ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 276 พายุและฝนโหมกระหน่ำ
ตอนที่ 276 พายุและฝนโหมกระหน่ำ
‘ไอ้แก่นี่..วันๆ เอาแต่ชี้นิ้วสั่งไม่เคยทำอะไรเองเลย..ปล่อยให้ลูกน้องคอยตามเช็ดให้อย่างเดียว’ หูเยว่คิดอยู่ในใจอย่างลับๆ เพราะเขาไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าเจ้าหน้าที่รัฐระดับนี้ที่สามารถขยี้เขาได้
“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่..จับพวกมันไปสิ!” เจียงปินหยางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“ผู้กำกับการหู..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เย่เชียนพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร
หูเยว่ก็ยิ้มอย่างเชื่องช้าและพูดว่า “โอ้..คุณเย่เป็นยังไงบ้างสบายดีมั้ย”
“รู้จักกันเหรอ?” เจียงปินหยางถามหูเยว่อย่างเร่งรีบและมีสีหน้าที่จริงจังมากซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าหูเยว่นั้นเหมือนอยู่ภายใต้เย่เชียนอย่างไงอย่างงั้น
“ครับผมรู้จักเขา” หูเยว่รู้สึกอับอายและลำบากใจอย่างมากนั่นก็เพราะว่าเขาไม่สามารถที่จะทำให้ใครในทั้งสองฝ่ายขุ่นเคืองได้เลยและเขาเคยพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนและเขาก็ไม่ได้จะมาเพื่อตายและเขาควรทำอย่างไร? ซึ่งคนที่อยู่ท่ามกลางความน่ากลัวทั้งสองนั้นก็เหมือนกับตายไปแล้ว
“หูเยว่! ..มันคงไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอกนะถ้าคุณต้องการที่จะปกป้องเขา!” เจียงปินหยางพูดอย่างดุดัน
“เหอะ! ..อย่ามาใช้อำนาจของตัวเองเพื่อข่มคนอื่น!” เย่เชียนเหลือบมองไปที่หูเยว่จากนั้นหันไปหาเจียงปินหยางและพูดว่า “ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้กำกับการหู..และเขาแค่เคยจับผมเข้าคุกก็แค่นั้น”
“อาจารย์ทำไมอาจารย์ถึงพูดเรื่องไร้สาระกับไอ้แก่นี่ล่ะ..เดี๋ยวผมจะยิงเขาทิ้งเอง” เมื่อหวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดจบเขาก็หยิบปืนพกออกมาแล้วเล็งไปที่หัวของเจียงปินหยาง ซึ่งในตอนนี้หูเยว่และเหล่าตำรวจต่างก็ตกใจและหวาดกลัวไปกับผู้ชายที่กล้าบ้าบิ่นคนนี้มากเพราะเขาถึงกับกล้าที่จะชักปืนออกมาต่อหน้าของตำรวจและจ่อไปที่หัวของเลขาธิการพรรคการเมืองของเทศบาลเมืองเช่นนี้ และในตอนนี้เหล่าตำรวจต่างก็ไม่กล้าที่จะลังเลใดๆ และพวกเขาก็รีบชีกปืนออกมาทีละคนและเล็งไปที่หวงฟู่เส้าเจี๋ยและตะโกนว่า “วางปืนลง! ..วางปืนลงเดี๋ยวนี้!”
