ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1039 ผีเข้า
ตอนที่ 1039 ผีเข้า
……….
อย่าคิดว่าคำพูดของตู้ฟู่เหว่ยนั้นหมายความว่าเขาจะเชื่อชาฮัวเอียนแล้วเด็ดขาดและอย่างน้อยๆชาฮัวเอียนก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น ซึ่งนี่เป็นเพียงวิธีการของตู้ฟู่เหว่ยเท่านั้นและถึงแม้ว่าเขาจะอนุมัติเรื่องเหมืองถ่านหินแล้วก็ตามแต่ตู้ฟู่เหว่ยจะทำการเฝ้าระวังสิ่งต่างๆอย่าวลับๆแน่นอน
สถานการณ์ในปัจจุบันนั้นร้ายแรงมากสำหรับเย่เชียนและสำนักม่อจื๊อเพราะไม่ว่าเย่เชียนจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในดวลครั้งนี้ก็ตามถึงยังไงตู้ฟู่เหว่ยก็ได้ตัดสินใจที่จะส่งตำแหน่งเจ้าสำนักม่อจื๊อให้กับหยานซื่อฉุยแล้วและชาฮัวเอียนก็เป็นคนที่รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเวลานั้น
ในสำนักม่อจื๊อนั้นบทบาทของชาฮัวเอียนนั้นมีความสำคัญต่อสำนักมากแต่กลับโดนตู้ฟู่เหว่ยกีดกันและสนับสนุนหยานซื่อฉุยอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าหยานซื่อฉุยเองก็มีบทบาทอย่างมากในสำนักม่อจื๊อแต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะการสนับสนุนของตู้ฟู่เหว่ยนั่นเอง ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะทำได้ดีแต่เมื่อเทียบกับชาฮัวเอียนแล้วสิ่งที่เธอทำนั้นก็แย่กว่าเขามาก
อันที่จริงการมีส่วนร่วมของชาอัวเอียนนั้นยอดเยี่ยมเสมอในสำนักม่อจื๊อเพราะเขาเป็นคนรับผิดชอบการดำเนินงานทางเศรษฐกิจทั้งหมดของสำนักม่อจื๊อและทรัพยากรทั้งหมดที่มีก็มาจากชาฮัวเอียน ซึ่งเชื่อว่าใครก็ตามที่เคยดูหนังมาเฟียฮ่องกงและไต้หวันก็จะรู้ว่าใครก็ตามที่สามารถสร้างรายได้และผลประโยชน์ให้กับองค์กรก็จะมีสถานะที่สูงกว่า แต่ทำไมชาฮัวเอียนถึงไม่มีสถานะใดๆเลย? นั่นก็เพราะเป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่นั้นเพราะความโลภไม่อาจนำซึ่งประโยชน์สูงสุดสำหรับเขาและความต่ำต้อยมักจะเป็นกุญแจที่นำไปสู่ความสำเร็จ
ชาฮัวเอียนก็ดูมีความสุขและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจครับท่านอาจารย์..ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีและจะพยายามอย่างดีที่สุด..ผมเชื่อว่าความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสำนักม่อจื๊อของเราจะดีขึ้นอย่างมาก”
ตู้ฟู่เหว่ยก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “อันที่จริงฉันก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เอ็งพูดในตอนแรกเพราะในตระกูลหลักของศิลปะการต่อสู้โบราณ แต่ละตระกูลและสำนักต่างก็มีข้อได้เปรียบเป็นของตัวเองอย่างเช่นลัทธิมารพวกเขาอยู่ในแวดวงการทหาร..ตระกูลโอ่วหยางอยู่ในแวดวงธุรกิจและสำนักม่อจื๊อของเราก็อยู่ในแวดวงการเมืองแต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมมากนัก..หากเราสามารถเปิดเส้นทางใหม่ในโลกธุรกิจได้ล่ะก็มันจะเป็นทางเลือกที่ดีเลยดู..