ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1048 เปลี่ยนแผนไม่ทันตามสถานการณ์ (3)
ตอนที่ 1048 เปลี่ยนแผนไม่ทันตามสถานการณ์ (3)
…………….
ยิ่งเป็นสถานการณ์ที่บีบคั้นเช่นนี้ก็ยิ่งจำเป็นต้องรักษาสมาธิให้ดีที่สุดและต้องไม่มีความตึงเครียดใดๆเลย เย่เชียนนั้นเคยอยู่ในสถานการณ์กราดยิงแบบนี้มาหลายครั้งจากพวกมีอิทธิพลในต่างประเทศ ซึ่งถ้าหากทักษะการขับรถของเย่เชียนไม่ดีล่ะก็พวกเขาคงจะไม่รอดแล้ว
“เย่เชียนถ้าหากเรายังขับต่อไปเราอาจจะเจอพวกมันดักอยู่ข้างหน้าก็ได้..ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะโดนศัตรูล้อม..ถ้าเป็นแบบนั้นทําไมเราไม่จัดการกับรถสามคันที่อยู่ด้านหลังก่อนเลยล่ะ?” จินเหวยห่าวพูด
“ผมก็คิดงั้นเหมือนกัน” เย่เชียนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ระวังด้วยล่ะ” เมื่อเสียงนั้นจบลงเย่เชียนก็ควบคุมความเร็วรถให้คงที่แล้วจินเหว่ยห่าวก็เปิดประตูรถและมองดูรถข้างหลังเขาค่อยๆเข้ามาใกล้จากนั้นก็กระโดดใส่หลังคารถปอร์เช่ ในเวลานี้ชายร่างใหญ่ถือปืนกลอยู่ก็กำลังเปลี่ยนกระสุนอยู่ในเวลานี้ ดังนั้นจินเหว่ยห่าวก็จะพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ได้อย่างไรเขาจึงกระโดดออกไปในเวลานี้
สถานการณ์กะทันหันนี้ทำให้อีกฝ่ายตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งและคนขับก็ตกใจเห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดถึงสถานการณ์ดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบปืนพกออกมาแต่มันก็สายเกินไปเพราะจินเหว่ยห่าวได้ใช้ฝ่ามือบิดคอของเขาจนมีเสียงกระดูกหักแล้วคว้าปืนพกของเขามา ส่วนสมาชิกอีกสามคนในรถตื่นตระหนกและเอื้อมมือเพื่อหยิบปืนออกมาแต่มันก็สายเกินไปแล้วเพราะจินเหว่ยห่าวใช้ปืนพกยิงใส่พวกเขาอย่างรวดเร็วและในเวลาไม่นานทุกคนในรถก็ถูกจินเหว่ยห่าวกำจัด
ในตอนนี้รถก็เสียการควบคุมและกระแทกเข้ากับราวกั้นริมถนนและจินเหว่ยห่าวก็รีบคว้าปืนกลอัตโนมัติมาแล้วเสียบเข้าไปในพวงมาลัยเพื่อล็อคการควบคุมของรถ จากนั้นจินเหว่ยห่าวก็โผล่ออกมาทางหน้าต่างแล้วเล็งปืนพกไปที่รถด้านหลังแล้วยิงออกไป “ปัง..ปัง..ปัง” ด้วยควาแม่นยำของการยิงทำให้กระสุนเจาะกระจกหน้ารถหลายรูในทันทีและโดนคนขับจนเสียชีวิตคาที่จนรถเสียการควบคุมและรถด้านหลังก็หลับไม่ทันและทำให้รถทั้งสองคันชนกันจนพลิกคว่ำแล้วกลิ้งถะไหลไปกับพื้น
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากซึ่งไม่คาดคิดเลย การกระทำของจินเหว่ยห่าวนั้นทำให้เย่เชียนประทับใจอย่างมากเพราะจินเหว่ยห่าว สามารถกำจัดศัตรูทั้งหมดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งทำให้เย่เชียนรู้สึกชื่นชมอย่างมากอย่างไม่ต้องสงสัย ความสมบูรณ์แบบดังกล่าวไม่ได้ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญเท่านั้นแต่ยังขึ้นอยู่กับทักษะและสติปัญญาในการตัดสินใจสิ่งต่างๆอีกด้วย