“อะไร! ..กลัวเหรอ..ถ้ากล้าก็ยิงมาสิ!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดอย่างไม่แยแสสิ่งใด
ถึงแม้ว่าหูเยว่จะชื่นชมความกล้าของหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ตามเพราะอย่างน้อยๆ เด็กหนุ่มคนนี้ก็กล้าหาญอย่างมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วอีกคนก็เป็นถึงเลขาธิการพรรคการเมืองของเทศบาลเมืองดังนั้นหูเยว่จึงไม่กล้าที่จะประมาทใดๆ ส่วนตำรวจบางคนก็เหลือบมองเย่เชียนอย่างลำบากใจและหูเยว่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี
เย่เชียนก็ไม่ได้สนใจหวงฟู่เส้าเจี๋ยมากนักเพราะเขารู้ดีว่าหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็แค่จะทำให้เจียงปินหยางหวาดกลัวเพียงเท่านั้นและจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเจียงปินหยางที่หยิ่งผยองและโออ่าและทำตัวเสมือนอยู่ค้ำฟ้าและทรงพลังเช่นนี้ก็สมควรที่จะถูกกระทำเช่นนี้อย่างมาก และถึงแม้ว่าเย่เชียนจะเห็นดวงตาที่แสดงความอ้อนวอนของหูเยว่ก็ตามแต่เย่เชียนก็ทำเหมือนไม่เห็นอะไรใดๆ เลย
“คุณเย่คุณช่วยบอกให้เขาวางปืนลงก่อน..ทำแบบนี้มันจะไม่ดีถ้าสิ่งต่างๆ มันเกิดขึ้นน่ะ” หูเยว่อดไม่ได้จะถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
เย่เชียนยักไหล่และพูดว่า “ผมทำไม่ได้..คุณบอกเขาเองเถอะ”
หูเยว่ก็ถอนหายใจอย่างลับๆ ในใจและหันไปพูดกับหวงฟู่เส้าเจี๋ยว่า “วางปืนลงก่อนเถอะ..และมาคุยกัน..ถ้าคุณฆ่าเลขาเจียงไปเรื่องต่างๆ มันจะร้ายแรงมากนะ”
“หุบปาก! ..ถ้าผมอยากจะฆ่าใครก็ต้องฆ่าให้ได้!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูดต่อ “และคุณที่เป็นทั้งงูพิษและหนูรับใช้เขาผมก็จะฆ่าคุณด้วย”
หูเยว่ตกตะลึงไปชั่วขณะเพราะปรากฏว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาละวาดและบ้าบิ่นมากเกินไป จากนั้นหูเยว่ก็มองไปที่เย่เชียนและหันไปมองหวงฟู่เส้าเจี๋ยอีกครั้ง และคิดว่าตัวตนของเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่ใช่เด็กธรรมดาๆ อย่างแน่นอน ส่วนเจียงปินหยางนั้นก็เริ่มสิ้นหวังและขาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นและอ่อนแรงเพราะเดิมทีเขาก็คิดว่าเมื่อพวกตำรวจมาแล้วคนเหล่านี้ก็จะไม่กล้าที่จะอาละวาดใดๆ ซึ่งเขาจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะว่าคนเหล่านี้ไม่ได้เกรงกลัวพวกตำรวจเลยและยิ่งไปกว่านั้นยังกล้าถือปืนต่อหน้าพวกตำรวจอีก
“ถ้างั้นคุณเย่ต้องการอะไรจากเลขาเจียงหรอครับ” ตอนนี้ชีวิตของเจียงปินหยางก็ตกอยู่ในกำมือของคนอื่นไปแล้ว เพราะงั้นหูเยว่จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผิดพลาด เขาจึงต้องถามด้วยน้ำเสียงที่ดีและสงบเสงี่ยม
“ก็ง่ายๆ ..ให้เขาคุกเข่าลงและขอโทษชาวเมืองเหล่านี้ซ่ะ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยพูด
“อะไรนะ! ..แก..แกจะให้ฉันคุกเข่าเหรอ..มันเป็นไปไม่ได้!” เจียงปินหยางถึงกับผงะไปชั่วขณะจากนั้นก็พูดอย่างเกรี้ยวกราด