จัดการเรื่องนี้ให้ดีซะเพราะฉันจะลงจากตำแหน่งในไม่ช้านี้แล้ว..หลังจากต่อสู้และฆ่าฟันกันมานานหลายปีฉันก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับสิ่งต่างๆแล้ว..สำนักม่อจื๊อในอนาคตมันก็จะขึ้นอยู่กับลูกหลานอย่างพวกเอ็ง..ฉันหวังว่าพวกเอ็งจะสามารถร่วมมือกันและพัฒนาสำนักม่อจื๊อได้..หากพี่น้องเห็นพ้องต้องกันล่ะก็อิทธิพลในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก..ฮัวเอียนหลายปีที่ผ่านมาฉันอาจจะเข้าใจเอ็งผิดไปบ้างแต่อย่าถือสาฉันเลย..เอ็งก็น่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่ฉันทำไปก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกเอ็งในอนาคต..หลังจากที่ฉันลงจากตำแหน่งแล้วซื่อฉุยก็จะรับช่วงต่อเพราะงั้นเอ็งต้องช่วยศิษย์พี่ดูแลจัดการสิ่งต่างๆรู้มั้ย?..ซื่อฉุยถ้ามีอะไรในอนาคตเธอก็บอกฮัวเอียนได้เลย..หลายๆสิ่งหลายๆอย่างฮัวเอียนนั้นทำได้ดีเสมอ”
คำพูดนี้พูดได้อารมณ์และมีเหตุผลและดวงตาของตู้ฟู่เหว่ยถึงกับมีน้ำตาไหลออกมาและหน้าก็คล้ายกัลคนกำลังจะตายและเสียใจกับอดีตมาก จนชาฮัวเอียนถึงกับจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปครู่หนึ่งและมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจที่อธิบายไม่ได้ในหัวใจของเขา แต่ในไม่ช้าชาฮัวเอียนก็ระงับความคิดทั้งหมดเอาไว้เพราะมันเป็นเพียงการแสดงของตู้ฟู่เหว่ยเท่านั้น ลองคิดดูจะสำนึกผิดได้อย่างไรเพราะสิ่งที่ตู้ฟู่เหว่ยทำกับเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันไม่อาจให้อภัยได้เลย? ซึ่งถ้าตู้ฟู่เหว่ยรู้สึกผิดกับเขาจริงๆล่ะก็ทำไมเขาถึงไม่ส่งตำแหน่งเจ้าสำนักให้เลยล่ะ? ดังนั้นหากพิจารณาอีกครั้งแล้วหยานซื่อฉุยก็มีความสำคัญมากกว่าเขา เมื่อชาฮัวเอียนตระหนักดีแล้วมันไม่ใช่แค่เขาไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจตู้ฟู่เหว่ยเท่านั้นแต่รู้สึกเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับชาฮัวเอียนก็คือเขาสามารถอดทนได้และเขาสามารถระงับความคิดทั้งหมดในหัวใจของเขาเอาไว้ได้และรอวันที่ระเบิดออก หลังจากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “อาจารย์ไม่ต้องห่วง..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมจะสนับสนุนศิษย์พี่.. การที่ศิษย์พี่จะสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้อยู่แล้ว”
หยานซื่อฉุยก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ฮัวเอียนต่อจากนี้ไปฉันต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือจากนาย..เพราะงั้นอย่าพูดถึงอดีตอีกเลยและหวังว่าเราจะสามารถดูแลสำนักม่อจื๊อร่วมกันได้ในอนาคต..นี่เป็นการตอบแทนความเมตตาของอาจารย์ที่สั่งสอนและเลี้ยงดูเรามานานหลายปี”
