ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 604 ความรู้สึกของหญิงสาว
ตอนที่ 604 ความรู้สึกของหญิงสาว
เย่เชียนก็หันไปเหลือบมองที่เสี่ยวเซียวจากนั้นเขาก็กลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “ถ้าเธอไม่ไปเปิดห้องแล้วเธอจะนอนที่ไหน..เธอจะนอนห้องเดียวกับฉันงั้นเหรอ..นี่เธอไม่กลัวเลยหรอว่าฉันจะทำสิ่งที่ต่ำช้ากว่าสัตว์ร้ายน่ะ..ช่างเถอะฉันน่ะบอกได้เลยว่าฉันเป็นคนที่หัวโบราณมากฉันไม่คิดที่จะทำแบบนั้นหรอก”
“อะไรกันอาจารย์..การที่ลูกศิษย์กับอาจารย์จะนอนห้องเดียวกันมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ..อีกอย่างถ้าเราไม่นอนด้วยกันแล้วฉันจะเรียนกังฟูกับอาจารย์ยังไงล่ะ?” เสี่ยวเซียวพูด
“เราจะเรียนศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่จะเรียนศิลปะบนเตียงกัน..เพราะงั้นทำไมเธอถึงได้อยากนอนห้องเดียวกับฉันล่ะ?” เย่เชียนพูด
“ไม่..ฉันจะนอนกับอาจารย์..ไม่รู้แหละเพราะถ้ามีคนบุกเข้ามากลางดึกมันจะสยองแค่ไหนถ้าฉันอยู่คนเดียว..อาจารย์อยากเห็นลูกศิษย์ที่น่ารักโดนทำร้ายแบบนั้นหรอ?” เสี่ยวเซียวพูดอย่างหดหู่และกะพริบตาพร้อมกับบีบน้ำตาเล็กน้อยราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้
“ก็ได้ๆ..แต่ฉันน่ะกลัวเธอ..เอาล่ะไปกันเถอะ!” เย่เชียนส่ายหัวอย่างหมดหนทางและดันเสี่ยวเซียวเข้าไปในลิฟต์แล้วพูดว่า “เรามาตกลงกันก่อนนะ..เธอห้ามทำอะไรที่มันวุ่นวายในตอนกลางคืนล่ะ..ถ้าฉันทนไม่ไหวจนมีบางอย่างเกิดขึ้นก็อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน”
เสี่ยวเซียวก็หัวเราะและคว้าแขนของเย่เชียนเอาไว้อย่างรวดเร็วและพูดอย่างประจบสอพลอว่า “ฉันรู้ๆ..อาจารย์น่ะใจดีที่สุด”
“หึ!” เย่เชียนเบะปากเพื่อไม่ให้เขาสับสนกับคำเยินยอของเด็กสาวคนนี้ หลังจากหยุดไปชั่วขณะเย่เชียนก็พูดว่า “เธอไม่ได้บอกว่าเธอกำลังเรียนอยู่หรอกเหรอ?..ทำไมเธอถึงได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ล่ะ?..ดูเหมือนว่ายังไม่ถึงช่วงปิดเทอมวันหยุดนะ”
“ฉันขอลาป่วยน่ะ..อีกไม่กี่วันก็จะกลับไปเรียนแล้ว” เสี่ยวเซียวพูด “อาจารย์ต้องสอนกังฟูให้ฉันนะ..ฉันจะได้ไม่โดนพวกไอ้ยุ่นแกล้งตอนที่กลับไปเรียนน่ะ”
เย่เชียนคิดอย่างลับๆว่า ‘คนอย่างเธอจะโดนคนอื่นแกล้งได้ยังไงกัน..เธอเหมือนคนที่ชอบแกล้งคนอื่นเสียมากกว่า’ แน่นอนว่าเย่เชียนไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกมาโดยตรง เพราะในความเป็นจริงเย่เชียนก็ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยคนนี้ แต่ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่แกร่งเหมือนซ่งหลันก็ตามแต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ธรรมดาๆและมีเสน่ห์เซ็กซี่ในตัวอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันยากจริงๆที่ผู้ชายจะต้านทานได้แต่โชคดีที่สติและความแน่วแน่ของเย่เชียนมั่นคงพอและเขาก็รู้สึกผิดต่อซ่งหลันและผู้หญิงคนอื่นๆอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงยับยั้งชั่งใจกับเด็กสาวคนนี้ได้