“ไอ้แก่เอ้ย..คิดว่าฉันไม่กล้ายิงรึไง?” หวงฟู่เส้าเจี๋ยตบเจียงปินหยางที่หัวด้วยด้ามปืนในมือของเขาและพูด
“เลขาเจียง..คุณควรทำตามที่เขาต้องการ” หูเยว่พูดอย่างแผ่วเบา
“นี่คุณกำลังพูดอะไรอยู่..คุณกำลังช่วยไอ้พวกขยะที่ไร้ประโยชน์พวกนี้งั้นเหรอ..ประเทศต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนกรมตำรวจของพวกคุณในทุกๆ ปี..คุณจะมาพูดแบบนี้ได้ยังไง?” เจียงปินหยางตะคอกหูเยว่
หูเยว่ก็จ้องเขม็งเจียงปินหยางอย่างโกรธเกรี้ยวในใจและหันไปมองเย่เชียนอย่างวิงวอนและอ้อนวอนราวกับว่าเขาไร้ซึ่งหนทางใดๆ อีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่กล้าที่จะลังเลใจอีกต่อไปเขาจึงรีบโทรไปหาหลี่ฮ่าวผู้เป็นถึงอธิการสำนักงานกรมตำรวจส่วนกลางของเทศบาลเมืองและอธิบายถึงสถานการณ์ที่นี่
หลี่ห่าวก็ถึงกับผงะไปและรีบระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดพิเศษมาที่นี่อย่างเร่งรีบ และเขาก็แอบปวดหัวและพึมพำอย่างลับๆ ว่า “พี่สอง! ..พี่ทำให้เกิดหายนะแบบนี้ได้ยังไง” หลี่ฮ่าวเองก็ไม่รีรอเช่นกันเขาจึงโทรศัพท์ไปหาหวังปิงและอธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่โครงการบูรณะเมือง
หวังปิงเองก็ตกตะลึงอยู่สักพักหนึ่งและไม่ลังเลใดๆ อีกต่อไปเขาก็รีบวางงานที่อยู่ในมือและขับรถตรงไปยังนั่นอย่างเร่งรีบ
ในตอนนี้สถานการณ์ก็กำลังวุ่นวายอย่างมาก ซึ่งหวงฟู่เส้าเจี๋ยเองก็จะไม่แสดงความอ่อนแอใดๆ ออกมาเพราะฉะนั้นเขาจึงโทรหาพ่อของเขาและเสแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสมเพชและน่าสงสารว่า “พ่อ! ..ลูกชายของพ่อกำลังถูกพวกตำรวจจ่อปืนใส่!”
หวงฟู่ถิงเตี๋ยนก็ถึงกับผงะไปและถามอย่างร้อนรนว่า “ใจเย็นๆ ..ลูกอยู่ที่ไหน?”
หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็บอกที่อยู่ของเขาแก่หวงฟู่ถิงเตี๋ยนไปและหวงฟู่เส้าเจี๋ยก็ยังเติมเชื้อไฟลงไปอีกเกี่ยวกับวิธีการที่พวกตำรวจทำร้ายเขาและรุมจ่อปืนมาที่เขาอย่างน่าสงสาร และเมื่อผู้ที่เป็นพ่ออย่างหวงฟู่ถิงเตี๋ยนได้ยินเช่นนี้แล้วเขาจึงพูดอย่างเร่งรีบว่า “นี่มันจะเกินไปแล้ว! …ใจเย็นๆ ..ลูกรออยู่ที่นั่นก่อนนะ..เดี๋ยวพ่อจะให้กองกัพของเซี่ยงไฮ้ไปรับ”
แน่นอนว่าหูเยว่และคนอื่นๆ นั้นไม่สามารถได้ยินคำพูดของหวงฟู่ถิงเตี๋ยนได้ แต่ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของหวงฟู่เส้าเจี๋ยแล้วพวกเขาก็ต้องตกใจอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างกลับกลอกและชั่วร้ายอย่างมากและพวกเขาก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าพ่อของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นเป็นคนที่มีอิทธิพลมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นพวกเขาก็ต้องตัดสินใจสิ่งต่างๆ ให้รอบคอบและจะต้องจัดการสิ่งต่างๆ ให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาก็เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่สามารถรักษาหมวกสีดำแห่งผู้พิทักษ์ราษฎรใบนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป
หลังจากที่หวงฟู่ถิงเตี๋ยนวางสายโทรศัพท์ไปเขาก็รีบโทรไปยังพื้นเขตทหารของเมืองเซี่ยงไฮ้ในทันที เพราะพวกเขาทั้งหมดเป็นทหารที่สังกัดในกองทัพเดียวกันและทั้งหมดก็อยู่ในค่ายเดียวกันซึ่งเมื่อผู้บัญชาการของกองทัพเซี่ยงไฮ้รับสายนี้แล้วเขาก็รีบสั่งให้กองร้อยชุดพิเศษติดอาวุธครบมือออกปฏิบัติการทันทีโดยใช้เฮลิคอปเตอร์หุ้มเกราะเพราะสถานการณ์เร่งด่วนอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ได้รับโทรศัพท์จากหวงฟู่ถิงเตี๋ยนผู้เป็นน้องชายและก็อดไม่ได้ที่จะต้องส่ายหัวทันที ซั่งแน่นอนว่าหวงฟู่ถิงเตี๋ยนนั้นไม่รู้แต่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนรู้ดีว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับเย่เชียนอย่างแน่นอน แต่ทว่าสิ่งต่างๆ ก็มาถึงจุดนี้แล้วและเขาก็กล้าที่จะลังเลใดๆ และรีบนั่งรถตรงไปยังที่เกิดเหตุในทันที ซึ่งหวงฟู่ชิงเตี๋ยนเองก็ยังแอบขอบคุณตัวเองที่โชคดีที่เขายังอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้เพราะถ้าเขากลับไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนหน้านี้ล่ะก็เขาก็จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นมาอย่างไรและจะจบอย่างไร
ไม่นานนักเสียงไซเรนของรถตำรวจก็ดังขึ้นอีกครั้งและรถตำรวจหลายสิบคันก็มาหยุดที่ถนนและตำรวจหน่วย S.W.A.T ติดอาวุธละตำรวจชุดพิเศษก็รีบกระโดดลงจากรถซึ่งนำโกยหลี่ฮ่าวและเขาก็กวาดสายตามองไปรอบๆ และตะโกนว่า “ห้ามใครบันทึกหรือถ่ายภาพโดยไม่ได้รับคำสั่งจากผม!”
หลังจากพูดจบหลี่ฮ่าวก็เดินตรงไปยังทิศทางของเย่เชียน
เมื่อเห็นหลี่ฮ่าวมาหูเยว่ก็รีบทักทายเขาและพูด “ท่านอธิการหลี่..คือ”
“เดี๋ยวผมจัดการเอง” หลี่ฮ่าวเหลือบมองเขาและพูด
เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงจำนวนมากเจียงปินหยางก็มั่นใจและความกล้าก็มากขึ้นจากนั้นเขาก็พูดทันทีว่า “คุณอธิการหลี่..คุณต้องจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายลำผิดวินัยพวกนี้นะ..พวกมันต้องถูกลงโทษอย่างหนัก!”
“ไอ้เวรนี่ใครให้พูดวะ!” หวงฟู่เส้าเจี๋ยตะคอกเจียงปินหยางจนตัวสั่นด้วยความตกใจและรีบปิดปากของเขาไปอย่างเชื่อฟัง
หลี่ฮ่าวจ้องมองไปที่เจียงปินหยางและหันไปมองเย่เชียนและพูดว่า “พี่สอง..มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อได้ยินว่าหลี่ห่าวเรียกเย่เชียนว่าพี่ชายคนสองนั้นเจียงปินหยางก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเพราะปรากฏว่ามีอีกคนที่จะมาช่วยเขาแต่กลับมีความสัมพันธ์กับเย่เชียนอีกแล้ว