เมื่อรถคันที่สามชนเข้ากับรถคันที่จินเหว่ยห่าวอยู่เขาก็กระโดดลงจากรถอย่างรวดเร็วแล้วหมุนตัวกลิ้งบนพื้นเพื่อลดแรงกระแทกได้อย่างปลอดภัย จากนั้นเย่เชียนก็ยื่นมือออกมานอกหน้าต่างและยกนิ้วให้จินเหว่ยห่าวด้วยความชื่นชม
จากนั้นเย่เชียนก็หันไปมองจ้าวหยาและเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกในดวงตาของเธอแล้วเย่เชียนก็ฉีกยิ้มและพูดว่า “หยาเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ..ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่จะไม่มีใครสามารถทำร้ายเธอได้เว้นแต่ฉันจะตายไปก่อน” ดวงตาที่มั่นใจและความแน่วแน่ของเย่เชียนที่มีให้ผองเพื่อนพี่น้องและครอบครัวแล้วเหนือกว่าทุกสิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวหยาเป็นผู้หญิงของเขาและไม่ว่าเขาจะต้องเสียอะไรเขาก็ต้องปกป้องเธอ
สามีภรรยานั้นเป็นของคู่กันแต่เมื่อภัยพิบัติมาเยือนพวกเขาก็มักจะแยกจากกัน ซึ่งในสังคมปัจจุบันโลกนี้มีทั้งร้อนและหนาวและเป็นการยากที่จะหารักแท้ให้เจอได้ ดังนั้นเย่เชียนจึงรู้สึกว่าเขามีความสุขและโชคดีที่มีรักแท้ที่พวกเธอทุกคนมีให้เขา
เมื่อจ้าวหยาเห็นผู้ชายที่เธอรักต่อสู้เพื่อเธอด้วยสายตาที่แน่วแน่แล้วเธอก็รู้สึกว่าต่อให้ตายไปก็คุ้มค่าแล้ว “อย่าพูดแบบนี้สิ..นายจะไม่เป็นอะไรเพราะถ้านายตายฉันก็จะตายตามไปด้วย..ถ้านายตายไปฉันจะอยู่ยังไงชีวิตของฉันจะไปมีความหมายอะไร?” จ้าวหยาร้องไห้จนน้ำตาไหลเต็มใบหน้าและดวงตาของเธอก็แน่วแน่อย่างมาก
ในขณะนี้จ้าวหยาก็เหลือบมองไปเห็นแสงวิบวับโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วเห็นพลซุ่มยิงสไนเปอร์เล็งมาที่เย่เชียน เมื่อเห็นแบบนั้นจ้าวหยาก็แทบไม่มีความลังเลใดๆเลยแล้วรีบโอบกอดเย่เชียนโดยหวังว่าจะใช้ตัวเธอบังกระสุนให้กับเย่เชียน
“ปัง” เสียงปืนดังขึ้นกึกก้องไปทั่วพื้นที่แล้วเย่เชียนก็รีบหักพวงมาลัยแล้วกดร่างของจ้าวหยาลงด้วยมือข้างหนึ่งและจับพวงมาลัยด้วยมืออีกข้างหนึ่งแล้วขับไปข้างหน้าต่อไป “เป็นไงบ้าง?” เย่เชียนตะโกน
มีอาการปวดและชาที่หน้าอกของจ้าวหยาจากนั้นเธอก็เอื้อมมือไปแตะมันและมันก็เหนียวแล้วเต็มไปด้วยเลือด จากนั้นจ้าวหยาก็ปิดหน้าอกของเธอโดยไม่ส่งเสียงใดๆแล้วมองไปที่เย่เชียนอย่างเงียบๆและยิ้ม การบังกระสุนให้กับผู้ชายของเธอนั้นทำให้จ้าวหยารู้สึกมีความสุขมากและถึงแม้ว่าเธอจะต้องตายมันก็คุ้มค่าแล้ว แต่เธอก็ลังเลเล็กน้อยที่จะทิ้งผู้ชายของเธอเอาไว้แบบนี้หลังจากที่เธอตายไปและเธอก็มองเขาโดยไม่พูดอะไรแล้วมองเย่เชียนอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าเธออยากจะจารึกรูปลักษณ์ของเย่เชียนเอาไว้ในใจของเธอและเธอภาวนาขอให้เธอได้เป็นผู้หญิงของเขาในชาติหน้า เธอก็รู้สึกว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเพราะทำไมเธอถึงต้องจากไปแบบนี้ เธอไม่ลังเลใดๆเลยและเธอก็ยังรู้สึกมีความสุขซึ่งถ้าหากมีโอกาสทำอีกเธอก็จะเลือกแบบนี้โดยไม่ลังเลอีกครั้ง
