ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 622 เตรียมตัว
ตอนที่ 622 เตรียมตัว
หลังจากฟังคำพูดของม่อหลงแล้วหลินเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่งและอ้าปากเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาต้องกลืนคำนั้นลงไปอีกครั้งเพราะหลินเฟิงเข้าใจดีว่าตัวตนของเขานั้นค่อนข้างอึดอัดกับสิ่งเหล่านี้มาเสมอและไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวใจหรือปลอบใจม่อหลงมากแค่ไหนมันก็อาจจะไม่มีประโยชน์และอาจมีผลตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ
เย่เชียนมองไปที่หลินเฟิงแล้วมองไปทางม่อหลงจากนั้นเย่เชียนก็ยิ้มและเปลี่ยนเรื่องว่า “เอาเถอะอย่าไปพูดถึงเรื่องนั่นเลยมันน่ารำคาญ..เรามาคุยเรื่องแผนกันดีกว่า..พี่หลินเหล่านักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิลมาถึงประเทศญี่ปุ่นแล้วหรือยัง”?” เย่เชียนนั้นรู้ว่าหัวข้อดังก่อนหน้านี้ไม่ควรดำเนินต่อไปไม่เช่นนั้นมันจะทำให้ม่อหลงและหลินเฟิงละอายใจมากขึ้นเท่านั้น อีกอย่างไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นกับหลินเฟิงและเซี่ยจือยี่ที่มีอดีตเช่นนี้ อย่างไรก็ตามอดีตก็คืออดีตเพราะไม่ว่าพวกเขาจะเคยรักกันแค่ไหนแต่ถึงยังไงมันก็เป็นแค่อดีตไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เซี่ยจือยี่ก็มีม่อหลงและเธอไม่ต้องการหลินเฟิงอีกต่อไป
หลินเฟิงนั้นเข้าใจเจตนาที่ดีของเย่เชียนได้เขาจึงยิ้มให้เย่เชียนและตอบว่า “ด้วยคำสั่งของน้องเย่ฉันจะกล้าละเลยได้ยังไงกัน.. ฉันได้สั่งระดมพลนักฆ่าทั้งหมดมาที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วและตอนนี้พวกเขาน่าจะกระจายกันอยู่ตามเมืองใหญ่ๆของประเทศญี่ปุ่น..เพราะงั้นตราบใดที่น้องเย่ออกคำสั่งละก็นักฆ่าขององค์กรเซเว่นคิลทั้งหมดก็จะเคลื่อนไหวทันทีและฉันรับประกันเลยมันจะว่าไม่มีผู้นำของแก๊งยามากุจิคนไหนรอดไปได้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณพี่หลินที่ให้ความร่วมมือ” เย่เชียนพยักหน้าและหลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อไปว่า “พี่หลินแต่ว่าศัตรูของเราไม่ใช่แค่แก๊งยามากุจินะเพราะในครั้งนี้เป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดของเราคือสมาคมมังกรดำและการทำลายสมาคมมังกรดำก่อนเท่านั้นเราถึงจะสามารถกวาดล้างสามขั้วอำนาจของญี่ปุ่นอย่างแก๊งยามากุจิ..แก๊งอินาดะ..แก๊งโยชิคาว่าได้”
“สมาคมมังกรดำ?” หลินเฟิงขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเพราะอดีตผู้นำขององค์กรเซเว่นคิลผู้ที่เป็นอาจารย์ของฉันเคยได้ติดต่อกับคนในสมาคมมังกรดำและเขาก็เคยบอกฉันสั้นๆว่าสมาคมมังกรดำน่ะทรงพลังมากในประเทศญี่ปุ่นและไม่เพียงแค่ควบคุมองค์กรใต้ดินของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นแต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากในแวดวงของทหารและการเมือง และธุรกิจของประเทศญี่ปุ่น..นอกจากนี้สมาชิกของสมาคมมังกรดำส่วนใหญ่ก็มาจากตระกูลใหญ่ๆโดยเฉพาะตระกูลโชกุนและตระกูลนินจา..เพราะงั้นถ้าหากเราต้องการทำลายสมาคมมังกรดำมันก็คงจะไม่ง่ายเพราะเราไม่เพียงต้องรับมือกับการโจมตีของนักรบและนินจาเหล่านั้นแต่ยังต้องรับมือกับศัตรูทุกด้าน..อีกอย่างถ้าเราไม่สามารถถอนรากถอนโคนมันได้มันก็จะสูญเปล่าและไม่สามารถทำลายสมาคมมังกรดำได้”
