ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 311 การเตรียมตัวก่อนศึกใหญ่
ตอนที่ 311 การเตรียมตัวก่อนศึกใหญ่
ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันไม่นานรถก็มาถึงที่สวนศาลเจ้า ซึ่งสวนศาลเจ้าในฤดูหนาวนั้นดูเป็นเอกลักษณ์อย่างมากแต่ทว่าเย่เชียนและคนอื่นๆ นั้นไม่ได้ต้องการชื่นชมหรือมาเที่ยวเพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบเสียมากกว่า
ตามโค้ดและรหัสลับที่นากาจิมะชินนะทิ้งเอาไว้ในตอนเช้านั้นข้อความดังกล่าวระบุว่าสถานที่ที่เหล่าองค์กรดาร์คลิลลี่จะมารวมตัวกันในอีกสองวันต่อมาก็คือที่นี่นั่นเอง ซึ่งเย่เชียนนั้นจงใจเดินนำหน้าไปกับชิงเฟิงก่อนและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็รีบวิ่งตามมา ส่วนม่อหลงและเซี่ยจือยี่นั้นก็ถูกทิ้งท้ายเอาไว้ข้างหลังด้วยกัน เพราะบางทีอาจจะเป็นอย่างที่ชิงเฟิงพูดเอาไว้ว่าเซี่ยจือยี่นั้นชอบม่อหลงแต่ทว่าถึงยังไงมันดูเกินจริงไปหน่อยแต่อย่างน้อยๆ เหมือนเธอจะมีความรู้สึกดีๆ
ในเวลานี้เซี่ยจือยี่ก็มักจะหาหัวข้อต่างๆ มาเพื่อพูดคุยกับม่อหลงแต่ทว่าม่อหลงก็เฉยเมยกับเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัดและสงบเสงี่ยมมาโดยตลอดราวกับว่าผู้หญิงนั้นเป็นเหมือนสิ่งต้องห้ามสำหรับเขาอย่างไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะจงใจสร้างโอกาสดีๆ ให้กับโม่หลงในตอนนี้แต่ถึงยังไงม่อหลงก็ยังดูเย็นชาต่อทุกสิ่งทุกอย่างและต่อต้านเล็กน้อยเลยด้วยซ้ำเพราะเมื่อใดก็ตามที่เซี่ยจือยี่เดินเข้ามาใกล้ๆ ม่อหลงมากขึ้นม่อหลงก็จะขยับห่างออกไปเล็กน้อยอย่างผิดธรรมชาติ
เซี่ยจือยี่เองก็ดูเหมือนจะผิดหวังกับการกระทำของม่อหลงเล็กน้อยแต่เธอก็ยังคงแสดงท่าทางที่สงบเสงี่ยมและมั่นคงมากและสามารถแสดงความหมายของเธอเพื่อสื่อให้รู้โดยไม่ต้องกระตือรือร้นมากเกินไปได้ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ม่อหลงนั้นรู้ตัวแล้วว่าเย่เชียน,ชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยจงใจเดินหนีตัวเองไปและเมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็เดินตามไปในทันที บางทีจิตใต้สำนึกของเขาอาจจะมีความรู้สึกดีๆ ต่อเซี่ยจือยี่ก็ได้เพียงแต่ว่าเขาในฐานะมือสไนเปอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขี้ยวหมาป่าแล้วเขาจึงถูกกำหนดให้เป็นเช่นนี้
“บอสคิดว่าพี่ม่อหลงมีโอกาสมั้ย?” ชิงเฟิงถามขณะเดินเข้ามาทางด้านของเย่เชียน
เย่เชียนก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และพูดว่า “ฉันก็หวังว่าพี่เขาจะเข้าใจได้..เพราะผู้ชายอย่างเราๆ น่ะควรมีบ้านเป็นของตัวเองและมีผู้หญิงที่เรารัก”
