ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1051 ก่อนการประลอง
ตอนที่ 1051 ก่อนการประลอง
…………….
ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะดูสงบมากเมื่อจะเผชิญหน้ากับตู้ฟู่เหว่ยแต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สนใจหรือกังวลเลยว่าตู้ฟู่เหว่ยจะแข็งแกร่งแค่ไหนเพราะเขาเคยเผชิญหน้ากับตู้ฟู่เหว่ยเป็นการส่วนตัวแล้วและมันจะไม่ง่ายอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาไม่ระวังเขาอาจจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถึงแม้ว่าหยานตงจะแนะนำวิธีการที่ดีให้กับเขาแต่ท้ายที่สุดแล้ววิธีนี้ก็มีอันตรายตามมาด้วยและเขาก็ไม่สามารถตั้งความหวังเอาไว้กับวิธีนี้ได้ทั้งหมด เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและตราบใดที่ยังดำเนินการตามขั้นตอนนี้ได้สำเร็จขั้นตอนต่อไปก็จะจัดการได้ง่ายขึ้นอย่างมาก
สิ่งต่างๆ ล่าช้าไปเยอะแล้วและเหลืออีกแค่วันเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เย่เชียนต้องเตรียมตัวให้ดีและเขาก็ไม่คิดว่าจะสามารถปรับปรุงการฝึกฝนของเขาได้อย่างรวดเร็วภายในวันนี้ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็สามารถทำให้ตัวเองได้บรรลุสถานการณ์ต่อสู้ที่เหมาะสมและแข็งแกร่งขึ้น ระดับการฝึกฝนไม่ใช่กุญแจสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวเพียงอย่างเดียวเพราะความแข็งแกร่งและความตั้งใจก็เช่นกัน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตระหนักดีถึงความจริงจังในเรื่องนี้ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าและตกลงโดยไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม
สถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือดูเหมือนจะสงบแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งเสี่ยงซ่อนเร้นมากขึ้นเท่านั้น ถึงแม้ว่าหินก้อนเล็กๆ จะตกลงมามันก็สามารถทำให้เกิดคลื่นระลอกใหญ่ได้เช่นกัน แน่นอนว่าฝ่ายต่างๆ ก็เต็มไปด้วยแผนการและใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมก็จะรู้ว่าการแข่งขันระหว่างเย่เชียนกับตู้ฟู่เหว่ยจะทำให้เกิดพายุอีกลูกหนึ่งจากนั้นภาคตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมดจะเปลี่ยนไป
ในตอนดึกชาฮัวเอียนโทรมาซึ่งทำให้เย่เชียนแปลกใจอย่างมากแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญมากเพราะเขาแค่ขอให้เย่เชียนเตรียมการให้ดี เย่เชียนนั้นรู้ดีว่าชาฮัวเอียนคิดอะไรอยู่เพราะนี่เป็นโอกาสที่ดีและความสำเร็จของชาฮัวเอียนในอนาคตก็ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าหากตู้ฟู่เหว่ยไม่ตายล่ะก็ชาฮัวเอียนจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยและการรับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไปของหบายซื่อฉุยก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งชาฮัวเอียนก็เชื่อว่าตู้ฟู่เหว่ยจะต้องฆ่าเขาในช่วงเวลาวิกฤติโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน
ในเวลานี้ชาฮัวเอียนก็รู้สึกประหม่าอย่างมาก ภายใต้สงบของเขานั้นมีความตื่นตระหนกซ่อนอยู่ เหตุผลที่ชาฮัวเอียนวิตกกังวลก็เป็นเพราะเขาได้เตรียมการทั้งหมดเอาไว้แล้วเพียงแค่รอให้เย่เชียนฆ่าตู้ฟู่เหว่ยในการต่อสู้ จากนั้นแผนของเขาก็จะประสบความสำเร็จไปครึ่งหนึ่ง ส่วนม่อหลงจะต่อสู้กับเขาด้วยอำนาจอธิปไตยของสำนำม่อจื๊อหรือไม่ก็ตามนั่นจะเป็นเรื่องในอนาคต หลังจากที่เขาเข้าควบคุมสำนักม่อจื๊อแล้วถ้าหากม่อหลงต้องการต่อสู้กับเขาจริงๆ เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้า แต่ถ้าตู้ฟู่เหว่ยไม่ตายล่ะก็ไม่เพียงแต่ไม่สามารถต่อสู้แย่งชิงได้เท่านั้นแต่ชีวิตของเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาชาฮัวเอียนมีปัญหาในการนอนหลับทุกๆ คืน
ซึ่งเย่เชียนก็ไม่ได้พูดอะไรมากเพราะท้ายที่สุดความสามารถและความแข็งแกร่งของตู้ฟู่เหว่ยก็เป็นที่ประจักษ์ ดังยั้ยถึงแม้ว่าเย่เชียนจะบอกว่าเขาจะชนะอย่างแน่นอนแต่ชาฮัวเอียนก็คงจะไม่เชื่อแน่ ที่สำคัญกว่านั้นชาฮัวเอียนโทรมาก็เพื่อทำให้เย่เชียนรู้ว่าเขากำลังทดสอบความมั่นใจของเย่เชียน
โลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่น่ารังเกียจหรือน่าสมเพชเพราะประวัติศาสตร์มักจะถูกเขียนโดยผู้ประสบความสำเร็จในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ไม่มีใครที่สะอาดหมดจดและปราศจากเล่ห์เหลี่ยมทั้งนั้น ตราบใดที่เขามีค่าควรแก่ตัวเองและพวกพ้องก็เพียงพอแล้วที่จะทำสิ่งต่างๆ และถูกยอมรับ
เย่เชียนจำได้ว่าระหว่างการเจรจาที่บ้านของโอ่วหยาวหมิงซวนนั้นเย่เชียนเคยถามชาฮัวเอียนว่ามีอะไรที่เขาสามารถทำได้บ้าง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขามีวิธีบางอย่างแต่เขาก็ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ ซึ่งในมุมมองของเย่เชียนมันเป็นการหลีกเลี่ยงคำพูดเพราะถ้าหากไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ และถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จแต่ก็ต้องลอง ซึ่งตอนนี้การโทรของชาฮัวเอียนก็ทำให้เย่เชียนรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งล่อใจโดยชาฮัวเอียน นั่นก็เพราะว่าถ้าหากไร้หนทางจริงๆ ถึงแม้ว่าวิธีรดังกล่าวจะอันตรายแต่ก็ต้องลองดูเพราะชาฮัวเอียนเองก็แพ้ไม่ได้เช่นกัน
ถ้าหากเย่เชียนแพ้เขาอาจจะหาวิธีอื่นที่ดีได้แต่ถ้าหากชาฮัวเอียนแพ้ล่ะก็เขาจะพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์และแม้แต่ชีวิตของเขาเองก็อาจจะไม่รอด ดังนั้นชาฮัวเอียนจังวิตกกังวลมากกว่าเย่เชียน ดังนั้นชาฮัวเอียนจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการต่อสู้ครั้งนี้เพราะมันเป็นกุญแจสำคัญแห่งชีวิตและความตายของเขา
หลังจากพูดอีกไม่กี่คำชาฮัวเอียนก็วางสายไปและเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเพราะถ้าเขาคาดเดาไม่ผิดชาฮัวเอียนน่าจะดำเนินการสิ่งต่างๆ หลังจากฟังคำพูดของเขาแล้ว แต่เย่เชียนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและไม่ได้ต้องการรู้ด้วย
หลังจากวางสายของชาฮัวเอียนแล้วโอ่วหยางหมิงซวนก็โทรมาแต่เขาไม่ได้สนใจเรื่องการต่อสู้เพราะเขากังวลเกี่ยวกับเหมืองถ่านหินเพราะพิธีการต่างๆ ทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้วแค่รอเงินทุนของเย่เชียนเท่านั้น ซึ่งการก่อสร้างก็สามารถเริ่มต้นได้ทุกเมื่อและแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการเตรียมความพร้อมด้านโลจิสติกส์ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปนั่นเอง
เย่เชียนก็บอกไปว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยและนี่ก็คือสิ่งที่เย่เชียนคาดเอาไว้จริงๆ ว่าโอ่วหยางหมิงซวนเองก็มีแผนการบางอย่างและเย่เชียนเองก็มีแผนการเป็นของตัวเองเช่นกันสำหรับเรื่องนี้ ถึงมันจะน่ารังเกียจไปหน่อยแต่เย่เชียนก็มีหลักการเป็นของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ และเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองตกหลุมพรางของคนอื่นและกลายเป็นเบี้ยที่คนอื่นหลอกใช้เด็ดขาด ทำไมโอ่วหยางหมิงซวนถึงต้องพึ่งพาเขา? แน่นอนว่าความแข็งแกร่งด้านธุรกิจของพวกเขาในประเทศจีนนั้นเท่าเทียมกันและในประเทศจีนก็อาจจะมากกว่าเครือน่านฟ้ากรุ๊ปด้วยซ้ำแต่ทำไมโอ่วหยางหมิงซวนถึงต้องการร่วมมือกับเขา? อันที่จริงเหตุผลนั้นก็ง่ายมากเพราะโอ่วหยางหมิงซวนสนใจกองกำลังอื่นๆ ภายใต้เย่เชียนและต้องการใช้อิทธิพลใต้ดินของเย่เชียนเพื่อขยายอำนาจและอิทธิพลของตระกูลโอ่วหยางนั่นเอง
ในเมื่ออีกฝ่ายมองว่าตัวเองเป็นตัวหมากบนกระดานดังนั้นเย่เชียนจึงไม่จำเป็นต้องมองว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเพราะนี่คือหลักการของเย่เชียนและในสายตาของเขาเพื่อนก็คือศัตรูได้ทุกเมื่อส่วนสิ่งที่เรียกว่าหุ้นส่วนและการร่วมมือนั้นแท้ที่จริงแล้วมันก็เป็นเพียงเงื่อนปมผลประโยชน์ร่วมกันชั่วคราวและไม่มีอะไรที่เชื่อถือได้เลย