“ศิษย์พี่ถ้ามีอะไรในอนาคตผมก็จะช่วยอย่างเต็มที่” ท่าทีของชาฮัวเอียนถ่อมตัวมากและใบหน้าของเขาก็ไม่มีความไม่พอใจใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนี่ต้องใช้ความสามารถในการปกปิดที่ยอดเยี่ยมที่อธิบายไม่ได้และแน่นอนว่าชาฮัวเอียนได้เข้าใจแก่นแท้ของมัน
ในตอนนี้ชาฮัวเอียนก็โล่งใจเพราะตู้ฟู่เหว่ยไม่ได้ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องในคืนนี้อีกต่อไป ความจริงแล้วชาฮัวเอียนก็กังวลมากเช่นกันเพราะถ้าหากตู้ฟู่เหว่ยรู้ว่าเขาไปหาเย่เชียนในคืนนี้ต่อให้เขาจะแก้ตัวยังไงหรือหาทางออกยังไงตู้ฟู่เหว่ยก็จะไม่มีความเมตตาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามชาฮัวเอียนก็รู้ดีว่านี่เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้นเพราะสิ่งต่อไปคือกุญแจสำคัญและอีกสองวันต่อมาตู้ฟู่เหว่ยกับเย่เชียนก็จะต่อสู้กันและนั่นเป็นเวลาที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเย่เชียนโอกาสที่เขาจะชนะและได้ครอบครองตำแหน่งเจ้าสำนักก็สูงมากเช่นกัน แต่ถ้าหากเย่เชียนแพ้ชะตากรรมของเขาจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ผลลัพธ์ของศึกดวลเดือดครั้งนี้
คิ้วของชาฮัวเอียนก็ขมวดเข้าหากันและเขาก็คิดอย่างรอบคอบว่าจะต้องทำอย่างไรหลังจากนี้ เพราะเขาต้องมีบทบาทในเรื่องนี้อย่างมากไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถของตู้ฟู่เหว่ยแล้วการทำให้เย่เชียนกับม่อหลงชนะนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
ตู้ฟู่เหว่ยและหยานซื่อฉุยก็ไม่ได้อยู่ที่นี่อีกต่อไปและหลังจากบอกลาพวกเขาทั้งสองแล้วพวกเขาก็จากไป ตู้ฟ่เหว่ยคิดว่าเขาทำได้ดีในวันนี้และตักเตือนชาฮัวเอียนเล็กน้อย อย่างน้อยๆก็ชั่วคราวและชาฮัวเอียนก็สามารถโล่งใจได้เพราะจะไม่มีปัญหาในเวลานี้ อันที่จริงแล้วตู้ฟู่เหว่ยนั้นคิดเอาไว้ว่าเมื่อศึกดวลเดือดกับเย่เชียนและม่อหลงจบลงแล้วการกำจัดชาฮัวเอียนก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เรียกได้ว่าทั้งสามคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเองและแต่ละคนก็มีแผนการเป็นของตัวเอง
เมื่อเย่เชียน,จินเหว่ยห่าวและม่อหลงกลับมาที่โรงแรมก็พบว่าหวงฟู่ชิงเตี๋ยนยังคงนั่งอยู่ในห้องของพวกเขาและดูเหมือนจะรอพวกเขากลับมา เมื่อเห็นเย่เชียนกลับมาจิตใจของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็สงบลงในที่สุด
เย่เชียนก็ตกตะลึงไปชั่วขณะและสับสนเล็กน้อยเพราะเขาบอกให้หวงฟู่ชิงเตี๋ยนไปจัดการเรื่องต่างๆของสาวกหมิงม่อไม่ใช่หรือและทำไมเขาถึงยังนั่งอยู่ที่นี่? “อะไรนะกันปู่กังวลว่าผมจะกลับมาไม่ได้งั้นเหรอ?” เย่เชียนพูดและเดินไปยังฝั่งตรงข้ามของหวงฟู่ชิงเตี๋ยนแล้วนั่งลง “เป็นยังไงบ้างสาวกหมิงม่อมาถึงกันรึยัง?”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “นี่เอ็งกังวลเรื่องของฉันงั้นเหรอ..นี่มันเป็นเรื่องของสำนักม่อจื๊อของฉันเพราะงั้นเอ็งจะประมาทได้ยังไง?..แล้วที่เอ็งไปพบกับโอ่วหยางหมิงซวนล่ะเป็นยังไงบ้าง?..ชาฮัวเอียนมีพฤติกรรมแบบ?”