“บอสถ้าผมเข้าไปช่วยเขาล่ะ..คราวนี้ผมจะไปสร้างสถานการณ์แบบบังเอิญให้พวกเขาเอง..เขาจะได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อกันสักที” ชิงเฟิงพูดอย่างกังวลขณะที่หันกลับไปมองที่ม่อหลง
“อย่าเข้าไปยุ่งเลย..เรื่องแบบนี้ไม่มีใครช่วยได้หรอก” เย่เชียนเหลือบมองไปที่ชิงเฟิงและพูดว่า “นายสนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะ”
“โถ่..ชีวิตของผมมันช่างน่าขมขื่นมาก..ถ้าหากนากาจิมะชินนะที่น่ารักของผมเป็นเหมือนเซี่ยจือยี่ได้สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์แบบที่เธอมีให้กับพี่ม่อหลงล่ะก็..ฉันจะรีบจัดการกับเธอทันทีเลย” ชิงเฟิงถอนหายใจและพูด
“หือ..ชิงเฟิง! ..นายมีแฟนแล้วเหรอ..ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลยล่ะ..เมื่อกี้เธอชื่อว่าอะไรนะ..ชื่อเหมือนสาวบ้านนอกเลย..ไหนๆ บอกฉันหน่อยสิว่าเธอเป็นยังไงเมื่อเทียบกับสาวๆ เมื่อคืนก่อน?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามอย่างสงสัย
“แม่งเอ๊ย! ..นายกล้าเปรียบเทียบนางฟ้านากาจิมะชินนะของฉันกับสาวๆ พวกนั้นน่ะเหรอ..นายรู้มั้ยว่าเธอคือเทพธิดาในอุดมคติของผู้ชายอย่างเราๆ เลยล่ะ..เธอคือแม่ของลูกฉันในอนาคต” ชิงเฟิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด
หวงฟู่เส้าเจี๋ยเหลือบมองชิงเฟิงอย่างเย้ยหยันและพูดว่า “ไอ้หมอนี่เพ้อเจ้อ..นายมันเป็นลูกหมูพันธุ์ประหลาดแล้วผู้หญิงคนไหนจะกล้ามีลูกกับนายวะ”
“จะเชื่อหรือเปล่ามันก็แล้วแต่นาย..แต่ฉันจะบอกนายเอาไว้ก่อนเลยว่าจากนี้ไปฉันจะไม่ไปเที่ยวทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านั้นกับนายอีก..ตอนนี้ฉันมีภรรยาแล้ว..เพราะงั้นฉันต้องการแสดงความรักและความจริงใจให้กับเธอดั่งหยกบริสุทธิ์” ชิงเฟิงพูดอย่างเคร่งขรึมด้วยท่าทางที่จริงจัง
“หึ..จะทำอะไรก็ทำฉันไม่สนใจหรอก..เพราะหลังจากที่ฉันได้ฟังอุดมคติของหลี่เหว่ยแล้วฉันก็ตัดสินใจได้แล้วว่าอุดมคติของฉันมันควรจะเหมือนกับเขาเพราะนั่นคือวิถีแห่งลูกผู้ชาย!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างดุดัน
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ถึงกับหันหน้ามามองหวงฟู่เส้าเจี๋ยด้วยความประหลาดใจและถามว่า “อุดมคติของหลี่เหว่ยเป็นแบบไหน?”
“เอ่อ..คือ..นั่นคือสิ่งที่หลี่เหว่ยพูด” หวงฟู่เส้าเจี๋ยทำเสียงไออยู่ในลำคอและเลียนแบบเสียงของหลี่เหว่ยจากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ในอุดมคติของฉันคือ..สายเลือดจากทั่วทุกมุมโลก..เพราะฉะนั้นเมื่อใดที่ฉันได้เสียชีวิตลงก็จะมีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กคนหนึ่งไปที่ห้องโถงเพื่อไว้ทุกข์..จากนั้นเธอคนนั้นก็จะชี้ไปที่วิญญาณและรูปของฉันและพูดกับเด็กคนนั้นว่า..ลูก..นี่คือพ่อผู้ให้กำเนิดลูกจริงๆ ..ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับผู้หญิงทั่วโลก!”