เย่เชียนมองไปที่เจียงปินหยางและพูดกับหลี่ฮ่าว “น้องสาม..นายเองก็เติบโตที่นี่ไม่ใช่หรอ..นายก็น่าจะคุ้นเคยกับละแวกใกล้เคียงเหล่านี้ไม่ใช่หรอ..ส่วนโครงการบูรณะเมืองเก่าน่ะก็เป็นเรื่องที่ดีและชาวบ้านชาวเมืองเหล่านี้น่ะก็เต็มใจอยู่เหมือนกันเพื่อร่วมมือกับรัฐบาล..แต่! ..ค่ารื้อถอนและค่าชดเชยน่ะมันไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาเลยที่จะหาที่อยู่ใหม่..แล้วจะปล่อยให้พวกเขาไปอยู่ที่ไหนในอนาคต..เรื่องเหล่านี้ควรเรียกตัวเองว่ารัฐบาลผู้ปกครองของประชาชนได้อีกเหรอ..และถึงกับใช้อำนาจเพื่อกดขี่พวกเขาอีก..พวกเขายอมแพ้กันแล้วและทำไมถึงต้องมากดขี่และทำร้ายร่างกายกันอีก..ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครหน้าไหนที่มอบสิทธิ์อันยิ่งใหญ่เหล่านี้ให้แก่พวกเขากัน”
หลี่ฮ่าวถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่และพูดว่า “เอาล่ะพี่สอง..ใครจะถูกหรือใครจะผิดเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง..พี่ปล่อยเลขาเจียงไปก่อนเถอะ”
ในเวลานี้ทันใดนั้นก็มีเสียงของตำรวจชุดพิเศษที่ดังมาจากวิทยุของหลี่ฮ่าวว่า “พลซุ่มยิงรายงาน! ..ทีมเราอยู่ในจุดที่กำหนดแล้ว..เราพร้อมที่จะวิสามัญ..โปรดสั่ง!” หลี่ฮ่าวถึงกับผงะไปและพูดใส่วิทยุอย่างเร่งรีบว่า “ห้ามใครยิงโดยไม่ได้รับคำสั่งจากผม!”
เย่เชียนก็หัวเราะอย่างแผ่วเบาและพูดว่า “อะไรเนี่ย..พอนายปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วก็จะฆ่าแม้แต่พี่สองของตัวเองเลยหรอ?”
หลี่ฮ่าวยิ้มอย่างขมขื่นและรีบพูดว่า “พี่สองพี่ก็รู้หนิว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น..เอาเถอะ..ผู้ว่าการหวังกำลังมาที่นี่..เราค่อยคุยกันทีหลัง..พี่บอกคนของพี่ให้หยุดเถอะ..เดี๋ยวเรื่องมันจะบานปลาย”
“แน่นอน..ฉันปล่อยเขาอยู่แล้ว..ตราบใดที่เขาคุกเข่าลงและยอมรับความผิดของเขาและขอโทษต่อชาวบ้านชาวเมืองเหล่านี้!” เย่เชียนพูดอย่างหนักแน่น
หลี่ฮ่าวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นเพราะนิสัยของพี่สองของเขานั้นก็ยังคงดื้อรั้นเหมือนเดิม หลังจากนั้นหลี่ฮ่าวก็จ้องมองไปที่เจียงปินหยางและพูดว่า “เลขาเจียง..ผมคิดว่าคุณควรจะทำในสิ่งที่เขาต้องการนะ”
เจียงปินหยางถึงกับตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์เพราะครั้งแรกหูเยว่ก็ให้ตัวเองทำตามคนเหล่านี้และตอนนี้หลี่ฮ่าวก็ให้ตัวเองฟังคนชั่วเหล่านี้เช่นกันสรุปแล้วเขาเป็นตัวอะไรกันแน่? เลขาธิการพรรคการเมืองของเทศบาลเมืองอันทรงเกียรติซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรีและจะให้เขาคุกเข่าลงเพื่อคนชั้นต่ำเหล่านี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากที่อยู่ที่นี่นั้นเจียงปินหยางจึงยังคงมีความกล้าอยู่มากและยังคงพูดอย่างหัวชนฝาว่า “ให้ฉันคุกเข่าน่ะเหรอ! ..มันเป็นไปไม่ได้!”
“ไอ้แก่นี่ปากแข็งจริงๆ” ชิงเฟิงที่เฝ้ามองจากด้านหลังก็เดินเข้าไปและตบเจียงปินหยางทันที ซึ่งเจียงปินหยางนั้นรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เขาเกิดมาเลยเพราะเขาถูกตบตั้งหลายครั้งและยังถูกตบด้วยด้ามปืนอีก
.
.
.
.
.
.
.