เย่เชียนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “จริงๆแล้วผมก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่หนึ่งปีก่อนแล้ว..ซึ่งถ้าหากเครือน่านฟ้ากรุ๊ปได้เข้ามาในประเทศญี่ปุ่นและพัฒนาอย่างราบรื่นแล้วอะไรๆมันก็จะดีอย่างมากและความแข็งแกร่งด้านธุรกิจในการแข่งขันกับสมาคมมังกรดำนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ..ส่วนในวงการทหารและการเมืองผมเองก็คิดว่ามันจะต้องมีคนที่คอยต่อต้านสมาคมมังกรดำอยู่บ้างแหละ..เพราะงั้นพี่อยากจะกำจัดมันโดยเร็วหรือเปล่าล่ะ?..ถ้าต้องการแบบนั้นเราต้องไปติดต่อหาคนที่มีอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองและสร้างภาพลวงตาและใส่ร้ายป้ายสีทุกรูปแบบเพื่อให้พวกเขาเกลียดชังสมาคมมังกรดำ..ซึ่งนั่นจะทำให้พวกเขาเริ่มตระหนักที่จะกำจัดสมาคมมังกรดำออกไปจากสังคม..อันที่จริงผมก็คิดแผนการเอาไว้แล้วแต่แผนนี้ต้องให้พี่หลินช่วย”
หลินเฟิงก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พูดจริงเหรอน้องเย่..ฉันล่ะชอบจริงๆที่ได้ร่วมงานกับน้องเย่..แต่ก็นะรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ขาดไปคนนึง..ไม่อย่างนั้นอะไรๆมันต้องสนุกกว่านี้แน่”
“หืม?..ขาดใครไปหรอ?” เย่เชียนถามด้วยความงุนงงเล็กน้อย
“น้องเย่..นายลืมพี่ชายคนนั้นไปได้ยังไงเขายังเป็นพี่ชายที่ดีของนายอยู่หรือเปล่า..ก็หมาป่าผีไป๋ฮวยไง” หลินเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เรากำลังจะกวาดล้างสามขั้วอำนาจและองค์กรที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เหรอ?..ลองคิดดูสิมันจะเป็นยังไงถ้าหมาป่ารวมฝูงเพื่อต่อสู้ร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่น่ะ”
เมื่อพูดถึงหมาป่าผีไป๋ฮวยแล้วหัวใจของเย่เชียนก็สั่นสะท้านเพราะในความเป็นจริงเย่เชียนเองก็ต้องการให้หมาป่าผีไป๋ฮวยเข้ามาร่วมด้วยเพราะอยากแรกเขาสามารถหาวิธีขจัดความเด็ดเดี่ยวในใจของหมาป่าผีไป๋ฮวยได้และอย่างที่สองถ้าหากมีหมาป่าผีไป๋ฮวยเข้ามาช่วยสิ่งต่างๆก็จะราบรื่นยิ่งขึ้น เมื่อย้อนกลับไปที่มณฑลเหอหนานของประเทศจีนหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ได้ส่งคนไปลอบสังหารคนของฮัวซงเจี๋ยที่รับผิดชอบธุรกิจการพนันทั้งหมดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าพลังของหมาป่าผีไป๋ฮวยนั้นไม่ได้อ่อนแออีกต่อไป
เย่เชียนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “พี่หลินเชื่อเรื่องพวกนี้ด้วยหรอ..พี่เชื่อว่าเรายังสามารถร่วมมือกันได้อยู่อีกหรอ”
“มันไม่สำคัญว่านายจะเชื่อหรือไม่เพราะมันสำคัญที่ว่าพวกนายเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่และผ่านความตายมาด้วยกัน!” หลินเฟิงพูด
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “แต่หมาป่าผีไป๋ฮวยไม่เคยทำอะไรตามกฎเกณฑ์เว้นแต่เขาจะมาด้วยความสมัครใจเท่านั้น..และไม่ว่าผมจะพูดอะไรถึงยังไงมันก็ไร้ประโยชน์”
“งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันก็แล้วกัน..อีกอย่างเขาฉันไม่ได้เจอเขามาสักพักแล้วและตอนนี้ฉันก็อยากจะเจอเขาจริงๆ” หลินเฟิงพูด