เย่เชียนและชิงเฟิงก็ถึงกับผงะไปชั่วขณะและในทันใดนั้นเองพวกเขาก็รู้สึกว่ามันกำลังมีพายุฝนฟ้าคะนองอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาเพราะมันช่างเป็นอุดมคติที่ยิ่งใหญ่เสียจริง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานในที่สุดพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาราวกับว่าพวกเขาจินตนาการถึงฉากในคำพูดอยู่ หลังจากนั้นเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หลังจากนั้นพวกเธอจากทั่วทุกมุมโลกก็จะก่อสงครามเพื่อแย่งชิงสมบัติของนายใช่มั้ย? ..ฮ่าฮ่า”
ณ ที่ตรงนี้เป็นฉากแห่งความสนุกสนานร่าเริงแต่ด้านหลังนั้นเป็นอีกฉากที่เงียบงั้นและสง่างามเพราะเซี่ยจือยี่ก็ยังคงพูดคุยกับม่อหลงอยู่ด้วยเสียงเบาๆ ซึ่งหลังจากเงียบไปนานในที่สุดม่อหลงก็พูดออกมาแต่ทว่ามีเพียงแค่เสียง “อ๋อ..อ่าห๊ะ..อืม” แต่ทว่าเซี่ยจือยี่นั้นดูเหมือนจะไม่รู้สึกเบื่อหรือเขินอายใดๆ เลยเพราะเธอก็ยังคงถามคำถามบางอย่างเกี่ยวกับฝีมือการต่อสู้ของม่อหลงเอง
ไม่ใช่ว่าม่อหลงรังเกียจเซี่ยจือยี่แต่อย่างใดแต่เป็นเพียงเพราะตัวตนและบุคลิกของเขาเท่านั้นเพราะเขาไม่ใช่คนที่จะสนิทสนมและใกล้ชิดกับผู้หญิงได้ดี ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเงอะงะและทำตัวไม่ถูกเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นานเย่เชียนก็ชี้ไปที่ศาลาแห่งหนึ่งและพูดว่า “นั่น! ..คือสถานที่จัดประชุมขององค์กรดาร์คลิลลี่ในวันพรุ่งนี้ตามข้อมูลของนากาจิมะชินนะ..ซึ่งมันจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชม!”
“อืม..คนอื่นๆ ไม่รู้เลยสินะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นข้างในนี้บ้าง” ชิงเฟิงพูดอย่างแปลกประหลาดชวนให้คนที่ไม่รู้เรื่องงุนงงอย่างมาก
“ถ้าปลอมตัวเข้าไปคนอื่นก็จะไม่สังเกตพวกเราหรอก” เย่เชียนพูดต่อ “แต่ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเยอะมากในทุกๆ วัน..เพราะงั้นมันคงจะยากมากที่จะโจมตีโดยไม่ให้พวกตำรวจจากสถานีตำรวจรู้”
“อาจารย์กำลังพูดถึงอะไรเนี่ย..ทำไมผมถึงไม่เข้าใจเลยสักคำ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ
“นายห้ามมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้! ..และก็อย่าถามมาก! ..ครั้งนี้ที่ฉันพานายมาที่ญี่ปุ่นก็เพื่อให้นายมาเที่ยวมาผ่อนคลายและพามารู้จักกับพี่น้องก็แค่นั้น”
“อาจารย์ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับถ้าไม่ได้ทำงาน..ไม่ต้องกังวลไปผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้อาจารย์เดือดร้อน” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างจริงจัง
“มันไม่ใช่ประเด็นและมันก็ไม่ใช่ปัญหาว่านายจะทำให้ฉันเดือดร้อนหรือเปล่า..เพราะสถานะตัวตนของนายมันพิเศษ..และถ้าหากมีปัญหาขึ้นมาล่ะก็..บอกได้เลยว่ามันจะเกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศแน่นอน..นายเข้าใจใช่มั้ย?” เย่เชียนพูดอย่างจริงจัง “นายควรใช้เวลานี้เพื่อฝึกฝนทักษะจะดีกว่านะ..ฉันพูดได้เลยว่าหัวหน้าโย่วซวนน่ะเป็นปรมาจารย์ที่จะช่วยนายได้อย่างมากในอนาคต”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยนั้นไม่ใช่คนที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ที่ไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องเหล่านี้เพราะเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่เชียนพูดอย่างจริงจังเช่นนี้แล้วเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างเชื่อฟัง