เย่เชียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “เย่เชียนฉันเหนื่อยแล้ว..ฉันอยากนอน” จ้าวหยาค่อยๆเอาหัวของเธอลงบนตักของเย่เชียน เมื่อเห็นแบบนั้นเย่เชียนก็ตกใจและรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เมื่อหันไปมองเขาก็เห็นหน้าอกของจ้าวหยามีเลือดไหลออกมาผ่านนิ้วมือของเธอที่เธอกุมเอาไว้
ความเจ็บปวดนี้แสนสาหัสมาก ในตอนนี้เย่เชียนรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากและรีบพูดว่า “หยาเอ๋อร์..อย่านอน..อย่าหลับนะ” เย่เชียนรู้ดีว่าในเวลานี้ถ้าจ้าวหยาหลับไปเธอจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก ในตอนนี้ดวงตาของเย่เชียนเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและรถทั้งคันก็เต็มไปด้วยอ่อร่าที่น่าหวาดกลัวและเยือกเย็น
ยกโทษให้ไม่ได้
เย่เชียนก็หยุดรถและมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆและเปิดประตูรถจากนั้นก็รีบกลิ้งม้วนตัวลงจากรถไปยังที่กำบัง ในเวลาเดียวกันจินเหว่ยห่าวก็รีบเล็งปืนในมือของเขาไปยังฝั่งตรงข้าม เพราะการโจมตีดังกล่าวได้ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายและตอนนี้ก็ไม่มีสิ่งกีดขวางบนถนนและมันเปิดโล่งมาก ดังนั้นสถานการณ์ของจินเหว่ยห่าวก็ค่อนข้างอันตรายและเขาก็ต้องกระโดดหลบม้วนตัวเพื่อหลับกระสุนของอีกฝ่าย
จากนั้นเย่เชียนก็รีบเข้าใกล้รถบรรทุกขนาดใหญ่แล้วกระโดดขึ้นไปทันทีราวกับเทพเจ้าที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ในตอนนี้เย่เชียนคว้ามีดคลื่นโลหิตของเขาออกมาแทงเข้าไปที่คอของอีกฝ่ายทันที ซึ่งอีกฝ่ายไม่สามารถต่อสู้ในระยะประชิดได้เลยและอาวุธปืนของพวกเขาก็ไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์แบบจนกลายเป็นเย่เชียนที่ได้เปรียบในสถานการณ์นี้
ในตอนนี้เย่เชียนไม่สามารถล่าช้าได้ดังนั้นเขาจึงไม่มีความเมตตาอีกต่อไปเพราะเย่เชียนเต็มไปด้วยความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้งต่อคนที่ทำร้ายจ้าวหยาและแน่นอนว่าเย่เชียนจะไม่ปล่อยให้พวกเขามีชีวิตอยู่เด็ดขาด เขาไม่มีวันยกโทษให้เรกบูนร์ที่ทำร้ายผู้หญิงของเขาและไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็ไม่สามารถให้อภัยได้อยู่ดี
ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเย่เชียนได้จัดการกับศัตรูทั้งหมดในบริเวณนั้นแล้วหยิบปืนพกของอีกฝ่ายมาแล้วรีบขึ้นรถไป ในตอนนี้จ้าวหยาได้หลับไปแล้วและหายใจแผ่วเบามาก “พี่จิน!..รีบไปกันเถอะ..รีบไปที่โรงพยาบาลกัน” เย่เฉียนไม่กล้าที่จะล่าช้าเลยแม้แต่น้อยและตะโกนบอกจินเหว่ยห่าว
จินเหว่ยห่าวก็รีบวิ่งไปที่นั่งคนขับแล้วเย่เชียนก็อุ้มจ้าวหยาไปที่เบาะหลังแล้วขับรถออกจากสถานที่นี้ไปอย่างรวดเร็วและขับรถไปที่โรงพยาบาลในเขตตัวเมือง ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะรู้ว่าการไปที่เขตตัวเมืองอาจอันตรายกว่าและต้องเผชิญหน้ากับ CIA ก็ตามแต่เย่เชียนไม่สามารถปล่อยให้จ้าวหยาตายไปในอ้อมแขนของเขาแบบนี้ได้