“ดีเลย!..ถ้าพี่หลินสามารถโน้มน้าวเขาได้ล่ะก็สงครามครั้งนี้จะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะเย่เชียนนั้นรู้ดีถึงอารมณ์และนิสัยของหมาป่าผีไป๋ฮวยและถ้าไม่ใช่เพราะความตั้งใจจริงๆของหมาป่าผีไป๋ฮวยล่ะก็ไม่ว่าใครจะพยายามโน้มน้าวใจเขาแค่ไหนแต่ถึงยังไงหมาป่าผีไป๋ฮวยก็ไม่เคยมาร่วมมือกับเขาเลย ดังนั้นถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะพยายามแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดีเพราะหมาป่าผีไป๋ฮวยเป็นคนที่จะทำอะไรก็ต่อเมื่อเขาอยากทำเท่านั้นแต่สิ่งใดที่เขาไม่อยากทำมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูด อย่างไรก็ตามหลินเฟิงก็ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมั่นใจเพราะหลินเฟิงเชื่อว่าทุกคนมีจุดอ่อนและหมาป่าผีไป๋ฮวยเองก็ไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นหลินเฟิงจึงมีความมั่นใจที่จะโน้มน้าวหมาป่าผีไป๋ฮวยได้
“ว่าแต่นายยังไม่ได้พูดในสิ่งที่นายต้องการให้ฉันทำเลย..นายบอกแผนการมาสิเพื่อที่ฉันจะได้เตรียมตัวสักหน่อย” หลินเฟิงจ้องมองเย่เชียนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่เชียนก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ผมลองคิดดูแล้วครั้งนี้ที่ผมเลือกมาที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยแบบนี้ก็เพื่อดึงดูดสายตาของกองกำลังต่างฝ่ายทั้งหมดและเหตุผลก็คือเบี้ยงเบนความสนใจจากพวกนั้นไปจากการเคลื่อนไหวด้านอื่นๆของเราเพราะทั้งแก๊งยามากุจิและสมาคมมังกรดำจะจับตามองตัวผมอย่างไม่ต้องสงสัยและแม้แต่รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ต้องคอยติดตามการกระทำของผมเพราะท้ายที่สุดแล้วองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าก็เป็นภัยระดับชาติไปทั่วโลก..ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกังวลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของผมอย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยอย่างแน่นอน..ถึงคราวนี้ผมจะปรากฏตัวในฐานะประธานของเครือน่านฟ้ากรุปก็ตามถึงยังไงรัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่ละสายตาไปจากผมอย่างแน่นอน..ยิ่งแกว่านั้นพวกเขาไม่สามารถขับไล่ผมออกนอกประเทศได้..เพราะงั้นเราสามารถใช้โอกาสนี้แทรกแซงบุคลากรของรัฐของและทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขากับสมาคมมังกรดำ..อีกอย่างครั้งนี้ผมอยากให้พี่หลินเปิดเผยตัวตนในฐานะบอดี้การ์ดส่วนตัวของผมในนามของประธานเครือน่านฟ้ากรุ๊ป..เพราะงั้นด้วยวิธีนี้ไม่เพียงแค่พี่จะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นรอบตัวผมบ้างแต่พี่ยังสามารถรับคำสั่งเพื่อดำเนินตามแผนอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย..ผมต้องขอรบกวนพี่หลินจริงๆ”
หลินเฟิงจับคางของตัวเองและครุ่นคิดอย่างระมัดระวังจากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ช่างเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นผู้คุ้มกันของน้องเย่..งานนี้ชักจะสนุกแล้วสิ..ฉันหวังว่าน้องเย่จะไม่เกรงใจฉันและมอบหมายให้ฉันทำภารกิจอย่างเต็มที่” แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดที่จะสูญเสียตัวตนของเขาในฐานะบอดี้การ์ดของเย่เชียนแต่เขากำลังพิจารณาว่าแผนของเย่เชียนนั้นเป็นไปได้จริงหรือไม่ ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะพูดสั้นๆแต่หลินเฟิงก็รู้สึกว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดออกมานั้นค่อนข้างสมเหตุสมผลและเป็นวิธีที่เป็นไปได้อย่างมาก