หลังจากที่เย่เชียนได้พูดสิ่งต่างๆที่อยู่ในใจของเขาแล้วและถึงแม้ว่าสาวๆจะมาเข้าร่วมพิธีส่งชายชราขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ในเช้าวันรุ่งขึ้นก็ตามแต่พวกเธอทุกคนก็ยังคงเย็นชากับเย่เชียน ซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกละอายใจมากขึ้นไปอีกเพราะผู้หญิงเหล่านี้ให้สิ่งต่างๆมากมายกับเย่เชียนและฉินหยูก็ให้กำเนิดลูกชายของเขาดังนั้นเย่เชียนจะมองหน้าพวกเธอได้อย่างไร?ในตอนแรกเย่เชียนแค่อยากให้เวลาสาวๆและให้เวลากับตัวเองในการคิดอย่างรอบคอบดังนั้นเขาจึงจากมาโดยไม่บอกลาสักคำและมันก็เกิดขึ้นมาแล้วนานกว่าหนึ่งปีแต่เย่เชียนก็ยังคงคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับสิ่งที่เขายังไม่เผชิญและยังไม่รู้จักอีกมากมายและจัดระเบียบแผนการพัฒนาและอารมณ์ของเขาใหม่
หลังจากเข้ามาในห้องแล้วเย่เชียนก็วางแผนที่จะฝึกบ่มเพาะศิลปะการต่อสู้โบราณแต่เมื่อเสี่ยวเซียวอยู่ข้างๆเขาแบบนี้เขาก็ล้มเลิกความคิดไปเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าใจอะไรเลยและมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีถ้าเธอเข้ามารบกวนตอนที่เย่เชียนกำลังบ่มเพาะ ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องที่น่าโมโหมากและไม่ต้องพูดถึงว่าวิญญาณชั่วร้ายที่เย่เชียนผนึกเอาไว้นั้นน่ากลัวแค่ไหนเพราะการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การเสียทุกสิ่งทุกอย่างและแม้กระทั่งความตายดังนั้นเย่เชียนจึงไม่กล้าเสี่ยง
“มีเตียงเดียวเองหรอ..แล้วตอนกลางคืนอาจารย์จะไปนอนที่ไหน” เสี่ยวเซียววิ่งเข้าไปในห้องและกระโดดลงบนเตียงจากนั้นก็กะพริบตาและมองที่เย่เชียนแล้วถาม
“ใช่” เย่เชียนพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
“แล้วฉันล่ะ..ฉันจะนอนที่ไหน..บนเตียงของอาจารย์งั้นหรอ” เสียวเซียวพูด
“ยังต้องถามอีกเหรอ..แน่นอนว่าเธอต้องไปนอนบนโซฟา” เย่เชียนพูด
“อาจารย์..ทำไมอาจารย์พูดแบบนี้ล่ะ..อาจารย์เป็นผู้ชายนะแล้วทำไมถึงให้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนอนบนโซฟาเพียงลำพังในคืนที่อากาศหนาวเหน็บแบบนี้ล่ะ?..ถ้าฉันป่วยจากความหนาวมันจะเป็นยังไง?” เสี่ยวเซียวพูดด้วยความหดหู่
“มีเครื่องปรับอากาศในห้องแล้วมันจะหนาวได้ยังไง?..อย่ามาแกล้งทำตัวน่าสงสารอีกอย่างให้เกียรติอาจารย์ด้วยเข้าใจมั้ย?..เพราะงั้นเตียงต้องเป็นของอาจารย์..ฉันต้องสอนเรื่องนี้กับเธอมั้ย?” เย่เชียนพูด
“ไม่รู้แหละฉันต้องได้นอนบนเตียง!” เสี่ยวเซียวพูด “ฉันไม่เคยนอนบนโซฟามาก่อน..เพราะงั้นฉันคงจะนอนไม่หลับ”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอต้องการอะไร..แต่ถ้าเธอต้องการที่จะนอนกับฉันล่ะก็ฉันเองก็ไม่มีข้อโต้แย้ง..แต่เธอต้องระวังเอาไว้นะเพราะว่าตอนกลางคืนฉันห้ามตัวเองไม่ค่อยได้น่ะ” เย่เชียนพูดขณะที่เขาถอดเสื้อผ้าออกและในไม่ช้าก็เหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวที่เหลืออยู่
“อ๊าย!…” เสี่ยวเซียวหันไปมองเย่เชียนและอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องแล้วพูดว่า “อาจารย์..อาจารย์จะทำอะไร..ทำไมอาจารย์ถึงทำแบบนี้?”