ก่อนลงจากรถเย่เชียนได้ปิดผนึกจุดฝังเข็มของจ้าวหยาดังนั้นเธอจึงไม่มีเลือดออกจากหน้าอกอีกต่อไป แต่ถ้าเธอไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลาชีวิตของเธอก็ยังคงตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี “หยาเอ๋อร์ตื่นได้แล้ว..ตื่นเถอะ” เย่เชียนร้องออกมาด้วยความกังวลและเจตนาฆ่าของเขาก็ได้หายไปและสิ่งที่ยังคงอยู่ก็คือความกังวลและความสำนึกผิดไม่รู้จบ เขารู้ดีว่าความปรารถนาในการเอาชีวิตรอดนั้นมีความสำคัญมากเพราะเมื่อย้อนกลับไปในทะเลทรายถ้าเย่เชียนไม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งในการมีชีวิตอยู่ต่อล่ะก็เขาคงจะตายไปแล้วและเขาต้องไม่หลับเพราะถ้าเขาผล็อยหลับไปนั่นก็แปลว่ายอมแพ้ต่อชีวิตนี้ไปแล้ว
จ้าวหยาค่อยๆลืมตาขึ้นและดวงตาของเธอก็ดูเศร้ามากและเธอก็พูดอย่างแผ่วเบาว่า “สามี..ฉันเรียกนายว่าสามีได้หรือเปล่า?” เย่เชียนพยักหน้าทั้งน้ำตา ใครบอกว่าผู้ชายไม่ร้องไห้ง่ายๆ? เพียงแต่นั่นยังไปไม่ถึงจุดที่โศกเศร้าเท่านั้นเอง “ฉันได้ตายในอ้อมแขนของนายเพราะงั้นฉันจะไม่เสียใจเลย..หากชาติหน้ามีจริงฉันก็อยากจะเป็นผู้หญิงของนายอีกครั้ง..ฉันหวังว่าพระเจ้าจะใจดีและไม่ทำให้พวกเราต้องเจ็บปวดเหมือนชาตินี้..ความเจ็บปวดจากการพลัดพราก..” จ้าวหยาพูดอย่างมีความสุข
“ไม่..ไม่..หยาเอ๋อร์..อยู่กับสามีของเธอต่อสิ..เธอจะไม่เป็นอะไร..เราจะไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้..เธอจะต้องไม่เป็นอะไร” เย่เชียนพูด “พี่จินช่วยขับให้เร็วกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่า” เย่เชียนตะโกนด้วยความกังวล
จินเหว่ยห่าวนั้นเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของเย่เชียนได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อครั้งหนึ่งเขาเคยมองดูคนรักของเขาตายในอ้อมแขนของเขาดังนั้นเขาจึงไม่สนคำสบถโดยไม่ได้ตั้งใจของเย่เชียนเพราะเขาเข้าใจเย่เชียนดีกว่าใครๆ ความรู้สึกของเย่เชียนในเวลานี้เขาได้เผชิญกับมันมาสองครั้งแล้วและความรู้สึกที่ไร้พลังอำนาจและทำอะไรไม่ได้นั้นทำให้ใจของเขาสลาย
รถแล่นไปด้วยความเร็วสูงสุดและมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลในตัวเมือง “ถึงแล้ว!” จินเหว่ยห่าวหยุดรถและเย่เชียนก็อุ้มจ้าวหยาเดินเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมีเลือดไหลเต็มตัวและเมื่อผู้คนเห็นก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ทั้งหมอและพยาบาลเหล่านั้นต่างก็ตกใจ “หมอ..หมออยู่ที่ไหน?” เย่เชียนตะโกนด้วยความกังวล “รีบมาช่วยเธอที!” ในเวลานี้เย่เชียนก็ลืมไปเลยว่าเขาจะต้องพูดภาษาอังกฤษ
เมื่อเห็นแบบนั้นจินเหว่ยห่าวก็รีบพูดอีกครั้งแล้วดึงตัวหมอคนหนึ่งมาแล้วเอาปืนจ่อไปที่หน้าผากของเขาแล้วพูดว่า “เร็วเข้า!..รีบช่วยเธอซะ..ไม่อย่างนั้นผมจะฆ่าคุณ!”
หมอคนนั้นกล้าที่จะคัดค้านหรือลังเลที่ไหนดังนั้นเขาจึงรีบไปเดินไปที่ห้องผ่าตัดทันที แน่นอนว่าเย่เชียนนั้นไม่เคยเชื่อใจหมอเหล่านี้เลยดังนั้นเขาจึงเข้าไปและสั่งว่า “รีบๆทำซะ..ถ้าเธอเป็นอะไรไปผมจะฆ่าพวกคุณทุกคนแล้วฝังเอาไว้ที่นี่”
.
.
.
.
.