ยอดนักรบจอมราชัน - ตอนที่ 1038 ระวัง
ตอนที่ 1038 ระวัง
……….
การแสดงออกของโจวหยวนทำให้เย่เชียนตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงเพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่พี่น้องที่ติดตามเขาและพร้อมที่จะเสียสละแทนกันได้ ดังนั้นเมื่อไม่ได้พบเขาเป็นเวลานานพวกเขามักจะมองข้ามสิ่งที่สำคัญมากไปและนั่นคือลืมว่าเขาเคยเป็นใครและควรจะเป็นใคร
เรื่องนี้ยังสะท้อนถึงปัญหาทางอ้อมและนั่นคือการพัฒนาของเขี้ยวหมาป่านั้นเร็วเกินไปและถึงแม้จะใช้เวลาสองปีในการพัฒนาก็ตามแต่ก็ยังมีปัญหาอีกมาก แน่นอนว่าสิ่งต่างๆในเมืองเซี่ยงไฮ้ไม่มีปัญหาอะไรเพราะแจ็คกับหวังหูนั้นทำสิ่งต่างๆได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่ยากที่จะพูดที่อื่นๆและตัวอย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหนานจิงครั้งล่าสุดดูเหมือนว่าโจวหยวนจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเหมือนกัน
เย่เชียนรู้สึกว่ามันจำเป็นและมันเป็นความรับผิดชอบของเขาที่จะไปตรวจสอบยังสถานที่ต่างๆไม่เช่นนั้นเย่เชียนก็กลัวว่าปัญหาจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและในตอนนั้นมันจะไม่ง่ายเลยที่จะทำความสะอาดหลังจากมันเกิดปัญหาไปแล้ว เมื่อเย่เชียนกลับไปถึงห้องพักของเขาเย่เชียนก็โทรไปหาแจ็คและอธิบายสั้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้และให้เขาเริ่มเตรียมสิ่งต่างๆให้พร้อม
ทำไมเย่เชียนถึงไม่จัดการโจวหยวนเมื่อสักครู่นี้? นี่คือการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนของเย่เชียนเพราะโจวหยวนเป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างเย่เชียนและเมืองเซินเจิ้น เมื่อโจวหยวนตายไปทุกอย่างในเซินเจิ้นอาจสูญหายไปโดยสิ้นเชิงและนี่คือสิ่งที่เย่เชียนไม่ต้องการเห็น ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือตอนนี้ก็ค่อนข้างวุ่นวายและเขาก็ไม่มีอำนาจที่จะดูแลกิจการของโจวหยวนได้ ซึ่งสิ่งต่างๆต้องรอหลังจากสถานการณ์ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือคลี่คลายและมั่นคงก่อน
หลังจากที่เย่เชียนออกจากบ้านพักของโอ่วหยาวหมิงซวนไปชาฮัวเอียนก็ไม่อยู่ต่อนานนักเพราะหลังจากคุยกับโอ่วหยางหมิงซวนเกี่ยวกับเย่เชียนสั้นๆและเขาก็กลับ การที่เขามาพบเย่เชียนนั้นเขาซ่อนมันจากตู้ฟู่เหว่ยเพาะเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นตู้ฟู่เหว่ยก็ต้องระวังมากขึ้น ไม่งั้นหยานซื่อฉุยก็จะไม่สามารถเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนักอย่างราบรื่นได้
เมื่อชาฮัวเอียนกลับไปที่บ้านแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อพบว่าตู้ฟู่เหว่ยและหยานซื่อฉุยกำลังนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้านของเขาและสีหน้าก็ดูจริงจังมาก จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ท่านอาจารย์..ทำไมอาจารย์ถึงได้มาที่นี่ล่ะ?”
“อะไรกันฉันจะมาไม่ได้เหรอ?” ตู้ฟู่เหว่ยถามอย่างเย็นชาและคำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ชาฮัวเอียนก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” จากนั้นเขาก็หันไปมองหยานซื่อฉุยแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่อาการบาดเจ็บของพี่เป็นยังไงบ้าง?”