เย่เชียนก็ตกลงอย่างมีความสุขเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขา ซึ่งเย่เชียนก็ได้รับอนุญาตจากหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วและที่เหลือก็แค่การเซ็นชื่อเท่านั้น สำหรับสถานการณ์การขนส่งโลจิสติกส์ดังกล่าวเย่เชียนก็ทุบหน้าอกของเขาด้วยความมั่นใจเพื่อให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนแน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในอนาคต
โอ่วหยางหมิงซวนก็มีความสุขมากและเขาก็กล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงถามเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งพูดให้กำลังใจและประจบสอพลอเย่เชียน แต่เย่เชียนก็ไม่ได้พูดอย่างละเอียดและโอ่วหยางหมิงซวนก็ไม่ได้ถามต่อเพราะเขาบรรลุตามเป้าหมายที่แท้จริงแล้วจึงไม่สนใจเรื่องอื่นๆ ซึ่งหลังจากพูดอีกไม่กี่คำเขาก็วางสายไป
เมื่อมองดูเวลาตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้วและเย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟาเพื่อทำสมาธิและขัดเกลาพลังปราณของเขา ซึ่งสิ่งที่เหมือนเมล็ดถั่วเหลืองก็ยังคงนิ่งอยู่แต่เย่เชียนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าดูเหมือนว่ามันจะมีรอยแตกซึ่งทำให้เย่เชียนประหลาดใจและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพลังที่แท้จริงของเขาถูกเก็บเอาไว้ในสิ่งที่เหมือนเมล็ดถั่วเหลืองนี้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถ้ามันระเบิดออกมามันจะเกิดอะไรขึ้น? พลังที่อัดแน่นมหาศาลนี้จะทำลายเส้นประสาทและเส้นลมปราณในร่างกายและจะสูญเสียการควบคุมหรือไม่? เย่เชียนรู้สึกกลัวเล็กน้อยกับสิ่งเหล่านี้
เย่เชียนไม่สามารถถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวของเขากับใครได้เลยเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวเขานั้นล้วนเป็นการฝึกฝนในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้นอกจากพ่อของเขา หากปราศจากบทเรียนจากอดีตเขาก็คงจะไม่สามารถเข้าถึงมันได้เลยและทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการวิจัยและศึกษาของเขาเองและมันไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆ
เย่เชียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และระงับความตกใจเอาไว้เพราะเรื่องนี้ได้พัฒนามาถึงจุดนี้แล้วและเย่เชียนก็ไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ในร่างกายของเขาได้เลย แต่สิ่งที่สำคัญก็คืออย่าทำอะไรผิดพลาดก่อนการต่อสู้และสิ่งเหล่านี้ค่อยจัดการกับมันหลังจากการต่อสู้ที่สำคัญที่กำลังจะถึง
เย่เชียนนั้นต้องการกังวลกับความผิดปกติในร่างกายอีกต่อไปดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำและรู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ตู้ฟู่เหว่ยก็ได้รับโทรศัพท์จากหยานตงโดยทราบว่าการแข่งขันมีกำหนดในวันพรุ่งนี้ ตู้ฟู่เหว่ยนั้นไม่ธรรมดาอย่างที่หลายๆ คนคิด จากที่เขาเผชิญหน้ากับเย่เชียนและม่อหลงครั้งล่าสุดผลที่ออกมานั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเย่เชียนและม่อหลงต่างชั้นกับเขาอย่างมาก แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกล้าท้าดวลกับเขา ซึ่งความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คืออีกฝ่ายมีความมั่นใจในการเอาชนะเขา ดังนั้นเขาจึงแอบสงสัยไม่ได้ว่าเย่เชียนกับคนอื่นๆ จะมีไพ่ตายแบบไหนที่เขาไม่รู้ซ่อนอยู่
เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงหนึ่งวันดังนั้นตู้ฟู่เหว่ยจึงไม่กล้าที่จะละเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงสั่งให้หยานซื่อฉุยระวังเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับสำนักม่อจื๊อและปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
ในวันหนึ่งวันดูเหมือนสั้นมากและผ่านไปในชั่วพริบตาแต่ในวันนี้ลมดูสงบแต่คลื่นใต้น้ำกลับแปรปรวนและการต่อสู้ที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นและไม่มีใครกล้าละเลยสิ่งเหล่านี้ เมื่อตู้ฟู่เหว่ยตื่นขึ้นในตอนเช้าเขาก็อาบน้ำแต่งตัวและเมื่อเขาไปที่ห้องนั่งเล่นหยานซื่อฉุยกับชาฮัวเอียนก็รออยู่ที่นั่นแล้ว
.
.
.