ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 44 ผมเป็นแฟนของเธอ
เมื่อเธอได้ยินคำพูดของเหว่ยเฉิงหลงการแสดงออกของฉินหยูก็กลายเป็นหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์อย่างมากจากนั้นเธอก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันขอโทษ..ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่”
ยากที่จะบอกได้ว่าเหว่ยเฉิงหลงไม่รู้ว่าฉินหยูเกลียดเขาหรือเขาแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มขณะที่เขายังดื้อดึงพูดว่า “ไม่มีปัญหาฉันจะรอคุณได้”
เย่เชียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และเขาก็ฉีกยื้มจากนั้นเขาก็เดินไปไม่กี่ก้าวไปยังฉินยูและพูดอย่างเป็นกันเองว่า “หยูหยู่เขาคนนี้เป็นใครเหรอ?”
เมื่อฉินหยูได้ยินคำพูดที่ดูเป็นกันเองของเย่เชียน เธอก็ตกตะลึงแต่แล้วเธอก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเย่เชียนกำลังพยายามจะช่วยเธอเธอจึงเล่นไปตามน้ำและตอบว่า “ฉันไม่รู้จักเขา” การแสดงออกของเธอที่มีต่อเหว่ยเฉิงหลงเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เหว่ยเฉิงหลงตกตะลึงจนดวงตาของเขาหันไปทางเย่เชียนอย่างช่วยไม่ได้ เหว่ยเฉิงหลงไม่ใช่คนโง่เมื่อเขาเห็นว่าฉินหยูไม่ได้ตำหนิเย่เชียนเหมือนที่เธอเคยตำหนิเขาอย่างโกรธเคืองที่เรียกเธอด้วยชื่อเล่นเขาก็รู้ทันทีว่าจุดยืนของเขากับเธอนั้นแตกต่างจากเย่เชียนอย่างกับเธอสิ้นเชิง เขาคิดเกี่ยวกับวิธีที่เขาจะได้รับการยอมรับจากฉินหยูมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลเลยและเขาก็รู้สึกโกรธเคืองที่เธอมีคนใหม่เข้ามา ดวงตาของเหว่ยเฉิงหลงเริ่มมืดมนและพูดกับเย่เชียนว่า “สวัสดีฉันชื่อเหว่ยเฉิงหลง..แล้วคุณล่ะ?” หากฉินหยูไม่ได้อยู่ข้างๆเย่เชียนแล้วล่ะก็เหว่ยเฉิงหลงจะต้องจัดการเย่เชียนไปแล้วอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเหว่ยเฉิงหลงต้องการให้ความประทับใจที่ดีกับฉินหยูเขาจึงต้องทำตัวเหมือนสุภาพบุรุษเอาไว้
แน่นอนเย่เชียนเข้าใจว่าเหว่ยเฉิงหลงนั้นเสแสร้งทำเป็นสุภาพ มีผู้ชายคนไหนบ้างที่เต็มใจปล่อยให้ผู้หญิงที่ตนชอบไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนอื่น? เย่เชียนจึงหัวเราะและตอบว่า “ผมเย่เชียนเป็นแฟนของหยูหยู่..ผมได้ยินมาว่าคุณช่วยดูแลหยูหยู่มาระยะหนึ่งแล้ว..ผมรู้สึกขอบคุณคุณจริงๆ”
ถึงแม้ว่าฉินหยูจะยอมให้เย่เชียนเรียกเธอว่าหยูหยู่เพื่อที่จะช่วยเธอแล้วแต่เมื่อเธอได้ยินเย่เชียนเรียกตัวเองว่าเป็นแฟนของเธอนั้นร่างกายของเธอก็แข็งทื่ออย่างช่วยไมได้ อย่างไรก็ตามเธอต้องการให้เหว่ยเฉิงหลงจากไปดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรโต้แย้งหรือตำหนิเย่เชียน เมื่อเหว่ยเฉิงหลงเห็นว่าฉินหยูเงียบไม่ได้โต้แย้งอ่ะไรมันก็เป็นการยืนยันแล้วว่าสิ่งที่เย่เชียนพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงและความโกรธของเหว่ยเฉิงหลงก็พุ่งทะลุหัวใจของเขาทันที เขากัดฟันขณะที่ควบคุมความโกรธเอาไว้จากนั้นก็ยิ้มและกัดฟันพูดว่า “ฮ่าๆไม่เป็นไรๆ ช่วยๆกันน่ะ” หลังจากที่เหว่ยเฉิงหลงพูดเขาก็รู้สึกมืดมนอย่างมาก
เย่เชียนหัวเราะและไม่สนใจสีหน้าที่มืดมนของเหว่ยเฉิงหลงและเย่เชียนก็ถามว่า “คุณเหว่ย..คุณยังไม่มีแฟนเหรอ? ให้ผมบอกให้หยูหยู่ของผมแนะนำใครสักคนให้คุณรู้จักไหมฮ่าๆ..แต่ผมคิดว่ามันคงไม่จำเป็นหรอกเพราะคุณเหว่ยหน้าตาดีมากเลย..ผมว่าคุณจะต้องพบใครสักคนเร็วๆนี้อย่างแน่นอนเลยใช่มั้ย?”
