ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1050 กลับไปที่เมืองซีหนิง
ตอนที่ 1050 กลับไปที่เมืองซีหนิง
…………….
การต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดให้เป็นความอัปยศตลอดชีวิตของหน่วย SEAL เพราะสมาชิกจำนวนสิบหกคนภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขามีข้อได้เปรียบอย่างสมบูรณ์แบบแต่กลับถูกคนสองคนกำจัดเพื่อนร่วมทีมไปถึงเก้าชีวิตและหลบหนีไปได้อย่างราบรื่น ผลลัพธ์แบบนี้เป็นอัตราส่วนของความสำเร็จและผิดพลาดที่แตกต่างกันอย่างมหาศาลและหน่วย SEAL ก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เผชิญ ดังนั้นพวกเขาจึงปิดข่าวเอาไว้เป็นความลับไม่อย่างนั้นถ้าข่าวดังกล่าวถูกแพร่ออกไปหน่วยซีลก็จะยืนหยัดในโลกนี้ไม่ได้และชื่อเสียงก็จะถูกทำลายและไม่น่าเชื่อถือและไม่น่ายกย่องอีกต่อไป
เย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวก็ออกไปจากโรงพยาบาลได้อย่างราบรื่นเพราะพวกเขาได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดของหน่วย SEAL อันที่จริง โรงพยาบาลแห่งนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ CIA แต่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังที่ประตูหลังจะไปคิดว่าคนที่สวมเสื้อผ้าของหน่วย SEAL จะเป็นตัวปลอมได้อย่างไร? เมื่อพวกเขาตระหนักได้ถึงบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวก็กำจัดพวกเขาแล้ว
ในการต่อสู้ระยะประชิดนั้นเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวได้เปรียบอย่างมาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ CIA เหล่านี้จะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาในการต่อสู้ระยะประชิดได้อย่างไร? แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากซูซี่เพราะหลังจากที่เธอทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซูซี่ก็คิดแผนการใหม่ทันทีและบอกเย่เชียนเกี่ยวกับเส้นทางการบุกและจุดเฝ้าระวังของ CIA เพราะแน่นอนว่าถ้าหากเกิดการบุกโจมตีอย่างเต็มกำลังแล้วการป้องกันก็จะด้อยลงและมีช่องโหว่มากขึ้น
เรื่องของจ้าวหยานั้นเย่เชียนไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะอาการบาดเจ็บของเธอไม่ได้ร้ายแรงมากนักและ CIA จะไม่สอบสวนเธออย่างโหดร้ายเพราะท้ายที่สุดจ้าวหยาก็เป็นถึงประธานบริหารของเดอะมัวร์กรุ๊ปประจำภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในเหตุการณ์นี้จ้าวหยาก็ตกเป็นเหยื่อและ CIA ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะพิสูจน์ว่าจ้าวหยากับเย่เชียนมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นโดยธรรมชาติพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรกับเธอมากเกินไป
ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนักในรถเก๋ง Maserati แรนดี้บูนร์ที่กำลังถือซิการ์และฟังเสียงปืนในโรงพยาบาลก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่า CIA กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่และวุ่นวายอย่างมาก
“หัวหน้าครับดูเหมือนว่าเย่เชียนคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ..เขาสามารถหลบหนีไปได้อย่างราบรื่นภายใต้การปิดล้อมของพวก CIA แบบนี้..อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับหน่วยซีลแต่พวกเขากลับสามารถรอดออกมาได้..แต่ผมสงสัยจริงๆ ว่าพวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลได้ยังไงหรือใช้วิธีไหน? ..เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะลักลอบออกมาผ่านช่องทางไหนสักที่?” คนขับพูดด้วยความประหลาดใจ