“บอส! ..แล้วพวกเราจะโจมตีด้วยวิธีไหนกัน..นากาจิมะชินนะของผมได้บอกมั้ยว่าพวกมันมีกันกี่คน?” ชิงเฟิงถาม
“อย่างน้อยๆ ก็สามสิบคนรวมถึงผู้นำขององค์กรดาร์คลิลลี่ด้วย..ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอและแม้แต่นากาจิมะชินนะเองก็ยังไม่เคยได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้นำคนนั้นเลย..พวกเราจะต้องลำบากมากแน่ๆ เมื่อถึงเวลา” เย่เชียนพูด “ยังไงก็เถอะวิธีที่ดีที่สุดก็คือเราจะอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามและโจมตีโดยตรงด้วยเครื่องยิงจรวดและเครื่องยิงระเบิดกับสไนเปอร์แล้วค่อยถอนกำลังออกไปหลังจากที่จัดการพวกมันหมดแล้ว”
“ไม่นะบอส! ..ถ้าแบบนั้นแม้แต่นากาจิมะชินนะของผมเองก็ต้องตกอยู่อันตรายด้วยไม่ใช่หรอ” ชิงเฟิงพูด
“เห้อ..นี่คือเรื่องที่ทำให้ฉันลำบากใจมากที่สุด..แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ..เพราะเหล่าพี่น้องเขี้ยวมาป่านั้นโดนเด่นมากเกินไปและถ้าหากมีใครเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นอีกก็จะไปดึงดูดความสนใจของรัฐบาลกลางญี่ปุ่นได้..เพราะงั้นฉันเลยคิดว่ามันคงไม่ง่ายอย่างที่เราหวังเอาไว้หรอก” เย่เชียนขมวดคิ้วแล้วพูด
“เดี๋ยวสิ! ..อาจารย์ลืมไปแล้วเหรอ?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยขัดจังหวะ
เย่เชียนก็ขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยที่กำลังแลบลิ้นใส่เขาอยู่จากนั้นเย่เชียนก็พูดว่า “ไหน? ..ลองพูดมาซิว่านายมีความคิดอะไรดีๆ บ้าง”
“อาจารย์ลืมบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดของเราไปแล้วเหรอ..มันน่าจะง่ายสำหรับพวกเขานะที่จะเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นใช่มั้ยล่ะ..เพราะงั้นก็แค่เรียกพวกเขามาเสริม” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างมีไหวพริบ
“ใช่ๆ บอส..สิ่งที่ไอ้หมอนี่พูดมาก็สมเหตุสมผลอยู่นะ..เพราะพวกนั้นก็ฝึกมานานแล้วและมันก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทดสอบพวกเขาในการลงสนามจริง..เพื่อดูว่าใครที่จะมีศักยภาพมากพอที่จะเข้าร่วมในเขี้ยวหมาป่าของเรา” ชิงเฟิงพูดและเห็นด้วยกับหวงฟู่เส้าเจี๋ย
เย่เชียนก็พยักหน้าและพูดว่า “เฮ้ย..มันเข้าท่าดีนี่หว่า..ถ้างั้นชิงเฟิง! ..นายไปติดต่อแจ็คเพื่อจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เรียบร้อยและจัดให้พวกเขาเข้ามาเป็นกลุ่มทัวร์ในฐานะนักเที่ยว..แต่ต้องสมัครกลุ่มบริษัททัวร์อย่างเป็นทางการนะ..ทำให้มันเป็นฉากหน้าอย่างเป็นทางการด้วย”
“ไม่ต้องกังวลไปบอส..เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้ให้” ชิงเฟิงพูดอย่างตื่นเต้น เพราะการมาของกำลังเสริมจากบริษัทรักษาความปลอดภัยไอร่อนบลัดเป็นตัวแปรที่สำคัญที่ทำให้นากาจิมะชินนะต้องเสี่ยงน้อยลง
“โอเคตามนั้น! ..เรากลับกันเถอะ!” เย่เชียนพูด และเมื่อทุกคนหันกลับไปพวกเขาก็พบกับฉากตรงหน้าที่ทำให้พวกเขาถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะพวกเขาเห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของม่อหลง ที่กำลังพูดคุยอยู่กับเซี่ยจือยี่อย่างสนุกสนานและนุ่มนวล ซึ่งดูเหมือนว่าม่อหลงจะไม่ต่อต้านเจตนาที่ดีของเซี่ยจือยี่อีกต่อไปแล้ว
ชิงเฟิงกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็จ้องมองไปที่เย่เชียนด้วยความประหลาดใจอย่างมากเพราะเย่เชียนกำลังยิ้มกว้างๆ อย่างพึงพอใจอยู่กับฉากตรงหน้าของพวกเขา ซึ่งเหตุผลที่เย่เชียนยิ้มออกมากว้างๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเซี่ยจือยี่เพราะผู้หญิงคนนี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาเลยเพราะเธอสามารถทำให้คนอย่างม่อหลงละทิ้งความระมัดระวังและความสงบเสงี่ยมของเขาไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเย่เชียนนั้นก็ยินดีอย่างมากเพราะนี่คือผลลัพธ์ที่เขาหวังว่าเขาจะได้เห็นพี่ชายคนนี้มีความสุขเช่นนี้
เย่เชียนก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดเบาๆ ว่า “เฮ้ยๆ! ..พวกเราแอบไปกันก่อนเถอะ..อย่าไปรบกวนพวกเขาสองคน”
หลังจากที่เย่เชียนพูดแล้วพวกเขาทั้งสามก็แอบออกไปกันอย่างเงียบๆ ในขณะที่ม่อหลงและเซี่ยจือยี่นั้นไม่รู้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาทั้งสามคนนั้นก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปยังโรงแรม ดังนั้นพวกเขาจึงเดินหาร้านอาหารญี่ปุ่นก่อนและจะกลับไปหลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกันเสร็จแล้ว เพราะถึงยังไงแล้วพวกเขาก็มาเยือนประเทศญี่ปุ่นทั้งทีเพราะฉะนั้นอย่างน้อยๆ ก็ควรจะลิ้มลองอาหารที่นี่เสียบ้าง
บริกรนำทางทั้งสามคนเข้าไปในห้องส่วนตัวซึ่งเย่เชียนก็สุ่มสั่งอาหารมาหลายอย่างจากนั้นบริกรออกไปด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทั้งสามไม่คุ้นเคยกับการคุกเข่านั่งรับประทานอาหาร หลังจากนั้นภายในไม่กี่นาทีอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกเสิร์ฟมาหมดแล้วและเย่เชียนก็ให้ทิปบริกรไปและบริกรก็ออกไปอย่างสุภาพและเคารพ
เมื่อเห็นอาหารถูกเสิร์ฟมาเต็มโต๊ะแต่ทว่าแต่ละจานนั้นก็เป็นอาหารจานเล็กๆ ทั้งหมดซึ่งทำให้หวงฟู่เส้าเจี๋ยตกตะลึงเล็กน้อยและพูดว่า “อาจารย์! ..นี่เราจะอิ่มกันมั้ยเนี่ย?”
เย่เชียนก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ริสนิยมและการกินอาหารของชาวญี่ปุ่นน่ะเป็นเพียงการลิ้มลองรสชาติของอาหาร..เอาหน่าอาหารของชาวซามูไรแท้ๆ น่ะมีสิ่งที่น่ายกย่องอยู่นะ..อย่าไปขัดขวางทุกสิ่งทุกอย่างและอย่าไปอคติคนอื่นด้วยการเลือกปฏิบัติทางชนชาติสิ”
เครื่องดื่มเป็นเหล้าสาเกของประเทศญี่ปุ่นและไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ใดๆ ซึ่งคล้ายกับไวน์ข้าวของประเทศจีนที่หมักจากวัตถุดิบธรรมชาติ
ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังรับประทานอาหารกันอยู่นั้นจู่ๆ ก็เสียงดังออกมาจากห้องถัดไปโดยเกิดจากหลายคนที่ดื่มมากเกินไปจนเมาอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเหล่านั้นก็ร้องเพลงญี่ปุ่นซึ่งในบางท่อนของเพลงก็มีการดูหมิ่นและเหยียดหยามชาวจีนอย่างมากผสมผสานกับเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ซึ่งทำให้คิ้วของเย่เชียนและชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ขมวดเข้าหากันแน่น
.
.
.
.
.
.
.