ถึงแม้ว่าคำพูดของเย่เชียนจะดูธรรมดามากราวกับว่าเขากำลังพูดคุยกันในเรื่องปกติของคนทั่วไปแต่เมื่อเหว่ยเฉิงหลงได้ยินคำพูดของเย่เชียนนั้นมันก็เหมือนกับว่าเย่เชียนกำลังตบหน้าเขาอย่างจัง เขาไม่เชื่อว่าเย่เชียนจะไม่รู้ไม่เห็นว่าคนที่เขาชอบคือฉินหยู
เหว่ยเฉิงหลงกลืนความโกรธที่ผุดขึ้นมาในใจลงไปและคิดกับตัวเองว่า ‘ไอ้เด็กนี่อย่าพอใจกับตัวเองให้มากนัก ไม่ช้าก็เร็วพ่อคนนี้จะสอนบทเรียนให้แกอย่างหนักหนาสาหัสเอง” แต่เขาก็ยังเสแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษที่ดูสุขุมอยู่ แต่ทว่าถ้าเย่เชียนอ่านคนไม่เก่งเขาก็คงจะเชื่อได้อย่างง่ายดายเลยว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ใจกว้างมาก
“คุณเย่โชคดีมากที่มีฉินยูเป็นแฟน คุณเย่ไต่เต้าในหน้าที่การงานอะไรเหรอ?” เหว่ยเฉิงหลงถามเพราะเนื่องจากรูปร่างหน้าตาของเย่เชียนนั้นดูเป็นผู้ใหญ่เขาจึงไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักศึกษาเพราะอายุของเย่เชียนก็เยอะกว่านักศึกษาทั่วไปดังนั้นเหว่ยเฉิงหลงจึงไม่ได้สงสัยเลยว่าเย่เชียนเป็นนักศึกษาในฐานะนักเรียนของฉินหยู
“ผมมิอาจหรอก ผมเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยน่ะ” เย่เชียนตอบพร้อมกับหัวเราะ
เหว่ยเฉิงหลงมองไปที่เย่เชียนด้วยความตกตะลึง เขาไม่ได้คาดหวังว่าฉินหยูจะมีแฟนเป็นยามรักษาความปลอดภัยธรรมดาๆมันเป็นการดูถูกตัวเขาอย่างมาก เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งเหว่ยตงเซียนกรุ๊ป เขาดีกว่าพนักงานรปภ.เป็นไหนๆไม่ใช่เหรอ? เมื่อเขาเห็นเย่เชียนก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าเย่เชียนต้องเป็นลูกที่มาจากบ้านที่ร่ำรวยหรือเป็นลูกของข้าราชการระดับสูงสักคนในเมือง แม้ว่าเสื้อผ้าของเย่เชียนจะดูธรรมดาๆ แต่เขาสามารถเห็นได้ว่าพวกมันเป็นเสื้อผ้าที่มีแบรนด์ดังพอสมควรดังนั้นเขาจึงเดาเอาว่าเย่เชียนคงเป็นคนที่ชอบเรื่องสงครามทางการทหารในตอนแรกเพราะเสื้อผ้าที่เย่เชียนใส่นั้นเป็นแบรนด์ดังที่สั่งทำพิเศษ แต่เขาจะคิดว่าเย่เชียนจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้อย่างไร
การแสดงออกของเหว่ยเฉิงหลงเปลี่ยนไปอย่างช้าๆเขาพูดอย่างไม่แยแสว่า “โอ้..คุณเป็นแค่ยามเท่านั้นหรอกเหรอ?” เดิมทีเขาแค่พยายามทำให้ฉินหยูประทับใจดังนั้นเขาจึงทำตัวสงบเสงี่ยมและสุขุม แต่เมื่อตอนนี้ที่เขาได้ยินว่าเย่เชียนเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยความเท่านั้นความเย่อหยิ่งของเขาไม่สามารถเก็บกลั้นเอาไว้ได้อีกแล้วมันค่อยๆระเบิดออกมา และเขาตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงให้ฉินหยูเห็นว่าใครเป็นคนที่ดีกว่า