เย่เชียนกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “เธอนี่แปลกคนนะ..ทำไมเธอถึงมองฉันเป็นคนแบบนั้นล่ะ..เธอจะให้ฉันใส่เสื้อผ้าอาบน้ำรึไง?..อีกอย่างตอนนี้เธอเห็นอะไรไหมล่ะ?..มันไม่เห็นอะไรเลย!..โถ่..ตอนที่เธออยู่ที่ไนต์คลับเธอเอาแต่มองตาแทบหลุดแต่ตอนนี้เธอกลับแกล้งทำเป็นโวยวายแบบนี้น่ะเหรอ”
“ตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันหนิ” เสี่ยวเซียวพูดอย่างตะกุกตะกัก
“หึ!” เย่เชียนเบะปาดและไม่อยากที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธออีกจากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งข้างนอกนั้นเสี่ยวเซียวกำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่ายและฟังเสียงน้ำในห้องน้ำจนเธอรู้สึกเหมือนกับกวางตัวเล็กๆและกระสับกระส่ายอย่างมาก ‘ถ้าเขาออกมาแล้วสารภาพกับฉันล่ะ..ฉันควรทำยังไงดี?..ฉันควรปฏิเสธหรือตอบรับดี?..จริงๆแล้วถึงเขาจะแก่ไปหน่อยแต่เขาก็หล่อเท่มาก..คนอย่างเขาต้องทำให้ผู้หญิงมีความสุขได้อย่างแน่นอน..มันจะเจ็บไหมนะ..’ เสี่ยวเซียวพึมพำกับตัวเองและหัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ
‘เห้อ..ฉันคิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย’ เสี่ยวเซียวส่ายหัวอย่างรุนแรงและถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะค่อนข้างเปิดเผยแต่เพราะแม่ของเธอเป็นคนจีนจึงทำให้ทัศนคติของเธอค่อนข้างจะผสมผสานกับแนวคิดเรื่องพรหมจรรย์แบบตะวันออก และเธอก็เอาตัวรอดจากความเฉลียวฉลาดของเธอมาตั้งแต่เด็กแล้ว
เมื่อผู้หญิงที่มีอายุเท่าเธอนั้นคนเหล่านี้ก็มักจะนึกถึงความรักและเธอก็อยากรู้ว่าการจูบและการถูกสัมผัสโดยผู้ชายนั้นเป็นอย่างไรและเริ่มอยากรู้แล้วว่าการพลอดรักนั้นเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอได้พบกับผู้ชายที่น่าหลงใหลอย่างเย่เชียนแล้วเธอจะยับยั้งชั่งใจได้หรือ?ซึ่งความคิดเช่นนี้มันเป็นอันตรายอย่างมากกับผู้หญิงอย่างเสี่ยวเซียว
“อ๊าย!…” เมื่อเห็นเย่เชียนออกมาจากห้องน้ำเสี่ยวเซียวก็กรีดร้องอีกครั้งจนทำให้เย่เชียนตกใจ
“เธอบ้าไปแล้วหรอ..เธอจะกรีดร้องทำไมนักหนาเธอต้องการอะไรกันแน่?” เย่เชียนพูดอย่างหดหู่ ซึ่งเมื่อเย่เชียนอาบน้ำเสร็จเย่เชียนก็สวมกางเกงปกติแต่แล้วผู้หญิงคนนี้กลับกรีดร้องอีกครั้ง ดังนั้นเย่เชียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเซียวจะกรีดร้องจนทำให้เขาตกใจ