“ง่ายมาก..พวกเขาแค่ต้องสลับเสื้อผ้าและหมวกของหน่วยซีล..มันไม่มีใครจำพวกเขาได้หรอกเพราะข้อมูลของสมาชิกหน่วยซีลถูกเป็นความลับสุดยอด..ต่อให้พวกเขาจะจับได้แต่ตอนนั้นมันคงจะสายเกินไปแล้ว” แรนดี้บูนร์พูดหลังจากหยุดไปชั่วขณะ จากนั้นแรนดี้บูนร์ก็เขี่ยก้นซิกการ์แล้วพูดต่อ “ยังไงก็ตามฉันก็ไม่ได้คาดหวังเลยว่าเขาจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้..ดูหน่วยซีลสิพวกนั้นกลายเป็นเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา..พวกเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ..แต่แผนของเราก็ถือว่าสำเร็จเพราะฉันคิดว่าตอนนี้พวกเขาต้องคิดว่าคนที่โจมตีพวกเขาที่ถนนต้องถูกส่งมาโดยเรกอย่างแน่นอน..ฉันเชื่อว่าเรกจะต้องเจอปัญหามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน..ประเทศจีนมีสำนวนที่ว่านกกระยางสู้กับหอยกาบแต่ชาวประมงจะได้ประโยชน์..และฉันก็คือชาวประมงคนนั้น”
จากนั้นแรนดี้บูนร์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจและถึงแม้ว่าแผนของเขาจะล้มเหลวไปส่วนหนึ่งแต่มันก็สำเร็จไปส่วนหนึ่งเช่นกันแต่มันก็สามารถได้ผลตามที่คาดหวังเช่นกันหรืออาจจะดีกว่านั้นด้วยซ้ำ เรื่องที่จ้าวหยาได้รับบาดเจ็บนั้นฝ่ายบริหารของเดอะมัวร์กรุ๊ปจะต้องไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ส่วนเย่เชียนชายหนุ่มผู้ดุร้ายที่เขาไม่รู้จักคนนี้จะเป็นภัยร้ายต่อเรกบูนร์ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก
“ส่งคนไปตรวจสอบและสืบหารายละเอียดของเย่เชียนกับชายหนุ่มคนนั้นให้ฉันที..บางทีเขาอาจจะเป็นผู้ช่วยที่สำคัญมากสำหรับเราในอนาคตก็ได้” แรนดี้บูนร์
“ได้ครับหัวหน้า” คนขับพูด
หลังจากสูบซิการ์อีกครั้งแรนดี้บูนร์ก็พูดว่า “เอาล่ะกลับกันเถอะ..การแสดงมันจบลงแล้ว”
คนขับตอบรับและสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที
ในเช้าวันต่อมาเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวก็ได้มาถึงสนามบินนานาชาติชิคาโกเรียบร้อยแล้วตามการจัดเตรียมของซูซี่และได้ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศจีนอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวจะหลบหนีมาได้อย่างราบรื่นแต่ในใจของพวกเขาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความสยดสยองและความหวาดผวาอยู่เรื่อยๆ เพราะเมื่อพวกเขาอยู่ในโรงพยาบาลถ้าหากพวกเขาประมาทแม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็ชีวิตของพวกเขาก็คงจะต้องจบลงที่นั่น
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปมากแต่เย่เชียนก็เชื่อว่าเขายังคงสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ดีได้และสิ่งเหล่านี้จะต้องทำให้คนใน CIA ไว้วางใจซูซี่มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้สอนบทเรียนที่ดีให้กับหน่วย SEAL ซึ่งทำให้เย่เชียนมีความสุขมาก หลังจากนี้ไปองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในวันนี้จะไม่ใช่องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในอดีตอีกต่อไปแล้ว