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่คิดเลยว่าพี่หลินจะเป็นคนที่ชื่นชอบความสนุกแบบนี้..ผมดีใจมากที่มีพี่หลินเป็นบอดี้การ์ดของผม” หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดต่อ “มันดึกแล้วกลับกันเถอะ”
“จะไปไหน?..ฉันไม่อยากนอนห้องเดียวกับนาน” หลินเฟิงพูดอย่างหมดหนทาง
เย่เชียนก็พูดอย่างขมขื่นว่า “พี่หลินล้อผมเล่นหรอ..ทำไมพี่ไม่เหมือนกับพี่หลินที่ผมรู้จัก”
หลินเฟิงก็ผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อ้อฉันลืมไปเพราะตอนนี้ฉันเป็นบอดี้การ์ดของนายเพราะงั้นฉันก็เลยคิดว่าฉันต้องอยู่กับนาย”
“ไปกันเถอะ..โรงแรมนี้เครือน่านฟ้ากรุ๊ปเป็นเจ้าของซึ่งมันเป็นธุรกิจที่ถูกซื้อโดยเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเมื่อปีที่แล้วและตอนนี้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในนั้นทั้งหมดก็เป็นพนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดของผมและมันก็ปลอดภัยอย่างมาก..เพราะงั้นมันก็ยากที่คนธรรมดาจะฝ่าเข้ามาหรือลอบสังหารภายในโรงแรมแห่งนี้” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยังมียอดฝีมือมากมายในประเทศญี่ปุ่นทั้งนักรบและนินจาต่างก็ทรงพลังมากเราไม่สามารถประมาทได้” หลินเฟิงพูด
“อืมเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะมีตระกูลอิงะในประเทศญี่ปุ่นใช่มั้ย?” เย่เชียนพูด
“ตระกูลอิงะเป็นตระกูลนินจาที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่นและมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก..ถึงแม้ว่าชื่อของตระกูลอิงะจะไม่ค่อยถูกพูดถึงกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ฉันเชื่อว่าพวกมันยังคงมีอยู่และเราไม่ควรประมาท..อันที่จริงประเทศจีนเองก็มีตระกูลแบบนี้มากมายแต่มักจะไม่เปิดเผยตัวตนกัน” จากนั้นหลนเฟิงก็พูดต่อ “อะไรนะน้องเย่..นี่อย่าบอกนะว่าเราจะไปสู้กับตระกูลอิงะกันด้วย”
“พี่หลินต้องเปลี่ยนชื่อเฉพาะกิจและต้องเรียกผมว่าประธานเย่ต่อจากนี้ไป..ฮ่าๆ” เย่เชียนพูดแล้วหัวเราะ ท้ายที่สุดหลินเฟิงก็ต้องปลอมตัวในฐานะบอดี้การ์ดของเย่เชียนในอนาคตดังนั้นหากไม่เปลี่ยนชื่อล่ะก็ศัตรูก็จะสามารถรับรู้ได้ใช่ไหม?”ผมไม่ได้ต้องการกวาดล้างตระกูลอิงะ..เพราะผมไม่ได้สนใจพวกนั้นเลย..แต่ผมได้ยินมาว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งในตระกูลอิงะที่ไล่ตามจีบผู้หญิงของผมเพราะงั้นผมก็เลยอยากเจอเขาสักหน่อย”
หลินเฟิงก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “น้องเย่นายควรจะพอได้แล้ว..นายต้องหยุดแสวงหาความนักได้แล้วนายหลงเสน่ห์และไปยั่วยวนผู้หญิงทุกหนทุกแห่งแบบนี้มันจะเกิดหายนะความรักเอานะ..พวกเธอทั้งหมดเป็นผู้หญิงที่สวยและจิตใจดีเพราะงั้นถ้านายยังไม่หยุดล่ะก็นายจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน”
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “หยุดหยอกล้อผมด้วยเรื่องนี้ได้แล้ว..พี่หลินคิดว่าในสมาคมมังกรดำจะมีนักรบและนักสู้เก่งๆบ้างไหม?..เนื่องจากตระกูลอิงะเป็นตระกูลนินจาบางทีมันอาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสมาคมมังกรดำก็เป็นได้”
.
.
.
.
.
.
.
.