“เป็นไปได้ด้วยดี” เย่เชียนฉีกยิ้มแล้วพูด “ชาฮัวเอียนไม่พอใจตู้ฟู่เหว่ยกับหยานซื่อฉุยมาก..ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเขาก็น่าจะช่วยเราจัดการกับตู้ฟู่เหว่ย..แต่ท้ายที่สุดเรื่องนี้ก็ค่อนข้างยากและเราก็ไม่สามารถประมาทได้..เราต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือของชาฮัวเอียนและตราบใดที่เราชนะการต่อสู้ล่ะก็ความโกลาหลจะเกิดขึ้นในสำนักม่อจื๊ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..จากนั้นพวกเราจะใช้ประโยชน์จากเวลานั้น” จากนั้นเย่เชียนก็อธิบายสั้นๆเกี่ยวกับการสนทนากับโอ่วหยางหมิงซวนและชาฮัวเอียน
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็พยักหน้าและพูดว่า “อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังเมื่อตู้ฟู่เหว่ยตายเพราะชาฮัวเอียนจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักและเขาจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของเรา!”
“ถ้าเป็นแบบนั้นความแข็งแกร่งของสำนักม่อจื๊อก็จะลดลงอย่างมากในขณะนั้นและพวกเราก็สามารถดำเนินตามแผนได้อย่างเต็มที่” เย่เชียนยิ้มแล้วพูดต่อ “ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมต้องบอกคุณเพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าตอนที่เราพบไปกันในคืนนี้..โอ่วหยางหมิงซวนต้องการให้ผมและชาฮัวเอียนลงทุนในเหมืองถ่านหินกับเขา”
“เหมืองถ่านหิน?” หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “นี่เป็นการลงทุนทางธุรกิจที่ปกติมาก..มันจะไปสำคัญอะไรมันไม่เห็นมีอะไรที่ต้องเสี่ยงเลยนี่หน่า..แต่เอ็งต้องระวังเขาให้ดีเพราะถ้าเอ็งประมาทเขาจะฆ่าเอ็งอย่างแน่นอน” ”
เย่เชียนก็ยักไหล่แล้วพูดว่า “ฟังที่ผมพูดก่อนสิ..ปู่ทำเหมือนผมเป็นคนไร้สาระจริงๆ..อันที่จริงแล้วเหมืองถ่านหินนั้นเป็นเพียงฉากเบื้องหน้าเท่านั้นเพราะสิ่งสำคัญคือที่นี่มีเหมืองทองคำอยู่ใกล้ๆเหมืองถ่านหินและโอ่วหยางหมิงซวนก็ต้องการใช้ระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อขนส่งทองคำเหล่านี้ออกไปแล้วขาย..ซึ่งในภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นผลกำไรมหาศาลมากพอผมฟังแล้วน้ำลายสอเลยล่ะ”
หวงฟู่ชิงเตี๋ยนก็ถึงกับตกใจและตกตะลึงแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “แล้วเหมืองทองคำมันใหญ่แค่ไหน?”
“จากคำพูดของโอ่วหยางหมิงซวนผมคิดว่าเหมืองทองคำแห่งนี้ไม่เล็กเลย..ไม่งั้นเขาคงจะไม่หาคนร่วมมือกับเขาหรอก..เหมืองถ่านหินแห่งนี้เดิมทีถูกซื้อกิจการนักธุรกิจในเซินเจิ้นแต่โอ่วหยางหมิงซวนใช้เส้นสายด้วยอำนาจของเขาจนได้รับสิทธิ์ในการขุดเจาะเหมืองถ่านหิน..เพราะงั้นถ้าหากไม่มีผลกำไรมหาศาลทำไมเขาถึงทำแบบนี้ล่ะ?” เย่เชียนพูด
.
.
.