หยานซื่อฉุยก็พยักหน้าและพูดว่า “นายคงจะมีความสุขมากสินะถ้าฉันสูญเสียศิลปะการต่อสู้ของฉันนับจากนี้ไป”
“ศิษย์พี่..ผมจะไปคิดแบบนั้นได้ยังไง” ชาฮัวเอียนพูด “สำนักม่อจื๊อยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการโดยศิษย์พี่และผมหวังว่าศิษย์พี่จะหายดีโดยเร็วที่สุด”
“ฮัวเอียน..นายกับฉันอยู่ด้วยกันมานานมากเพราะงั้นคนอื่นอาจไม่เข้าใจนายแต่ฉันรู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วนายเธอเกลียดฉันมาตลอดเลยใช่ไหม?” หยานซื่อฉุยพูดต่อ “ยังไงก็เถอะฉันแนะนำให้นายยกเลิกความคิดนี้ไปซะเพราะในอีกสองวันอาจารย์กับเย่เชียนจะต้องสู้กันเพราะงั้นในช่วงเวลานั้นนายจะต้องดูแลสำนักม่อจื๊อให้ดีและถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายก็ควรแก้ไขมันซะ..ไม่งั้นนายน่าจะรู้ดีนะว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?”
หัวใจของชาฮัวเอียนเต็มไปด้วยความคับข้องใจและความโกรธเกรี้ยวแต่ตอนนี้เขาต้องยับยั้งชั่งใจเอาไว้ เพราะตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะระเบิดโทสะและเขาทำได้เพียงอดทนและพยายามระงับมันเอาไว้ในใจของเขา เมื่อได้ยินแบบนั้นชาฮัวเอียนก็พูดว่า “ศิษย์พี่มั่นใจได้เลยว่าผมจะทำสิ่งต่างๆให้ถูกต้อง..ตราบใดที่ผมอยู่ที่นี่มันจะไม่มีใครทำอะไรสำนักม่อจื๊อของเราได้” หลังจากหยุดชั่วขณะชาฮัวเอียนก็หันไปมองตู้ฟู่เหว่ยและพูดว่า “อาจารย์ครับยังมีเวลาอีกสองวันก่อนจะถึงวันประลองของอาจารย์กับเย่เชียนเพราะงั้นอาจารย์มีโอกาสชนะมากแค่ไหนและเราต้องเตรียมการอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”
ตู้ฟู่เหว่ยก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “อะไรนะ..เอ็งคิดว่าฉันจะแพ้เหรอ..แน่นอนว่าสองคนนั้นมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาโดยเฉพาะเย่เชียนที่มีพลังแปลกๆในร่างกายของเขาและมีพลังทำลายล้างสูงมาก..แต่ถึงพวกนั้นจะรวมพลังกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันอยู่ดีเพราะงั้นทำไมฉันต้องเตรียมตัวด้วย?..แค่ไม่ต้องมารบกวนฉันก็พอ..แต่ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวอะไร”
“ท่านอาจารย์ดูเหมือนว่าหยานตงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่เชียนคนนี้และเขาก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณเพราะงั้นถ้าหากเขาอยู่ข้างเย่เชียนมันจะไม่เป็นผลดีกับเราเลย” ชาฮัวเอียนพูด “ผมไม่รู้เลยว่าเย่เชียนมีความสามารถแบบไหนและทำไมเขาถึงสามารถทำให้หยานตงโปรดปรานเขาได้ถึงขนาดนี้”
“เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสงสัย” หยานซื่อฉุยพูด “เท่าที่ฉันรู้มาเย่เชียนคนนี้เป็นลูกชายของเย่เจิ้งหรานแห่งตระกูลเย่และเย่เชียนก็เคยฆ่าฉินเยว่ลูกศิษย์ของหยานตงเพราะงั้นมันไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้หยานตงโปรดปรานเย่เชียนเลยและควรจะเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำ..แต่ตอนนี้เขากำลังช่วยเย่เชียนแบบนี้ซึ่งเข้าใจยากมาก..ยิ่งไปกว่านั้นหยานตงคนนี้ก็ยังฝ่าฝืนกฎเหล็กโดยการเข้ามาแทรกแซงและปล่อยให้เย่เชียนกับม่อหลงรอดกลับไปได้..เขาให้โอกาสพวกนั้นได้หายใจต่อเพราะงั้นเราควรระมัดระวังเพราะถ้าหากพวกนั้นลับหลังเราล่ะก็พวกเราแย่แน่”
“เอ็งไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะถึงแม้ว่าหยานตงจะมีทัศนคติแปลกๆแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้อาวุโสและเขาก็จะทำในสิ่งที่เขาพูด..เนื่องจากเขาพูดเรื่องนี้กับฉันแล้วเพราะงั้นเย่เชียนกับม่อหลงจะไม่กล้าเล่นสกปรกกับเราและทุกคนจะต้องดวลกันด้วยศิลปะการต่อสู้เท่านั้น..ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราตอนนี้คือไม่ต้องทำอะไรเลยไม่งั้นหยานตงก็จะหาข้ออ้างต่างๆมากดดันเราอย่างแน่นอน” ตู้ฟู่เหว่ยพูด “ยังไงก็เถอะพวกเราก็ต้องระวังให้มาก..ฉันได้ยินมาว่าเย่เชียนนั้นเจ้าเล่ห์มากและฉันเกรงว่ามันจะไม่ยอมรับผลเมื่อพวกมันแพ้ให้กับฉัน..เพราะฉะนั้นเราต้องระวังเรื่องนี้ให้ดี..เพราะเย่เชียนมันเก่งในการโจมตีจิตใจของผู้คน”
หลังจากหยุดไปสักพักตู้ฟู่เหว่ยก็หันไปมองชาฮัวเอียนและพูดว่า “บอกฉันทีว่าเอ็งจะกลายเป็นเครื่องมือที่เย่เชียนหลอกใช้หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นชาฮัวเอียนก็แข็งทื่อไปทั้งตัวและพูดอย่างเร่งรีบว่า “อาจารย์ครับไม่กล้าคิดอะไรที่ไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอก..ถึงแม้ว่าเย่เชียนจะจงใจหลอกใช้ผมแต่ผมก็ไม่หลงกลพวกมันหรอก”
“จริงเหรอ?..แล้วคืนนี้เอ็งไปไหนมา” ตู้ฟู่เหว่ยถาม
ชาฮัวเอียนก็เหลือบมองตู้ฟู่เหว่ยและพยายามคิดอย่างลับๆว่าตู้ฟู่เหว่ยรู้เกี่ยวกับการนัดพบของเขากับเย่เชียนจริงๆหรือเปล่า เพราะตอนนี้คำตอบทุกขั้นตอนจะต้องระมัดระวังอย่างมากไม่เช่นนั้นด้วยความสามารถในการสังเกตของตู้ฟู่เหว่ยก็จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ ซึ่งถ้าหากเขาเลือกคำตอบไม่ได้นั่นจะนำความตายมาสู่ตัวเขาเอง? หลังจากติดตามตู้ฟู่เหว่ยมาหลายปีชาฮัวเอียนก็ชัดเจนในเรื่องนี้มากและนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่มีความรักให้ตู้ฟู่เหว่ยผู้เป็นอาจารย์เลยเพราะตู้ฟู่เหว่ยถือว่าเขาเป็นเพียงเครื่องมือเสมอและเป็นเครื่องมือที่ใช้ได้และไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์เลย เพราะความโปรดปรานทั้งหมดนั้นอยู่กับหยานซื่อฉุย ดังนั้นหากตู้ฟู่เหว่ยรู้ว่ามีอะไรผิดปกติกับชาฮัวเอียนและคุกคามหยานซื่อฉุยล่ะก็ตู้ฟู่เหว่ยก็จะฆ่าเขาโดยไม่ลังเลใดๆ
หลังจากอยู่แบบนี้มานานหลายปีชาฮัวเอียนจะมีความรู้สึกที่ดีต่อตู้ฟู่เหว่ยได้อย่างไร? ซึ่งสิ่งที่หยานซื่อฉุยได้ทำกับเขาในตอนนั้นตู้ฟู่เหว่ยไม่แม้แต่จะตำหนิแต่กลับปล่อยผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและตั้งแต่นั้นมาชาฮัวเอียนรู้ว่าถ้าเขาไม่อยากถูกคนอื่นรังแกเขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