เสี่ยวเซียวก็กัดริมฝีปากเล็กน้อยเพราะน่าแปลกใจที่เย่เชียนไม่ได้ทำอะไรเธอ อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงเย่เชียนนั้นไม่ได้คิดที่จะมีความสัมพันธ์อะไรกับผู้หญิงคนนี้เลย เขาแค่พาเธอกลับมาเพราะเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรและขี้เกียจเกินกว่าจะปฏิเสธและเย่เชียนเองก็ไม่เชื่อเรื่องงี่เง่าที่เสี่ยวเซียวพูดถึงเรื่องที่เธอหนีออกจากบ้านมาและเย่เชียนก็ไม่สนใจว่าเธอเป็นใครหรือคิดจะทำอะไรเพราะเย่เชียนก็วางแผนว่าจะออกจากประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเขาจะคุยกับเรื่องนี้กับสาวน้อยคนนี้ในอนาคตจากนั้นพวกเขาก็จะไม่มีวันได้พบกันอีก
หลังจากเข้านอนแล้วเย่เชียนก็ถอดกางเกงออกและมองดูเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เธอจะนอนมั้ย?..ถ้าไม่นอนก็แล้วแต่นะ..ฉันจะนอนแล้ว”
“อาจารย์…ทำไม..ทำไมถึงนอนแบบนี้ล่ะ?” เสี่ยวเซียวถึงกับผงะไปครู่หนึ่งและใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ
“ก็ฉันชินกับการนอนแบบนี้” เย่เชียนเบะปากแล้วพูดว่า “ถ้าจะนอนเมื่อไหร่ก็ปิดไฟด้วยล่ะ” หลังจากพูดจบเย่เชียนก็หลับตาลงและเผลอหลับไป
เสี่ยวเซียวนั้นก็ถึงกับตกตะลึงเพราะเธอหันไปมองใบหน้าของเย่เชียนและเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกว่าการนอนของเย่เชียนนั้นดูมีเสน่ห์มากโดยเฉพาะรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเย่เชียนราวกับว่ามันมีความสง่างามเฉพาะตัว เมื่อเห็นเช่นนั้นเสี่ยวเซียวก็อดใจไม่ไหวเธอจึงยื่นมือออกมาอย่างช้าๆและพยายามลูบรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเย่เชียน
“เธอจะทำอะไร?” จู่ๆเย่เชียนก็ลืมตาขึ้นและเสี่ยวเซียวก็ดึงมือกลับไปทันที “ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนดี..เพราะงั้นอย่าพยายามยั่วยวนฉันเลย” เย่เชียนพูดอย่างเคร่งขรึม
เสี่ยวเซียวก็รู้สึกอับอายไปกับการกระทำของเธอและคำพูดของเย่เชียน ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “หึ!..ใครจะไปชอบคนรุ่นลุงอย่างอาจารย์กันล่ะ..ฉันชอบวัยรุ่นที่แข็งแรงและดูเป็นหนุ่มมากกว่า”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว” หลังจากที่เย่เชียนพูดจบเขาก็หลับตาลงอีกครั้งและเมินเฉยต่อเสี่ยวเซียว เมื่อเห็นเช่นนั้นเสี่ยวเซียวก็ปิดไฟแล้วนอนลง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอนอนบนเตียงเดียวกันกับผู้ชายคนและที่แย่กว่านั้นคือผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใส่อะไรเลยจนเธอนอนไม่หลับและหัวใจของเธอเต้นรัวอยู่ตลอดเวลา
ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่ยาวนานที่สุดของเธอแต่ในที่สุดเสี่ยวเซียวก็ค่อยๆทนความง่วงของเธอไม่ไหวและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
.
.
.
.
.
.
.