“แค่มีกินก็เพียงพอแล้ว…ฮ่าๆ!” ดูเหมือนเย่เชียนจะไม่ได้สนใจความเย้ยหยันในน้ำเสียงของเหว่ยเฉิงหลงและยิ้มขณะที่ตนตอบ
เหว่ยเฉิงหลงก็ยิ้มอย่างเหยียดหยามเขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉินหยูบริษัทของฉันกำลังจะจัดงานราตรีกาล่าไนท์ในสุดสัปดาห์นี้มากับฉันไหม..อ้อใช่แม้แต่คุณเย่คุณก็สามารถมาร่วมได้เช่นกัน”
เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าเหว่ยเฉิงหลงไม่ได้เชิญเขาอย่างจริงใจเขาต้องมีกลอุบายบางอย่างและแน่นอนที่สุดว่าเขาต้องการทำให้เย่เชียนเสียหน้า แต่อย่างไรก็ตามเย่เชียนก็รู้วิธีที่จะจัดการกับพวกปลิ้นปล้อนจอมเสแสร้งเหล่านี้และนั่นก็คือการทำให้พวกเขาเสียหน้าครั้งใหญ่และทำให้พวกเขารู้ว่ายังมีคนอื่นๆบนโลกใบนี้นอกจากพวกเขาและพวกเขาก็ไม่ควรที่จะมีทัศนคติเช่นนี้เสมอไป เย่เชียนคิดในใจว่า “ฉันนี่แหละคือจุดสูงสุดของโลกใบนี้!” แต่เขาต้องการจะเซอไพร์อย่างเงียบๆเพราะมันน่าจะสะใจยิ่งกว่า
ฉินหยูไม่ได้มองเหว่ยเฉิงหลงขณะที่เธอตอบอย่างเย็นชาว่า “อ้อ..ลืมไปสุดสัปดาห์นี้ฉันมีธุระ!”
เย่เชียนยิ้มและเดินไปข้างๆฉินหยูและวางมือบนไหล่ของเธออย่างเป็นธรรมชาติจากนั้นก็พูดว่า “หยูหยู่..เพราะคุณเหว่ยเขาตั้งใจชวนเราจะปฏิเสธเขาไม่ได้นะ เราไปด้วยกันนะผมไม่เคยไปงานราตรีมาก่อนเลย” เขาพูดตามน้ำอย่างลื่นไหลสมบูรณ์แบบและที่สำคัญที่สุดนี่เป็นโอกาสที่เย่เชียนจะสัมผัสฉินหยูได้ มันจะเสียเปล่าที่จะไม่ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ เขาค่อนข้างโทษมือตัวเองที่ไปวางบนไหล่ของเธอและค่อยๆลูบอย่างสนิทสนม
ร่างกายของฉินหยูแข็งทื่อและคิ้วของเธอก็เริ่มขมวดขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกเพศตรงข้ามสัมผัส และเธอก็คิดได้ว่า ไม่ใช่ครั้งแรกสิมันเป็นครั้งที่สองจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอเคยถูกเย่เชียนชนด้วยช่วงล่างอันน่าสมเพชของเขา แต่เธอรู้ว่าเย่เชียนกำลังช่วยเธออยู่และด้วยความไม่สะดวกนี้เธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถโกรธเขาได้มิเช่นนั้นเหว่ยเฉิงหลงจะจับผิดพวกเขาได้และอาจกลับมากวนใจเธออีกในอนาคต อย่างไรก็ตามฉินหยูไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองถูกเย่เชียนฉวยโอกาสได้ เธอยิ้มอย่างแผ่วเบาและคว้าเอวเย่เชียนแล้วบีบอย่างแรงขณะที่เธอพูดว่า “เอาล่ะฉันจะไปถ้าคุณต้องการ” สำหรับคนนอกแล้วพวกเขาทั้งสองดูเหมือนคู่รักกันจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.