่อหลงนะไม่ใช่คนธรรมดาขนาดผมเองยังต้องไว้หน้าเขาเลยเพราะงั้นผมจึงคิดว่าเขาน่ะคู่ควรกับเซี่ยจือยี่จริงๆ”
หลินเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจแล้วถามว่า “ไม่ใช่คนธรรมดา?..และแม้แต่นายยังต้องไว้หน้าเขาเนี่ยนะ?..นายหมายความว่ายังไง”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องนี้มันยาว..เอาไว้ผมจะเล่าให้พี่ฟังในภายหลังถ้ามีโอกาส” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “ว่าแต่พี่หลิน..ถ้าหลินฟานคนนั้นเป็นน้องชายของพี่จริงๆพี่จะทำยังไง?”
“แน่นอนว่าฉันจะพาเขามาอยู่ด้วยและจะดูแลเขาเป็นอย่างดี..ตอนนี้เขาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันในโลกนี้” หลินเฟิงพูดอย่างหดหู่
“มาอยู่กับองค์กรเซเว่นคิลงั้นหรอ?..พี่เคยคิดบ้างไหมว่าการดึงเข้ามาอยู่ข้างๆนั้นมันจะอันตรายแค่ไหน?..พี่ก็น่าจะรู้ดีที่สุดนะว่าองค์กรเซเว่นคิลเป็นยังไง..พี่อยากให้เขาเดินบนเส้นทางเหล่านั้นจริงๆหรอ” เย่เชียนถาม
“ถ้าจำเป็นจริงๆฉันจะถอนตัวออกจากองค์กรเซเว่นคิลและไปหาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักและอยู่กับเขาเหมือนคนธรรมดา” หลินเฟิงพูดอย่างขมขื่น
“แล้วพี่จะไม่ถามเขาหน่อยเหรอว่าเขาต้องการใช้ชีวิตแบบไหน?” เย่เชียนถามต่อ
“นายหมายความว่าไง?” หลินเฟิงขมวดคิ้วและถามกลับ
“ตอนที่ผมไปเจอเด็กคนนั้นครั้งแรกน่ะ…” เย่เชียนพูดต่อ “ผมจำได้ว่ากว่าผมจะไปถึงหมู่บ้านของอาจารย์มันก็มืดค่ำแล้ว..แต่เด็กคนนี้ก็ยังล่าสัตว์อยู่บนภูเขา..เขาฉลาดและมีไหวพริบตั้งแต่อายุยังน้อยเขาสามารถฆ่าหมาป่าได้โดยที่เด็กคนอื่นยังไม่สามารถทำอย่างเขาได้เลย..ต่อมาเขาได้พลังมือฆ่าลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านและถูกนำตัวส่งโรงพักแต่ทว่าเขายังสามารถสงบนิ่งได้..เพราะงั้นผมจึงมั่นใจว่าตราบใดที่เขามีโอกาสเขาจะโบยบินไปบนท้องฟ้าได้..เขาคือมังกรที่หลับใหลอยู่ในภูเขาและในสักวันหนึ่งเขาจะทะยานสู่ท้องฟ้าอย่างสง่าผ่าเผย..ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่ผมจะกลับอาจารย์เคยบอกว่าเขาจะไม่ปลูกฝังหลินฟานเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้และให้เขาเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง..ซึ่งอาจารย์พูดเอาไว้ว่าคนที่ไม่เคยเผชิญหน้ากับปัญหาหรือเรื่องที่เลวร้ายก็จะไม่มีวันแข็งแกร่งได้..ผมคิดว่าพี่ก็น่าจะเข้าใจใช่ไหม?”
หลินเฟิงก็หยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันรู้..แต่เขาเป็นน้องชายของฉันและครอบครัวเพียงคนเดียวของฉันที่เหลืออยู่..นายจะให้ฉันทนดูเขาลำบากได้ยังไง..นอกจากนี้ถ้าเขาต้องการแข็งแกร่งขึ้นฉันก็สามารถช่วยเขาได้..ฉันสามารถสร้างโลกใบใหญ่ๆให้กับเขาได้”
“มันจะไปมีประโยชน์อะไรถ้าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับความยากลำบากในการต่อสู้กับชีวิตล่ะ?..พี่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าโลกนี้มันอยู่ยาก” เย่เชียนพูด “ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้อยู่กับเด็กคนนั้นมานานแต่ผมก็รู้ดีว่าเขานั้นมุ่งมั่นและดื้อรั้นอย่างมาก..ยิ่งสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เขาเชื่อเขาก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าจะทำมันให้สำเร็จ”
“เรื่องนี้เอาไว้คุยกันทีหลังเถอะ..มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดเรื่องนี้ในตอนนี้” หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งหลินเฟิงก็พูด ซึ่งเขารู้ดีว่าคำพูดของเย่เชียนนั้นสมเหตุสมผลแต่การปล่อยให้ครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาที่เหลืออยู่อย่างน้องชายของเขาที่ถูกพรากจากกันมานานหลายปีเช่นนั้นเขาจะทำใจได้อย่างไร? เขาแทบรอไม่ไหวที่จะเจอหน้าหลินฟานอยู่ตลอดเวลา เขาอยากยิ้มอยากร้องไห้และหัวเราะด้วยกันทั้งสุขและเศร้าไปด้วยกัน
เย่เชียนก็หันไปมองการแสดงออกที่เปลี่ยนไปของหลินเฟิงแล้วพยักหน้าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรใดๆ ซึ่งเย่เชียนสามารถเข้าใจความคิดของหลินเฟิงได้และถ้าหากเขายืนอยู่ในจุดเดียวกันกับหลินเฟิงเขาก็กลัวว่าเขาจะเหมือนกับหลินเฟิง อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็ยังเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นอยู่ว่าหลินฟานจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนในอนาคต
.
.
.
.
.
.
.