คนอ่อนแอจะถูกผู้ที่แข็งแกร่งกลืนกินเสมอ
ดั่งที่จักรพรรดิถังไท่จงฆ่าพี่ชายของเขาและยึดบัลลังก์ไปแต่ประวัติศาสตร์กลับไม่ได้ยกย่องเขาและมันก็เลยกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนโดยผู้ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองทั้งหมด แต่ชาฮัวเอียนอยากจะประสบความสำเร็จไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนก็ตาม
“โอ่วหยางหมิงซวนแห่งตระกูลโอ่วหยางต้องการพบผมเป็นการส่วนตัวเพราะงั้นผมจึงไปพบกับเขา” ชาฮัวเอียนพูดอย่างระมัดระวัง “ผมต้องการจะบอกอาจารย์ก่อนแต่ผมกลัวว่าจะไปรบกวนอาจารย์เพราะมันใกล้จะถึงวันดวลเดือดกับพวกนั้นแล้ว..ผมก็เลยคิดว่าอาจารย์จะต้องฝึกสมาธิผมก็เลยไม่กล้าไปรบกวนอาจารย์”
“จริงเหรอ?” ตู้ฟู่เหว่ยค่อนข้างไม่เชื่อ
“ใช่..ถ้าอาจารย์ไม่เชื่ออาจารย์ก็สามารถโทรไปถามโอ่วหยางหมิงซวนก็ได้..ศิษย์คนนี้ไม่กล้าหลอกลวงอาจารย์หรอกครับ” ชาฮัวเอียนพูด
“โอ่วหยางหมิงซวนมีสถานะสูงอย่างมากในตระกูลโอ่วหยางเพราะงั้นมันคงจะดีถ้าได้เป็นเพื่อนกับเขา” ตู้ฟู่เหว่ยพยักหน้าและพูดว่า “แล้วที่โอ่วหยางหมิงซวนเชิญเอ็งไปที่นั่นเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับอะไรล่ะ?”
“มันเกี่ยวกับการลงทุนในเหมืองถ่านหินเพราะเขาได้รับสิทธิ์ในการขุดเจาะแล้ว..แต่ดูเหมือนว่าบริษัทชิงหยุนกรุ๊ปจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง..ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องหาพันธมิตรและที่สำคัญกว่านั้นอันที่จริงเหมืองถ่านหินนี้เป็นเพียงฉากบังหน้าเพราะประเด็นหลักคือมันมีเหมืองทองคำอยู่แถวๆเหมืองถ่านหินซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเขา..อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องทำอย่างลับๆและเขาทำคนเดียวไม่ได้และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเรียกผมไปคุยและปรึกษาหารือเพื่อดูว่าผมสนใจที่จะลงทุนหรือเปล่า” ชาฮัวเอียนอธิบายเรื่องเหมืองถ่านหินเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่ตู้ฟู่เหว่ยจะเชื่อคำพูดของเขาและหยุดตั้งคำถามกับตัวเองว่าได้ไปพบกับเย่เชียนหรือเปล่า เพราะเมื่อดูจากท่าทางของตู้ฟู่เหว่ยแล้วเขาต้องมีข้อสงสัยในเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ตู้ฟู่เหว่ยก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “นี่เป็นการลงทุนที่ดีมากและยังเป็นวิธีที่สำคัญในการนำสำนักม่อจื๊อกับตระกูลโอ่วหยางให้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน..ฮัวเอียนเอ็งทำได้ดีมากในครั้งนี้และฉันจะไม่ถามเกี่ยวกับการลงทุนเพราะเอ็งจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
.
.
.
.