เย่เชียนจำได้แม่นว่าตอนที่เขาติดตามผู้ก่อตั้งองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ากัปตันเทียนเฟิงเพื่อปฏิบัติภารกิจในประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งนั้นเขาถูกหน่วย SEAL ปิดล้อมและนั่นทำให้สมาชิกรุ่นบุกเบิกสิบคนถูกฆ่าตายไปหลายคนและบาดเจ็บอีกเก้าคน ซึ่งมันน่าละอายใจอย่างมากแต่ก็เข้าใจได้เพราะความแข็งแกร่งขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในสมัยนั้นยังไม่สามารถเทียบกับความแข็งแกร่งขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในสมัยนี้ได้เลย ในตอนนั้นองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าเป็นเพียงองค์กรทหารรับจ้างเล็กๆ ในโลกทหารรับจ้างแต่แล้วตอนนี้ล่ะ? องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าได้เป็นราชาแห่งโลกทหารรับจ้างอย่างสมเกียรติแล้ว
คราวนี้ถือได้ว่าเป็นการแก้แค้นเรื่องราวในสมัยก่อนและยังทำให้หน่วย SEAL ได้เห็นพลังขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าอีกครั้งเพื่อไม่ให้หน่วย SEAL ได้อวดอ้างศักดิ์ศรีที่เคยทำในอดีตอีกต่อไป วันนี้องค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและเย่เชียนก็ได้ทำให้หน่วย SEAL รู้ว่าองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่านั้นแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนและในสายตาขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าในปัจจุบันนั้นหน่วย SEAL ก็เป็นเพียงแค่เศษเนื้อในปากของพวกเขาเท่านั้น
แน่นอนว่าทั้ง CIA และหน่วย SEAL ก็ไม่ทราบว่าบุคคลที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลจะเป็นราชาหมาป่าเย่เชียนผู้นำขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่า
การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็แน่นแฟ้นเมื่อศึกแห่งความตายสิ้นสุดลงเพราะพวกเขาสามารถอยู่เคียงข้างกันในเวลาที่อันตรายที่สุดได้ ดังนั้นสิ่งนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงความไว้วางใจกันได้เพราะอีกฝ่ายหนึ่งและอีกฝ่ายก็พยายามปกป้องหลังของกันและกัน นี่คือความรับผิดชอบต่อชีวิตพวกพ้องและเป็นความสัมพันธ์ของพวกเขาจะไม่ธรรมดาเหมือนเดิมอีกต่อไป เหตุการณ์บางครั้งบางสถานการณ์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างได้
เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติปักกิ่งในประเทศจีนเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวก็ไม่ได้หยุดพักแต่อย่างใดและรีบเดินทางไปยิงเมืองซีหนิงโดยไม่หยุดนั้ง การเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ล่าช้าไปหลายวันและถึงแม้ว่าหยานตงจะคอยจัดการสิ่งต่างๆ ให้ก็ตามแต่ฝั่งของตู้ฟู่เหว่ยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในเมืองซีหนิงก็ยังคงร้ายแรงมากและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองซีหนิงก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ซึ่งเมื่อเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวกลับไปที่โรงแรมก็พบว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนกับม่อหลงกำลังนั่งคุยกันอยู่ข้างใน เมื่อพวกเขาเห็นเย่เชียนกับจินเหว่ยห่าวกลับมาม่อหลงกับหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วม่อหลงก็รีบทักทายพวกเขาและถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นไงบอส..มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เย่เชียนก็ส่ายหัวแล้วยิ้มจากนั้นก็พูดว่า “ไม่มีอะไรมากหรอก..จ้าวหยาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและเธอก็ไม่เป็นอะไรแล้ว..แต่ตอนที่ได้ปะทะกับพวกหน่วย SEAL ผมก็เกือบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและพูดว่า “เอ็งปะทะกับหน่วย SEAL ได้ยังไง? ..แล้วซูซี่ไม่ได้ช่วยเอ็งหรอกเหรอ? ..เอ็งนี่มันบ้าจริงๆ ที่นั่นมันเป็นดินแดนของคนอื่นเพราะงั้นเอ็งควรจะทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจเท่าที่จะเป็นไปได้..ถึงแม้ว่าเอ็งจะเป็นมังกรแต่เอ็งก็อยู่คนเดียวเพราะงั้นเอ็งไม่สามารถต่อสู้กับฝูงงูได้”
เย่เชียนก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ ไปหรอกนะเพราะที่ผ่านมาคุณซูซี่ยังไม่ได้รับความไว้วางใจอย่างเต็มที่ใน CIA เพราะงั้นผมก็เลยช่วยเธอสร้างสถานการณ์นี้ขึ้นมาเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากพวกนั้น” จากนั้นเย่เชียนก็เล่าเรื่องแผนการของเขากับซูซี่และเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง
“มันบ้าระห่ำมาก!” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูด “เอ็งรู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหนที่เอ็งทำแบบนี้..โชคดีที่เอ็งไม่เป็นอะไรไม่งั้นชีวิตที่เหลืออยู่ของฉันคงแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างแน่นอน”
เย่เชียนเข้าใจสิ่งที่หวงฟู่ชิงเตี๋ยนพูดเพราะถ้าหากเย่เชียนทำแบบนี้แล้วเป็นอะไรไปล่ะก็ เมื่อสมาชิกองค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่ารู้ว่าเขากำลังช่วยสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติล่ะก็หวงฟู่ชิงเตี๋ยนคงไม่อยากนอนหลับตอนกลางคืนอีกเลย ซึ่งตอนนั้นทุกคนคงไม่สนใจว่าทำไมเย่เชียนถึงทำแบบนี้เพราะพวกเขาจะคิดว่าสำนักความมั่นคงแห่งชาติได้หักหลังและฆ่าเย่เชียนภายใต้สถานการณ์นี้ ดังนั้นหวงฟู่ชิงเตี๋ยนจะมีชีวิตอย่างสงบสุขได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีหม่าเต๋อหงและคนจากตระกูลเย่อีกมากมายด้วย
เย่เชียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เอาเถอะหน่า..ถึงยังไงผมก็ยังไม่ตาย..แต่ที่สะใจเลยก็คือพวกหน่วยซีลคงจะขมขื่นไปอีกนาน..ถ้ามีโอกาสอีกครั้งก็อยากจะให้พวกนั้นเห็นความยิ่งใหญ่ขององค์กรทหารรับจ้างเขี้ยวหมาป่าของผมจริงๆ สักที” หลังจากดึงให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนนั่งลงแล้วเย่เชียนก็พูดต่อ “ว่าแต่สถานการณ์ในเมืองซีหนิงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? ..มีข่าวจากฝ่ายของตู้ฟู่เหว่ยบ้างหรือเปล่า?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ม่อหลงพูด “ผู้อาวุโสหยานตงเป็นคนจัดการสิ่งต่างๆ ให้และตู้ฟู่เหว่ยก็รับปากว่าจะเลื่อนการต่อสู้ออกไป..เขาเป็นคนซื่อสัตย์มากเพราะเขาก็ไม่ได้เล่นสกปรกอะไรในเวลานี้เลย..ดูเหมือนว่าเขาจะมั่นใจในฝีมือของตัวเองอย่างมาก..ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ทัศนคติและแสดงออกของเขาคงจะไม่เป็นแบบนี้”
“แบบนั้นก็ดี” เย่เชียนพูด “แล้วชาฮัวเอียนกับโอ่วหยางหมิงซวนล่ะพวกเขาทำอะไรกันบ้าง?”
“โอ่วหยางหมิงซวนจัดการเรื่องเหมืองถ่านหินอยู่..ส่วนชาฮัวเอียนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย..เขาเหมือนเดิมตามปกติ” ม่อหลงพูด
“นี่แสดงว่าชาฮัวเอียนได้เริ่มเตรียมการแล้วเพราะยิ่งเขามีพฤติกรรมปกติมากเท่าไหร่สิ่งที่เขาจะทำหลังจากนี้ก็จะยิ่งโหดเหี้ยมมากขึ้นเท่านั้น” เย่เชียนพูด “ปู่จับตาดูสำนักม่อจื๊อเอาไว้ให้ดีนะ..ทุกสิ่งทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและมันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างแน่นอนเพราะงั้นเราจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้..อีกอย่างผมขอรบกวรปู่ช่วยแจ้งผู้อาวุโสหยานให้ทีว่าให้เขาแจ้งตู้ฟู่เหว่ยว่าผมกลับมาแล้วและการแข่งขันจะเริ่มในวันพรุ่งนี้..ผู้อาวุโสหยานจะจัดการเรื่องการต่อสู้ส่วนปู่จะต้องรับผิดชอบส่วนที่เหลือ”
.
.
.
.